การตลาด
สกู๊ป....... "สยามฟิวเจอร์"คัมแบ็คลุยค้าปลีกใหญ่เล็กรวด 3 สาขา


 
 
 
 
หลังจากชะลอการขยายศูนย์การค้าใหม่ไป 2 ปี วันนี้ บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) พร้อมแล้วที่จะกลับมาขยายสาขาศูนย์การค้าขนาดใหญ่และขนาดเล็กรวด 3 สาขา เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกยังคงความรุนแรงโดยเฉพาะประเภทคอมมูนิตี้มอลล์
 

 

 

นางณัฐรินทร์ พยุงวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือเอสเอฟ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 3 โครงการ แบ่งเป็นโครงการในรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ 2 โครงการ ซึ่งอยู่ในย่านสาทร และทำรวมกับคอนโดมิเนียมของแอลพีเอ็นในย่านรังสิตคลอง 1 ส่วนอีก 1 โครงการเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ภายใต้ชื่อ " เมกา นอร์ธ " ย่านวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ช่วงช่วงรังสิตคลอง 4

 

ในส่วนของงบการลงทุนสาขาใหม่เบื้องต้นคาดว่า จะใช้งบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 250 ล้านบาท ซึ่งงบลงทุนดังกล่าวไม่รวมโครงการเมกา นอร์ธ เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการเขียนแบบโครงการ จึงทำให้ยังไม่สามารถคำนวณงบในการลงทุนได้ ซึ่งการกลับมาขยายสาขาในปีนี้ ถือเป็นการกลับมาในรอบ 2 ปี หลังจากหันไปให้ความสำคัญกับการทำตลาดศูนย์การค้าเมกา บางนา


ปัจจัยที่ทำให้บริษัท สยามฟิวเจอร์ หันมาบุกขยายศูนย์การค้าใหม่อีกครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกกลุ่มคอมมูนิตี้มอลล์ มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงมากขึ้น ภายหลังมีผู้เล่นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เข้ามาทำธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ภายในโครงการของตัวเองมากขึ้น ส่งผลให้รัศมีการเปิดห้างค้าปลีก เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าต้องปรับลดลงเหลือ 2-3 กม.จาก 2-5 กม.

การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ปีนี้บริษัท สยามฟิวเจอร์ ต้องหันมาทำกิจกรรมการตลาดมากขึ้น และใช้งบการตลาดเพิ่มขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมา เพื่อดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าของบริษัทมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีศูนย์การค้าและคอมมูตี้มอลล์เปิดให้บริการรวมกัน 28 สาขา ไม่นับรวมศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่างเมกา บางนา
 
 
 

นอกจากจะลุยเปิดศูนย์การค้าใหม่แล้ว ในปีนี้บริษัท สยามฟิวเจอร์ ยังมีแผนที่จะใช้งบอีกประมาณ 100 ล้านบาท ในการปรับปรุงสาขาเก่าจำนวน 3 สาขาให้มีความทันสมัย แบ่งเป็นงบการปรับปรุงสาขาเอสพลานาด รัชดา ประมาณ 55 ล้านบาท ที่เหลืออีกประมาณ 45 ล้านบาทจะใช้ปรับปรุงศูนย์การค้ามาร์เก็ต เพลส ประชาอุทิศ และ ศูนย์การค้ามาร์เก็ต เพลส สุขาภิบาล 3

จากจำนวนศูนย์การค้าทั้ง 3 แห่งที่จะทำการปรับปรุงในปีนี้ ศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา เป็นศูนย์การค้าที่ต้องปรับปรุงมากที่สุด เนื่องจากเปิดมานาน 7 ปี ซึ่งนอกจากจะปรับปรุงตัวอาคารทั้งภายในและภายนอกให้มีความสวยงามแล้วยังได้ดึงพันธมิตรอย่างพิพิธภัณฑ์ศิลปะอาร์ท อิน พาราไดส์ ธุรกิจออกกำลังกายวี ฟิตเนส โซไซตี้ และร้านอาหารเคลลี่ บาย ออเดรย์ เข้ามาเปิดให้บริการเพิ่มขึ้น 
 
 
 

นายนพพร วิฑูรชาติ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.สยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า บริษัทอยากสร้างศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา เป็นอาร์ตคอมมิวนิตี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางบริษัทได้วางคอนเซ็ปต์ไว้แต่เดิมภายใต้คอนเซ็ปต์ “Arte-tainment Avenue” หรือศูนย์ศิลปะบันเทิงแห่งแรกในเมืองไทย ซึ่งภายในศูนย์การค้าได้มีการแบ่งสัดส่วนของร้านค้าและธุรกิจความบันเทิงที่เชื่อมโยงกับศิลปะ 7 แขนง ประกอบด้วย ดนตรี ประติมากรรมภาพวาด วรรณกรรม โรงละครเพลง สถาปัตยกรรม และภาพยนตร์ 

ดังนั้น การออกมาประกาศแผนปรับปรุงศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการยกระดับศูนย์การค้าเอสพลานาดให้ก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นผ่านคอนเซ็ปต์ใหม่คือ “The Best Art & Entertainment Complex” หรือการเป็นศูนย์กลางของศิลปะและความบันเทิงอันดับหนึ่งของเมืองไทย ด้วยการใช้งบกว่า 40 ล้านบาท ในการรีเฟรชแบรนด์ใหม่ 

