การตลาด
สกู๊ป "โรงหนังไอแม็กซ์" เร่งกิจกรรมทดลองชมกระตุ้นลูกค้าเพิ่ม



           
ไอแม็กซ์ (IMAX)  ถือเป็นโรงภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากระบบฉายมีความคมชัดมากกว่าโรงหนังปกติทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นในด้านของภาพหรือเสียง ใครได้เข้ามาทดลองชมภาพยนตร์ในโรงหนังไอแม็กซ์ก็จะติดใจกลับมาชมซ้ำ ส่งผลให้โรงภาพยนตร์ไอแม็กซ์มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั่วโลก

แรกเริ่มเดิมที่โรงหนังไอแม็กซ์ จะได้ระบบฉายที่ 15/70 หรือใช้ฟิล์มขนาด 70 มม.โดยในแต่ละเฟรมของภาพ จะมีรูหนามเตย จำนวน 15 รู ต่อมามีการพัฒนาเป็น IMAX Dome หรือ OmniMAX ฉายด้วยจอพิเศษที่มีลักษณะโค้งเป็นรูปโดม และพัฒนามาเป็น IMAX 3D ใช้สำหรับฉายภาพยนตร์สามมิติ ที่ต้องถ่ายทำโดยใช้กล้องถ่ายภาพยนตร์จำนวน 2 กล้อง ต่อมาพัฒนาเป็น IMAX HD เป็นระบบที่ถ่ายทำที่ความเร็ว 48 เฟรมต่อวินาที เป็นสองเท่าของระบบปกติ และล่าสุดพัฒนาระบบฉายมาเป็น IMAX Digital

 
 
 
ปัจจุบันสิทธิ์การบริหารงานโรงภาพยนตร์ระบบไอแมกซ์ในประเทศไทยอยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เริ่มธุรกิจสาขาด้วยการเปิดให้บริการภายในโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขารัชโยธิน ภายใต้ชื่อ "กรุงไทย ไอแมกซ์ เธียเตอร์" (เป็นการทุนร่วมกับธนาคารกรุงไทย) ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "พานาโซนิค ไอแมกซ์ เธียเตอร์" (เป็นการทุนร่วมกับ บริษัท พาซาโนนิค (ประเทศไทย) จำกัด)  

แต่หลังจากศูนย์การค้าสยามพารากอนเปิดให้บริการในปลายปี 2548 บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์  กรุ้ป ได้ทำการย้ายโรงภาพยนตร์ระบบไอแมกซ์ มาอยู่ภายในโรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์  จำนวน 1 โรงภาพยนตร์ โดยใช้ชื่อว่า "กรุงศรี ไอแม็กซ์ เธียเตอร์" (เป็นการทุนร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา) มีความสูงของจอที่สูงเท่ากับตึก 8 ชั้น และระบบเสียงดอลบี้ขนาด 12,000 วัตต์ ฉายภาพยนตร์ระบบไอแม็กซ์ทั้งแบบฟิล์ม 35 มม.,ไอแม็กซ์ DMR ,ระบบ 3 มิติ ในช่วงแรก และล่าสุดพัฒนาเป็นระบบ ไอแม็กซ์ ดิจิตอล 3 มิติ

นอกจากนี้ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ยังได้เซ็นสัญญากับไอแมกซ์ คอร์ปอเรชั่น เพื่อเดินหน้าขยายโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์เพิ่มเติม ซึ่งหลังจากเซ็นสัญญาความร่วมมือดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบันโรงภาพยนตร์ไอแม็กซ์มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการรวม 5  สาขา ประกอบด้วย เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน,เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ สาขาปิ่นเกล้า,พารากอนซีนีเพล็กซ์,เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ และ เซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ ภายใต้งบลงทุนรวมในการขยายสาขาและพัฒนาระบบ 500 ล้านบาท 

