การตลาด
สกู๊ป "ชาเขียว" โค้งสุดท้ายคึก งัดหมัดเด็ดชิงฐานลูกค้า


               

 

 

แม้ว่าช่วงไตรมาส 3 ของทุกปีจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของสินค้าส่วนใหญ่ แต่ในส่วนของตลาดชาเขียวยังคงมีการแข่งขันกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นรายเก่า หรือผู้เล่นหน้าใหม่ที่ขอกระโดดเข้ามาร่วมชิงแชร์ในตลาดชาเขียว จากจำนวนผู้เล่นที่เพิ่มขึ้นและเม็ดเงินที่ผู้เล่นแต่ละรายนำมาใส่ในการทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ส่งผลให้สิ้นปีนี้มีการคาดการณ์กันว่าภาพรวมตลาดชาเขียวน่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 25-30%  หรือมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 13,000  ล้านบาท

การแข่งขันในตลาดชาเขียวที่ยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้นำตลาดอย่าง "โออิชิ" ต้องออกมาปรับกลยุทธรอบด้าน เพราะคู่แข่งเบอร์ 2 อย่าง "อิชิตัน" ก็บุกหนักจ่อหลังพร้อมกระโดดขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดทันทีหากเพลี่ยงพล้ำ เมื่อเบอร์ 2 ออกมาอัดกิจกรรมส่งเสริมการขายแรง โออิชิก็ต้องทำการตอบโต้ แต่แคมเปญใครจะได้ผลการตอบรับที่ดีกว่ากัน คงต้องมาวัดผลเมื่อจบแคมเปญ

 

 

นอกจากจะมีแคมเปญ “รหัสโออิชิ ลุ้นทอง 100,000 ทุกชั่วโมง” บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยังออกมาตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมชาเขียวพร้อมดื่ม ด้วยการประกาศลงนามในสัญญาจัดซื้อเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตและบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ (Cold Aseptic Filling) สายการผลิตแห่งที่ 3 ณ โรงงานผลิตและบรรจุของโออิชิ ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร มูลค่ารวม 1,300 ล้านบาท กับบริษัท ชิบูย่า โคเงียว จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบผลิตและบรรจุชาเขียวพร้อมดื่มระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 15 ล้านขวดต่อเดือน รองรับความต้องการสินค้าทั้งภายในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศหลังก้าวเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี

               

 

 

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท โออิชิ เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า หนึ่งในกลยุทธ์หลักของไทยเบฟ คือ การมุ่งเน้นขยายธุรกิจสู่ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่มีการเติบโตอย่างแข็งแรง ผ่านระบบเครือข่ายการกระจายสินค้าที่เปี่ยมประสิทธิภาพ โดยมีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มโออิชิเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยเบฟให้เติบโตสู่ตลาดต่างๆ ทั่วภูมิภาคนี้

สำหรับการนำระบบเครื่องจักรการผลิตและเทคโนโลยีการผลิตและบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อที่ล้ำสมัย และมีความน่าเชื่อถือของชิบูย่ามาใช้ จะช่วยสร้างความมั่นใจยิ่งขึ้นให้กับการบริหารจัดการโรงงานผลิตที่มีคุณภาพสูงสุดของเราตามมาตรฐานสากล ควบคู่ไปกับการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีเยี่ยม และยังเป็นรากฐานสำคัญที่จะผลักดันให้ไทยเบฟ  ขึ้นแท่นผู้นำแห่งอุตสาหกรรมเครื่องดื่มในภูมิภาค ซึ่งเบื้องต้นไทยเบฟคาดการณ์ว่าจะเริ่มเดินเครื่องเพื่อการผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนธ.ค.2557 

 

               

 

นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และกรรมการ บริษัท โออิชิ เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า กระบวนการผลิตที่ดีเยี่ยมเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนโออิชิสู่การเป็นบริษัทเครื่องดื่มชั้นนำในระดับภูมิภาค การขยายสายการผลิตเครื่องดื่มชาเขียวโออิชิแบบขวดพีอีที ด้วยเทคโนโลยีการผลิตและบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อแห่งที่ 3 ในครั้งนี้ จะทำให้โออิชิมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 15 ล้านขวด จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ประมาณ 60 ล้านขวดต่อเดือน และตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในสิ้นปีนี้ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ประมาณ 44%

ด้าน นายฮิเดโตชิ ชิบูย่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิบูย่า โคเงียว จำกัด กล่าวว่า นับจากนี้บริษัทจะร่วมมือกับทีมงานของโออิชิอย่างเต็มกำลัง เพื่อดำเนินการติดตั้งสายการผลิตด้วยเทคโนโลยีการบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อใหม่แห่งที่ 3 ของโออิชิให้แล้วเสร็จ และเริ่มดำเนินการผลิตสินค้าได้ตามแผนงานที่วางไว้

 

 

ขณะที่โออิชิกำลังวางแผนงานในด้านของการขยายกำลังการผลิตควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ในด้านของผู้เล่นน้องใหม่อย่าง"ค่ายทิปโก้" ก็ขอปลุกเครื่องดื่มชาเขียวเข้ามาทำตลาดอีกครั้งหนึ่ง ภายหลังผนึกกำลังกับบริษัท ซันโทรี่ เบฟเวอร์เรจแอนด์ ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตชาพร้อมดื่มชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น พัฒนาผลิตภัณฑ์ชาอู่หลงพร้อมดื่มภายใต้แบรนด์ “ทีพลัส” สู่สมรภูมิชาเขียว