นอกจากนี้ บริษัท สยามฟิวเจอร์ ยังได้จับมือร่วมกับผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีแนวทางในการดำเนินธุรกิจในแนวทางเดียวกันนำธุรกิจเข้ามาเปิดให้บริการเพิ่มเติมภายในศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยดีไซน์การตกแต่งร้านที่นำมาเชื่อมโยงกับศิลปะทั้ง 7 แขนง โดยเฉพาะการจับมือกันของสยามฟิวเจอร์ กับพิพิธภัณฑ์อาร์ต อิน พาราไดซ์ ถือเป็นการตอกย้ำคอนเซ็ปต์ของศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา ได้เป็นอย่างดี
 

 
 
สำหรับการดำเนินงานของพิพิธภัณฑ์ภาพรวมวาด 3มิติ อาร์ต อิน พาราไดซ์ สาขากรุงเทพฯ จะเปิดให้บริการบนพื้นที่ชั้น 4 ของศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา ซึ่งนอกจากจะตอกย้ำคอนเซ็ปต์ของตัวศูนย์การค้าแล้ว ยังถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ ในการผลักดันศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศิลปะเพื่อคนกรุงเทพฯ อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งวันที่ 22 ก.พ. นี้จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ 

ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์อาร์ต อิน พาราไดซ์ มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการอยู่ 2 แห่ง คือ พัทยา และเชียงใหม่ ซึ่งสาขาที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวมากที่สุดคือ พัทยา โดยในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปชมภาพวาดเฉลี่ยประมาณ 5,000-7,000 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงแรกที่เปิดให้บริการในปี 2555 ที่มีลูกค้าเข้ามาชมภาพวาดเพียงวันละ 50 คน 

ขณะที่สาขาเชียงใหม่ เริ่มเปิดให้บริการเปิดในเดือน ก.ค. 2556 ที่ผ่านมาในย่านถนนช้างคลาน มีภาพวาดจัดแสดงอยู่ประมาณ 130 ภาพ ซึ่งหลังจากที่บริษัทได้เปิดให้บริการสาขาเอสพลานาด รัชดา และที่เชียงใหม่คาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาชมภาพรวมต่อปีไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านคน แบ่งเป็นคนไทย 70% และต่างชาติ 30%
 
 
 
 

ปัจจัยที่ทำให้อาร์ต อิน พาราไดซ์มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไปชมภาพวาด 3 มิติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งอาจมาจากคนไทยนิยมการถ่ายภาพ ประกอบกับบริษัทได้ใส่เทคโนโลยี มีเดีย อาร์ท เข้าไปในภาพวาดต่างๆ จึงทำให้ภาพวาดดูเสมือนจริง และเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะลูกค้าชาวไทย

นอกจากจะจับมือกับพิพิธภัณฑ์ อาร์ต อิน พาราไดซ์ แล้ว บริษัท สยามฟิวเจอร์ ยังได้จับมือร่วมกับ 5 ธุรกิจใหม่ ประกอบด้วย วี ฟิตเนส โซไซตี้ ร้านอาหารซับเวย์ ร้านง้วนหลังวัง ร้านบอนชอน ชิกเก้น และร้านเคลลี่ บาย ออเดรย์ ซึ่งทั้ง 5 ธุรกิจ เปรียบเสมือนตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมในสถานที่ที่ผ่านการตกแต่งอย่างมีสไตล์ และสามารถรองรับไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของคนรุ่นใหม่ที่สนใจการใช้เทคโนโลยีในการอัพเดทกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะการแบ่งปันรูปถ่ายของตนเองกับสถานที่ที่ได้ไปผ่านสื่อออนไลน์

ปัจจุบัน ภายในศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา มีทั้งร้านค้าและธุรกิจบันเทิงหมดกว่า 120 ร้าน สามารถรองรับผู้มาใช้บริการได้กว่า10,000 คนต่อวัน ซึ่งหลังจากรีเฟรชแบรนด์ใหม่ในปี 2557 นี้ บริษัท สยามฟิวเจอร์ คาดการณ์ว่า ศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา โฉมใหม่ จะสามารถดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับศูนย์การค้า และนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นวันละไม่ต่ำกว่า 4,000 คน และสร้างรายได้ให้กับศูนย์การค้ากว่า 1 ล้านบาทต่อวัน

หลังจากดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ภายนอกและภายในของตัวศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา ให้มีความสวยงามแล้ว บริษัทสยามฟิวเจอร์ ยังมีแผนที่จะนำที่ดินที่เหลือในบริเวณด้านหลังศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา นำมาก่อสร้างให้เป็นฮอลล์คอนเสิร์ต เพื่อให้ศูนย์การค้าดังกล่าวมีความครบวงจรมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันบริษัท สยามฟิวเจอร์ ยังไม่มีศูนย์การค้าที่ให้บริการในเรื่องของดนตรี จึงมีแผนที่จะสร้างโครงการดังกล่าว เพื่อตอกย้ำความเป็นอาร์ตเอ็นเตอร์เทนเมนต์

แม้ว่าขณะนี้บริษัท สยามฟิวเจอร์ จะยังไม่สามารถออกมาเปิดเผยผลประกอบการในปี 2556 ที่ผ่านมาได้ แต่หลังจากออกมาประกาศแผนเชิงรุกนับจากปี 2557 นี้เป็นต้นไป น่าจะส่งผลให้บริษัท สยามฟิวเจอร์กลับมามีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดอีกครั้ง เนื่องจากจำนวนสาขาใหม่ที่จะเปิดให้บริการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่จำนวน 1 โครงการ
 

LastUpdate 09/02/2557 09:01:42 โดย : Admin
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 10:10 am