สำหรับแผนการขยายสาขาในปีนี้ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก 1 สาขา ที่ศูนย์การค้าดิ เอ็มควอเทียร์ ภายใต้งบลงทุน 75  ล้านบาท ซึ่งจากแผนการขยายสาขาดังกล่าว ส่งผลให้โรงภาพยนตร์ไอแม็กซ์ มีจำนวนที่นั่งรวม 6 สาขา อยู่ที่กว่า 2,500 ที่นั่ง หลังจากเปิดให้บริการสาขาที่ 6 ภายในศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ ในปลายปี พ.ศ.2557 นี้ หลังจากนั้นต้นปี 2559 มีแผนที่จะเปิดให้บริการสาขาที่ 7 ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า นครราชสีมา ต่อด้วยสาขาที่ 8 ที่บางกอกมอลล์ และปิดท้ายด้วยปี 2560 ที่ไอคอนสยาม เจริญนคร

แม้ว่า บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จะเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ก็ถือว่าเป็นการขยายสาขาที่ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับโรงภาพยนตร์ทั่วไปในเครือเมเจอร์ เพราะปัจจุบันผู้บริโภคยังขาดความเข้าใจในการชมภาพยนตร์ในระบบไอแม็กซ์ ประกอบกับการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ไอแม็กซ์แต่ละสาขาต้องหาทำเลที่มีศักยภาพ และมีกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม จึงทำให้การขยายสาขาใหม่ทำได้ช้ากว่าสาขาทั่วไป

 
 
 
นายจิม แพตเตอร์สันที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจ โรงภาพยนตร์กรุงศรีไอแม็กซ์ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของโรงภาพยนตร์กรุงศรี ไอแม็กซ์ นับจากนี้ จะเน้นไปในเรื่องของการสร้างประสบการณ์ในการรับชมภาพยนตร์ในโรงหนังไอแม็กซ์เป็นหลัก เพราะปัจจุบันคนไทยยังขาดความเข้าใจในการชมภาพยนตร์ในโรงหนังไอแม็กซ์ ส่งผลให้ปัจจุบันมียอดลูกค้าเข้าใช้บริการเฉลี่ยต่อครั้งคิดเป็นอัตราส่วนเพียง 20% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด

อย่างไรก็ดี จากการที่โรงภาพยนตร์ไอแม็กซ์ยังไม่มีคู่แข่งในตลาด ประกอบกับประเทศไทยยังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาดโรงภาพยนตร์ระบบไอแม็กซ์อีกมาก บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จึงเล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจให้มีอัตราการเติบโต ด้วยการออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขยายให้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นการชม ซึ่งหนึ่งในกลยุท์ดังกล่าว คือ การเปิดตัว บัตรเอ็ม เจนเนอเรชัน ไอแม็กซ์ หรือบัตรสมาชิกที่มีสิทธิพิเศษในการชมภาพยนตร์ในโรงหนังไอแม็กซ์ และโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้ามาทดลองชมภาพยนตร์ในโรงหนังไอแม็กซ์ 

สิทธิพิเศษที่สมาชิกบัตรเอ็ม เจนเนอเรชั่น ไอแมกซ์ จะได้รับเมื่อสมัครบัตรดังกล่าวในราคา 100 บาท และสมัครในราคา 20 บาท สำหรับผู้ที่มีบัตรเอ็มเจเนอเรชั่นอยู่แล้ว แต่ต้องการอัพเกรดหรือเปลี่ยนเป็นบัตรเอ็ม เจนเนอเรชั่น ไอแมกซ์ คือ ชมหนังฟรีวันเกิด,ซื้อบัตร 1 ที่นั่งแถม 1 ที่นั่งทุกวันจันทร์ รับส่วนลด 50 บาท เมื่อซื้อบัตรกรุงศรีไอแมกซ์ที่พารากอน และส่วนลด 30 บาท เมื่อซื้อบัตรที่กรุงศรีไอแมกซ์สาขาอื่นๆ และรับฟรีป๊อปคอร์น ขนาด 16 ออนซ์ จำนวน 5 ครั้ง เป็นต้น