 

 

นายเซอิชิ อูเอโนะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด กล่าวว่า ภายหลังจากบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท ซันโทรี่ เบฟเวอร์เรจแอนด์ ฟู้ด จำกัด พัฒนาผลิตภัณฑ์ชาอู่หลงพร้อมดื่ม “ทีพลัส” เข้าสู่ตลาดชาเขียว แผนการดำเนินธุรกิจนับจากนี้บริษัทจะออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก

สำหรับกลบุทธ์ที่ค่ายทิปโก้งัดออกมาใช้เพื่อสร้างแบรนด์และสร้างฐานลูกค้า คือ การชูความเป็นชาอู่หลงพร้อมดื่มรายแรกที่ผลิตเข้าทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักของการทำตลาดชาอู่หลงพร้อมดื่ม “ทีพลัส”  คือ  คนทำงานรุ่นใหม่ อายุระหว่าง 25-35 ปี ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัยและห่วงใยสุขภาพ

นายเซอิชิ กล่าวว่า บริษัท ซันโทรี่ ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและพัฒนาชาอู่หลงพร้อมดื่มมายาวนานถึง 32 ปี จนเป็นผู้นำตลาดชาและมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยยอดขายกว่า 50,000 ล้านขวด   จากความเชี่ยวชาญดังกล่าวจึงทำให้บริษัทมั่นใจว่าการร่วมมือกันเข้ามาทำตลาดชาอู่หลงพร้อมดื่มในครั้งนี้น่าจะได้ผลการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค

การออกมาเปิดเกมบุกตลาดชาพร้อมดื่มอย่างจริงจังในครั้งนี้ ยังถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเครื่องดื่มของทิปโก้ จากปัจจุบันทิปโก้มีความแข็งแกร่งในฐานะผู้ชำนาญด้านเครื่องดื่มน้ำผลไม้อยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของช่องทางการทำตลาดจะยังคงเน้นไปที่ช่องทางเดียวกับตลาดน้ำผลไม้ในช่องทางโมเดิร์นเทรดและร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศไทย ด้วยการจัดจำหน่ายของบริษัทดีเคเอสเอช

นอกจากนี้ ทิปโก้ยังได้เตรียมงบการตลาดไว้ 250 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้และตอกย้ำถึงจุดเด่น ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยวางแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ อย่างครบวงจรผ่านสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์ สื่อตามห้างสรรพสินค้า สื่อโฆษณากลางแจ้ง และสื่อบนรถไฟฟ้า BTS พร้อมทั้งจัดกิจกรรมการตลาดสนับสนุนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตามห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน และมหาวิทยาลัยชั้นนำ เพื่อสร้างความแปลกใหม่ไม่จำเจในการบริโภค

พร้อมกันนี้ ทิปโก้ยังได้มีการดึงดารารุ่นใหม่ 3 คน คือ หน่อง-ธนา ฉัตรบริรักษ์ ,บิ๊ก-เกียรติศักดิ์ จรัสมาส และ หวานหวาน-อรุณณภา พสนิชจรูญ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับชาอูหลงพร้อมดื่มภายใต้แบรนด์ทีพลัส ซึ่งหลังจากเปิดตัวสินค้าดังกล่าวเข้าทำตลาด ทิปโก้มั่นใจว่าจะสามารถครองใจผู้บริโภคและมียอดขายติด 1 ใน 3 อันดับแรกของผู้นำตลาดชาพร้อมดื่มได้ในเวลา 3 ปีนับจากนี้ และขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดชาพร้อมดื่มระดับพรีเมี่ยม

 

 

 

ด้าน "ค่ายอิชิตัน"  หลังจากออกมาทุ่มงบ  200  ล้านบาท  ในการทำแคมเปญ “อิชิตันทัวร์ยกแก๊งฮอกไกโด ตอน รหัสช้อปเปรี้ยงฟรี 1 ล้านบาท” เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงโลว์ซีซันนี้ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากช่วงปกติเช่นเดียวกับการทำแคมเปญส่งเสริมหารขายในช่วงหน้าร้อน ล่าสุด อิชิตันได้ออกมาดัมพ์ราคาเครื่องดื่มสมุนไพรภายใต้แบรนด์เย็นๆ จาก 15 บาท เหลือ 10 บาท ระหว่างวันที่ 16-22 ก.ย.นี้ เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาด

หลังจากออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ "นายตัน  ภาสกรนที" กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน จำกัด (มหาชน)  ออกมาปรับแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจากต้นปี 2557 เป็นช่วงช่วงปลายปีนี้ หรือประมาณเดือนธ.ค.56  เพราะจากความสำเร็จในการทำกิจกรรมทางการตลาด ทำให้อิชิตันมั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า  6,000 ล้านบาท มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ 4,500 ล้านบาท และเชื่อว่าในสิ้นปีนี้จะสามารถมีส่วนแบ่งตลาดไม่ต่ำกว่า 40% ใกล้เคียงกับโออิชิ

 

 


LastUpdate 30/09/2556 01:35:48 โดย : Admin
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 7:10 pm