การตลาด
สกู๊ป :ปลุกญี่ปุ่นเปิดศึก "ชิงเค้กห้างไทย" รับเศรษฐกิจฟื้น


แม้ว่าช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยจะมีปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ชะงักงัน แต่เนื่องจากไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี ประกอบกับภาคเอกชนมีความแข็งแกร่ง จึงทำให้สามารถผ่านวิกฤติต่างๆมาได้อย่างมั่นคง


จากความแข็งแกร่งดังกล่าว ประกอบกับปี 2558 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จึงทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มหันมาให้ความสำคัญประเทศไทย และหนึ่งในนั้นก็คือ ประเทศญี่ปุ่น จากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดี ส่งผลให้ในแต่ละปีมีนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในธุรกิจดังกล่าว คือ ธุรกิจการค้า
 

 
 
ล่าสุด ห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมี่ยมอายุกว่า 180 ปี  จากประเทศญี่ปุ่นอย่างบริษัท ทาคาชิมาย่า จำกัด ก็ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนเปิดห้างสรรสินค้าทาคาชิมาย่า ในประเทศไทย  แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นที่เข้ามาเปิดให้บริการในประเทศไทยจะไม่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกเท่าที่ควรนัก เห็นได้จากผู้ประกอบการบางรายที่ต้องหายไปในตลาด ส่วนรายที่ยังอยู่ก็พอประคับประคองตัวเองให้อยู่ได้

ปัจจัยลบดังกล่าว สำหรับบริษัท ทาคาชิมาย่า ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากการเข้ามาเปิดห้างสรรพสินค้าในประเทศไทยครั้งนี้ เนื่องจากได้พันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งอย่างบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโครงการไอคอนสยาม จึงทำให้บริษัท ทาคาชิมาย่า มีความมั่นใจที่จะเข้ามาเปิดห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมี่ยมในประเทศไทยครั้งนี้

นายโคจิ  ซูซูกิ ปรานกรรมการ บริษัท ทาคาชิมาย่า จำกัด เจ้าของธุรกิจศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่า กล่าวว่า ไทยถือเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐที่รวดเร็ว แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีปัจจัยลบในด้านการเมืองและภัยธรรมชาติ หากพิจารณาโดยภาพรวมแล้วประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีศักยภาพ เนื่องจากคนไทยมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีบริษัท ไอคอนสยาม เป็นพันธมิตรที่ดีทางธุรกิจ เห็นได้จากการประสบความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และสยามพารากอน บริษัทจึงมีความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยครั้งนี้

สำหรับการเข้ามาลงทุนเปิดห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่าในประเทศไทยครั้งนี้ บริษัท ทาคาชิมาย่า จะเข้ามาดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท สยาม ทาคาชิมาย่า จำกัด  ด้วยทุนจดทะเบียน 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็น บริษัท ไอคอนสยาม ถือหุ้น 51% และบริษัท ทาคาชิมาย่าถือหุ้น 49% ซึ่งในส่วนของการลงทุนเปิดห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่าในประเทศไทย บริษัท ทาคาชิมาย่า คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างห้างทาคาชิมาย่า บนพื้นที่ 36,000  ตร.ม. ครอบคลุมพื้นที่ 7 ชั้น
 

 
 
หลังจากดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2560 บริษัทมั่นใจว่าห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่า จะเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เนื่องจากโครงการไอคอนสยาม เป็นโครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยาทที่มีศักยภาพ ส่วนหลังจากเปิดให้บริการจะมีรายได้ต่อปีเท่าไหร่ และถึงจุดคุ้มภายในกี่ปีนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากต้องรอดูผลการตอบรับหลังจากเปิดให้บริการ

ปัจจุบัน บริษัท ทาคาชิมาย่า มีจำนวนสาขาห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเปิดให้บริการรวม 22 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น 19 สาขา ส่วนอีก 3 สาขาที่เหลือเปิดให้บริการอยู่ในประเทศสิงคโปร์ เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน โดยในอีก 2 ปี หรือประมาณปี 2559 จะเปิดให้บริการที่เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ต่อด้วยกรุงเทพฯ ประเทศไทยในปี 2560

อย่างไรก็ดี หลังจากออกมาเปิดเกมบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัท ทาคาชิมาย่า มีรอบบัญชีปี 2556 ที่ผ่านมา (มี.ค.2556- ก.พ.2557) มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ  3 แสนล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากสาขาในญี่ปุ่น 85% ต่างประเทศ 15%
 
 
 
 
ขณะที่น้องใหม่กำลังกางแผนกลยุทธ์การทำตลาดในประเทศไทย ในส่วนของพี่ใหญ่ 2 ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่น อย่างห้างสรรพสินค้าโตคิว และห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ก็เตรียมแผนตั้งรับ ด้วยการนำสินค้าใหม่ๆ เข้ามาให้บริการ รวมไปถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่สื่อถึงความเป็นญี่ปุ่น เพื่อเอาใจแฟนพันธ์แท้ทั้งลูกค้าญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทย และคนไทยที่ชื่อนชอบในสินค้าญี่ปุ่น

