การตลาด
สกู๊ป : โค้กยิ้มร่า นั่ง "ผู้นำน้ำดำ" หลังยอดขายพุ่งสูงสุดรอบ 10 ปี


 

จากการแข่งขันของตลาดน้ำอัดลมในประเทศไทยที่นับวันจะยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น  ส่งผลให้คาดการณ์กันว่าปีนี้ตลาดรวมน้ำอัดลมในไทยน่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 7%  จากปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 44,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพตลาดเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 169,000 ล้านบาท

ด้วยอัตราการเติบโตของตลาดน้ำอัดลมที่มีอัตราการเติบโตสูง ส่งผลให้ไทยกลายเป็นตลาดสำคัญของเครื่องดื่มน้ำอัดลม และโคคา-โคลา  เจ้าของแบรนด์โค้ก  แฟนต้า  สไปร์ท  ก็เป็นอีกค่ายหนึ่งที่ได้รับอานิสงส์ดังกล่าว  เนื่องจากปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่างในตลาดน้ำอัดลม ไม่ว่าจะเป็นการเพลี่ยงพล้ำของค่ายเป๊ปซี่  ที่หลังจากเปลี่ยนผู้ผลิตและจำหน่าย การทำตลาดของค่ายเป๊ปซี่ก็แผ่วลง

ขณะที่ค่ายบิ๊กโคล่า ก็อยู่ระหว่างการเพิ่มกำลังการผลิตและขยายช่องทางจำหน่าย  ด้วยการที่เข้ามาเป็นผู้เล่นหมายเลข 3  ของตลาดน้ำอัดลม  จึงทำให้ค่ายบิ๊กโคล่า  ยังคงต้องไล่ตามพี่ใหญ่อย่างค่ายโค้กและเป๊ปซี่  เช่นเดียวกับน้องใหม่กิ๊ก อย่างค่ายเอส ของเสริมสุข  ซึ่งต้องเริ่มปูฐานลูกค้าใหม่ รวมไปถึงการเร่งสร้างแบรนด์ให้ติดใจติดตลาดผู้บริโภค

จากจุดแข็งของค่ายโค้กที่มีมากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆในตลาด ส่งผลให้ปีที่ผ่านมาน้ำดำโค้ก มียอดขายเติบโตมากถึง 32% สูงสุดในรอบ 10 ปี  จากอัตราการเติบโตที่สูงดังกล่าวส่งผลให้ปัจจุบันตลาดไทยกลายเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตเร็วเป็นที่ 2 ของโลก  รองแค่อินเดีย  ขณะเดียวกันค่ายโค้กไทยยังมียอดขายสูงสุดเป็นอันดับที่ 19 จาก 206 ประเทศทั่วโลก

\

ปัจจุบัน ค่ายโค้กออกมาประกาศว่าได้ขึ้นเป็น "ผู้นำตลาดน้ำดำ" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ด้วยการครองส่วนแบ่งการตลาดที่  50%  ตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ. ปีที่ผ่านมา   ขณะที่คอร์ปอเรตแชร์  ซึ่งประกอบด้วยแบรนด์โค้ก  แฟนต้า  และสไปรท์  มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันอยู่ที่ประมาณ 55.5% ในตลาดรวมน้ำอัดลม 

สำหรับภาพรวมผลประกอบการของ โคคา โคลา ประเทศไทย  ปีที่ผ่านมามียอดขายมากกว่า  30,000  ล้านบาท  มีอัตราการเติบโตที่  23%  สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ  60 ปี ที่ค่ายโค้กเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยแบ่งสัดส่วนยอดขายเป็นกลุ่มเครื่องดื่มอัดลม  80%  และเครื่องดื่มไม่อัดลม  20%

นายแอนโตนิโอ เดล โรซาริโอ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวว่า  จากศักยภาพของตลาดน้ำอัดลมไทยที่มีอัตราการเติบโตที่ดี  บริษัทแม่จึงให้ความสำคัญกับการทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น  เพื่อผลักดันให้รายได้ของโคคาโคลาทั่วโลกเพิ่มเป็นสองเท่าภายในปี 2563

นายพรวุฒิ สารสิน รองประธานกรรมการ  บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครืองดื่ม โคคา โคลา   กล่าวว่า  ใน ช่วง   2-3 ปีที่ผ่านมา ยอมรับว่าทำงานหนักและเหนื่อยมาก  เพราะต้องปรับแผนการทำงานต่างๆ  ขณะเดียวกันก็ต้องขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง  เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต

สำหรับกลยุทธหลักที่เน้นดำเนินการในช่วงที่ผ่านมามีด้วยกัน  3 ปัจจัยหลัก  ประกอบด้วย   1. การตลาด  2. การผลิต  และ  3. การกระจายสินค้า  ซึ่งจากการที่คู่แข่งมีปัญหาทำให้บริษัทต้องปรับแผนการทำตลาดใหม่  เพื่ออุดรอยรั่วในช่วงที่คนอื่นไม่มีสินค้าขาย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกำลังการผลิต  การเพิ่มพนักงานฝ่ายขาย  การเพิ่มฝ่ายลอจิสติกส์  เพื่อให้สินค้าสามารถกระจายได้ทั่วถึงผู้บริโภค    

 

นายพรวุฒิกล่วต่อว่า ในอดีตน้ำดำโค้กเคยเป็นผู้นำตลาดน้ำดำในไทย  แต่ต่อมาเป็นที่ 2  ซึ่งสาเหตุของความพ่ายแพ้ในช่วงดังกล่าว  เพราะสู้ไม่ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการโฆษณา  การจัดจำหน่าย  หรือการบริการ  แต่ตอนนี้บริษัทได้ปรับทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว จะเห็นได้ว่าล่าสุดแบรนด์โค้ก สามารถกลับขึ้นมาเป็นที่ 1 ได้เป็นที่เรียบร้อย

ล่าสุด ค่ายโค้ก ได้เริ่มเดินเครื่องสายการผลิตจากเครื่องจักรใหม่ซูเปอร์ไฮสปีด ผลิตได้ถึง 1,200 ขวดต่อนาที ที่โรงงานรังสิต เพิ่มกำลังผลิตอีก 35% รวมทั้งจะเพิ่มกำลังผลิตใหม่อีก 3 เครื่อง รองรับเครื่องดื่มทั้งอัดลมและไม่อัดลม ซึ่งทั้ง 4 ไลน์ผลิตนี้ ค่ายโค้กใช้งบในการลงทุนไปประมาณ 2,600 ล้านบาท

นอกจากนี้ ค่ายโค้ก  ยังมีแผนที่จะเพิ่มโรงงานผลิตสินค้าใหม่อีกแห่งในปีนี้  ควบคู่ไปกับการปรับระบบการจำหน่ายใหม่เพื่อลดต้นทุน ภายหลังจากมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบลอจิสติกส์ในช่วง  3 ปีที่ผ่านมา  ด้วยเลิกระบบการขนส่งแบบเก่ามาใช้ระบบใหม่ ซึ่งจะมีการเช็คต้วเลขล่วงหน้าว่าร้านใดต้องการสินค้ามากน้อยแค่ไหน  เพื่อให้การจัดส่งวางแผนได้ถูกต้อง

หลังจากค่ายโค้กปรับแผนการดำเนินงานออกมาในรูปแบบดังกล่าว ส่งผลให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 50%  มีความสามารถในการจัดส่งสินค้าให้กับร้านค้าได้ทั่วถึง 99%   ทำให้ปัจจุบันค่ายโค้กมีร้านค้าโชห่วยในเครือข่ายมากกว่า  300,000 ร้านค้าทั่วประเทศ เป็นช่องทางสร้างรายได้     

ในอนาคตค่ายโค้กมีแผนที่จะนำเครื่องดื่มแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย  แต่ตอนนี้ขอดูความเหมาะสมของตลาด  และอยู่ระหว่างการศึกษาความต้องการของผู้บริโภค  อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันค่ายโค้ก  มีเครื่องดื่มที่จำหน่ายในประเทศไทยประมาณ  9 แบรนด์  รวมกว่า 20  รายการ

อีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้ค่ายโค้กมีความแข็งแกร่ง นั่นก็คือ ช่องทางจำหน่ายในภาคใต้  จากความเป็นมืออาชีพของบริษัท หาดทิพย์ ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำอัดลมของค่ายโค้กในภาคใต้  ส่งผลให้โค้กยังคงเป็นผู้นำตลาดน้ำอัดลมในภาคใต้  ล่าสุดมีแผนที่จะเปิดโรงงานแห่งใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต

พล.ต พัชร  รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท หาดทิพย์  จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ในเดือน เม.ย.นี้  บริษัทมีแผนที่จะเปิดโรงงานใหม่ใน จ.สุราษฎร์ธานีเพิ่มเติม ด้วยงบลงทุนกว่า 1,400 ล้านบาท  เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลม บรรจุขวดเพ็ท (PET)  อีก 3 เท่าตัว

 
 


LastUpdate 10/03/2556 21:22:57 โดย : Admin
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 12:01 pm