การตลาด
สกู๊ป "ซีพี-เมจิ" โหมทำตลาดโยเกิร์ต ไล่บี้"แอคทีเวีย"


  


หลังจากผู้เล่นในตลาดโยเกิร์ตออกมาทำกิจกรรมการตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดโยเกิร์ตในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ภาพรวมตลาดโยเกิร์ตมีอัตราการเติบโตที่ดี ส่วนหนึ่งเกิดจากการออกทำกิจกรรมการตลาดของแบรนด์หลัก และการออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ที่มีราคาสูงขึ้นเข้าทำตลาด

จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ภาพรวมตลาดโยเกิร์ตในรอบ 12  เดือนที่ผ่านมามีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 4,374 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 33.4% และในปีนี้คาดการณ์กันว่าภาพรวมตลาดโยเกิร์ตน่าจะมีมูลค่ามาอยู่ที่ 6,086 ล้านบาท  เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดรวมโยเกิร์ตมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องที่ประมาณ  30% 

แม้ว่าตลาดโยเกิร์ตจะมีอัตราการเติบโตในระดับสูง แต่หากกลับมาดูที่อัตราการบริโภคของคนไทยถือว่ายังน้อยมาก เมื่อเทียบกับผู้บริโภคในภูมิภาคยุโรปที่มีอัตราส่วนการบริโภคโยเกิร์ตเฉลี่ย  27 กิโลกรัม/คน/ปี, แคนาดา 10 กิโลกรัม/คน/ปี  และอเมริกา 7 กิโลกรัม/คน/ปี ขณะที่ไทยมีอัตราส่วนการบริโภคเพียง 2 กิโลกรัม/คน/ปีเท่านั้น

สาเหตุที่ทำให้คนไทยบริโภคโยเกิร์ตไม่สูงเท่ากับผู้บริโภคในต่างประเทศ  หลักๆ เกิดจากทัศนคติในเรื่องของการบริโภคที่ต่างกัน กล่าวคือ ผู้บริโภคชาวไทยนิยมรับประทานโยเกิร์ต เพื่อแก้ไขปัญหาท้องผูกกันเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ต่างประเทศนิยมทานโยเกิร์ตเพื่อเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ส่งผลให้ที่ผ่านมาตลาดโยเกิร์ตไทยแข่งขันกันผ่านผลิตภัณฑ์รูปแบบที่คล้ายๆ กัน แต่ทั้งที่จริงๆ แล้วโยเกิร์ตยังมีอีกหลากหลายชนิดและนวัตกรรมที่น่าสนใจ
 

               
 
 
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ผู้ผลิต-จำหน่ายผลิตภัณฑ์นมและโยเกิร์ตภายใต้แบรนด์เมจิ กล่าวว่า จากช่องว่างการทำตลาดโยเกิร์ตในประเทศไทยที่ยังมีอีกมาก เพราะปัจจุบันจะเน้นการตลาดในเรื่องของการแก้ปัญหาเรื่องการขับถ่าย และเรื่องความมั่นใจรูปร่าง  บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการยกระดับตลาดโยเกิร์ตและขยายการเติบโตผ่านการสร้างเซ็กเมนต์ใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตระดับพรีเมี่ยมผ่านผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตชนิดคงตัว  “โยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย” เข้าทำตลาด

ทั้งนี้ สินค้าดังกล่าวได้รับการการันตีด้วยการเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่นมานานถึง 40ปี และเป็นผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตแบรนด์แรกๆ ที่ได้รับตรา FOSHU (Food for Specified Health Uses) ซึ่งเป็นเครื่องหมายอนุมัติว่าป็นอาหารที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพจาก Ministry of Health, Labor, and Welfare (กระทรวงสาธรณสุข แรงงาน และสวัสดิการสังคม) ประเทศญี่ปุ่น พร้อมผ่านการทำวิจัยเชิงปริมาณกับผู้บริโภคคนไทย ด้านความพึงพอใจต่อภาพรวมของสินค้า และรสชาติของสินค้า กลุ่มเป้าหมายให้คะแนนความชอบ และความพึงพอใจต่อสินค้าสูงถึง 98%

นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนที่จะนำสินค้าดังกล่าวเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย บริษัทได้ใช้เวลาหลายปีในการศึกษาตลาดผู้บริโภค และการผลิต เพื่อให้ได้สินค้าคุณภาพที่ดีที่สุด พร้อมกันนี้ ที่ผ่านมาบริษัทยังได้มีการใช้งบลงทุนสร้างโรงงานใหม่กว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิต และลงอุปกรณ์เครื่องจักรใหม่ที่ทันสมัยสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรองรับการผลิตนวัตกรรมโยเกิร์ตชนิดคงตัว

 
 
 
สำหรับแผนการทำตลาดโยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย ในปีนี้  ซีพี-เมจิ ได้เตรียมงบการตลาดประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ต่อผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อทุกช่องทาง  ขณะเดียวกัน ยังได้ดึง "เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข" มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์  เพื่อนำเสนอจุดขายของการเป็นโยเกิร์ตแท้ต้นตำรับที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักและใส่ใจการดูแลสุขภาพ พร้อมกับตอกย้ำว่าสินค้าโยเกิร์ตไม่ใช่เหมาะแต่กับผู้หญิง แต่เหมาะกับทั้งชายและหญิงที่ต้องการดูแลสุขภาพ

 
 
 
ในด้านของการทำการตลาด  ซีพี-เมจิ ได้ใช้ช่องทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นช่องทางแรกในการทดลองทำตลาดโยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย  เป็นระยะเวลา 1 เดือน โดยตั้งแต่กลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เริ่มวางจำหน่ายสินค้าในช่องทางดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในแต่ละวัน ซีพี-เมจิคาดว่าจะมียอดขายจากร้านเซเว่นฯ ไม่ต่ำกว่า 6-8 หมื่นถ้วยต่อวัน และหลังจากครบระยะเวลา 1 เดือน จะเริ่มมีการขยายช่องทางจำหน่ายไปยังร้านค้าปลีกต่างๆ ต่อไป

นายประสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้ขึ้นเป็นผู้นำทางด้านผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์มากว่า 10 ปี การออกมาเปิดตัวโยเกิร์ตระพรีเมียมเข้าทำตลาดในครั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาด 7% ภายใน 3 เดือนแรกหลังการวางสินค้าเข้าทำตลาด และมีส่วนแบ่งการตลาดโยเกิร์ตรวม 10% ภายในสิ้นปีนี้   

การออกมาเปิดตัว โยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย เข้าทำตลาดในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำผู้นำตลาดนมพาสเจอร์ไรส์  ของซีพี-เมจิ  ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 50 % ขณะที่ตลาดโยเกิร์ตปัจจุบันยังมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 10% เป็นอันดับ 3 ในตลาดรองจากแอคทีเวีย  และอันดับ 1 เป็นของโยเกิร์ตดัชชี  ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 60%

หลังจากออกมาทำตลาดโยเกิร์ตอย่างจริงจัง ซีพี-เมจิ มั่นใจว่าสิ้นปี 2557 จะมีส่วนแบ่งการตลาดโยเกิร์ตเพิ่มขึ้นเป็น 20%  หรือมีรายได้จากโยเกิร์ต อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท  เนื่องจากปี  2557 มีแผนที่จะส่งออกโยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย ไปทำตลาดในประเทศสิงคโปร์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งหลังจากออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ซีพี-เมจิ  มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 5,200  ล้านบาท 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 ส.ค. 2556 เวลา : 02:47:00
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 10:24 pm