นายทาคาคิ อะคุเนะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อิเซตัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ห้างสรรพสินค้าอิเซตันเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ในระยะหลังนี้ได้ร่วมกับองค์กรหลักของญี่ปุ่นในการจัดเทศกาลอาหารและสินค้าจากเมืองสำคัญต่างๆ ทุกปี และประสบความสำเร็จโดยมีการตอบรับที่ดีเสมอจากลูกค้าทั้งไทยและญี่ปุ่น ด้วยความเชื่อมั่นในเรื่องของคุณภาพและความหลากหลายของสินค้า

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ยังคงเน้นไปที่การทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบงานเทศกาลอาหารในรูปแบบต่างๆ ล่าสุดได้จัดงานเทศกาลอาหารและการท่องที่ยวในชูบุเป็นครั้งแรกในเมืองไทย เพื่อสร้างสีสันให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งระหว่างการจัดกิจกรรมดังกล่าวคาดว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติเป็นที่น่าพอใจ

นายทาคาคิ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ห้างสรรพสินค้าอิเซตันนำเข้ามาจำหน่ายล้วนเป็นสินค้าคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าแฟชั่นที่ขึ้นชื่อมากในญี่ปุ่น สำหรับอาหารและสินค้าแปรรูปก็มีกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ โดยใช้วัตถุดิบและส่วนประกอบจากธรรมชาติเหมาะสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีกาปรับปรุงพื้นที่ตลอดจนบริการต่างๆ ด้วยเอกลักษณ์ของความเป็นญี่ปุ่น เพื่อให้ห้างสรรพสินค้าอิเซตันมีความทันสมัยและตรงกับความต้องการของลูกค้า

 
 
ด้าน ห้างสวรรพสินค้าโตคิว หลังจากประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจกับการเปิดให้บริการภายในศูนย์การค้าเอ็ม บี เค ล่าสุด บริษัท  เอ็ม บี เค กรุ๊ป หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของห้างสรรพสินค้าโตคิว ก็ออกมาประกาศขยายห้างสรรพสินค้าโตคิว สาขาที่ 2 ภายในศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าในชานเมืองในฝั่งตะวันออก

 
 
 
นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงในการร่วมทุนกับ บริษัท โตคิว ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) ในการขยายธุรกิจเปิดห้างสรรพสินค้าโตคิวร่วมกันภายในศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค และเป็นสาขาที่ 2 ในประเทศไทย โดยมีสัดส่วนการลงทุนระหว่างบริษัท พาราไดซ์ รีเทล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ “เอ็ม บี เค กรุ๊ป” และบริษัท กรุงเทพ-โตคิว สรรพสินค้า จำกัด ในสัดส่วน 50 : 50 เปอร์เซ็นต์ และจะใช้งบประมาณการลงทุนมูลค่ารวมประมาณ 400 ล้านบาท

การร่วมทุนครั้งนี้ บริษัท โตคิว ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) ได้เล็งเห็นศักยภาพของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจระดับแนวหน้าของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงยาวนานในการบริหารธุรกิจศูนย์การค้า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ธุรกิจกอล์ฟ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจการเงิน ธุรกิจอื่นๆ และธุรกิจสนับสนุน อีกทั้งยังเป็นเจ้าของศูนย์การค้า “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในขณะที่ “โตคิว ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์” เปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ มายาวนานกว่า 29 ปี จึงนับเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่แนบแน่นมาโดยตลอด
 

 
 
 
สำหรับ “โตคิว ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์” สาขาพาราไดซ์ พาร์ค มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 13,165 ตร.ม.ครอบคลุมพื้นที่ชั้น 1-2 ครบครันด้วยสินค้าคุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำทั้งในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อตอบรับกำลังซื้อของประชากรที่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ ตะวันออกจำนวนกว่า 1,700,000 ครัวเรือน ครอบคลุม 10 เขต ในรัศมี 10 กิโลเมตร หลังจากเริ่มดำเนินการก่อสร้างคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาสแรกปี 2558

จากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย  และความแข็งแกร่งของภาคเอกชนไทย บวกกับความมั่นใจของนักลงทุนจากต่างประเทศ  ส่งผลให้ไทยยังคงเป็นประเทศเนื้อหอมของเหล่าบรรดานักลงทุนต่างชาติ และหนึ่งในนั้นก็คือ ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างไทยกับญี่ปุ่นมีระยะเวลายาวนาน ประกอบกับธุรกิจที่นักลงทุนญี่ปุ่นเลือกเข้ามาลงทุนในประเทศไทยส่วนใหญ่ล้วนประสบความสำเร็จ ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นต่างจับจ้องที่จะเข้ามาลงทุนขยายธุรกิจในประเทศไทย และจากการเกิดใหม่ของห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่าในครั้งนี้ น่าจะทำให้ธุรกิจห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นกลับมามีความคึกคักอีกครั้งก็เป็นได้
 

LastUpdate 26/10/2557 07:16:29 โดย : Admin
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 4:57 am