นายจิม กล่าวว่า  หลังจากเปิดตัวบัตรเอ็ม เจนเนอเรชั่น ไอแมกซ์  เข้าทำตลาด คาดว่าจะมีผู้สนใจสมัครเป็นสมาชิกใหม่ที่ 10,000 ใบ และหากรวมกับสมาชิกเก่าที่ต้องการอัพเกรดบัตรเอ็มเจเนอเรชั่น เป็นบัตรเอ็ม เจรเนอเรชั่น ไอแมกซ์ คาดว่าสิ้นปีจะอยู่ที่ 20,000 ใบ จากปัจุจบันบัตรเอ็ม เจนเนอเรชั่นมีสมาชิกอยู่ที่ 2.2 ล้านใบ เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังจะมีภาพยนตร์ฮอลิวู้ดฟอร์มยักษ์เข้าฉายจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นทรานฟอร์เมอร์ส ,การ์เดียน ออฟ เดอะ กาแลคซี่ ,เดอะ ฮังเกอร์เกมส์  หรือ เดอะ ฮอบบิต 3

 
 
 
ปัจจุบัน กรุงศรี ไอแมกซ์ มีจำนวนรอบฉายอยู่ที่ 5 รอบต่อวัน และมีอัตราการเข้าชมประมาณ 20% ต่อรอบ โดยมีลูกค้าต่างประเทศประมาณ 10% ส่วนที่สาขาพารากอนมีฐานลูกค้าต่างชาติประมาณ 30% โดยในส่วนของปีนี้มีภาพยนตร์เข้าฉายทั้งหมด 20 เรื่อง เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่มีภาพยนตร์เข้าฉายอยู่ที่ประมาณ 15-16 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นภาพยนตร์ฮอลิวู้ด ซึ่งหลังจากออกมาปรับแผนการทำตลาดในรูปแบบดังกล่าว บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป คาดว่า สิ้นปีนี้จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น10% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่ 5 แสนราย ขณะเดียวกันยังคาดว่าจะสามารถเพิ่มความถี่ในการเข้ามาใช้บริการจาก 2-3 ครั้งต่อปี เป็น 5-6 ครั้งต่อปี 

สำหรับภาพรวมรายได้ของโรงภาพยนตร์กรุงศรี ไอแม็กซ์ สิ้นปีนี้ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 135 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีรายได้ 95 ล้านบาท และปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มเป็น185  ล้านบาท เนื่องจากจะมีรายรับครบทั้ง 6 สาขาที่เปิดให้บริการ แบ่งเป็นรายได้จากบัตรชมภาพยนตร์ 70% สปอนเซอร์ 10% และอื่นๆ เช่น ค่าเช่าพื้นที่ ค่าโฆษณา การจำหน่ายขนมและเครื่องดื่ม 20%

ส่วนภาพรวมผลประกอบการของบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 7,711 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 23% เนื่องจากมีการปรับปรุงบริการและขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันมีโรงภาพยนตร์เปิดให้บริการทั้งสิ้น 72 สาขา 495 โรง รวม 118,292 ที่นั่ง และโบว์ลิ่ง 28 สาขา รวม 510 เลน โดยเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ในประเทศไทย 71 สาขา 488 โรง รวม 116,732 ที่นั่ง โบว์ลิ่งเปิดให้บริการในประเทศไทย  22 สาขา รวม 375 เลน และในประเทศอินเดีย 6 สาขา รวม 135 เลน  และจากการที่ออกมาประกาศแผนจะบุกกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีมากขึ้น หลังจากเริ่มเข้าไปทดลองตลาดในประเทศกัมพูชาเมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มั่นใจว่าอีก 5 ปี จะมีรายได้จากต่างประเทศ คิดเป็นอัตราส่วน 15-20%

 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 ก.ค. 2557 เวลา : 17:27:44
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 5:21 am