การตลาด
สกู๊ป "แมงป่อง" ชิมลาง "สตาร์ดัส" ลุยธุรกิจความงาม


จากแนวโน้มของธุรกิจความงามที่มีมูลค่าสูงกว่า 2 แสนล้านบาท และแต่ละปีมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 18% ส่งผลให้ บริษัท แมงป่อง 1989 จำกัด (มหาชน) มองเห็นโอกาสในการเข้ามาทำธุรกิจดังกล่าว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์และเทคโนโลยีที่ทำอยู่ในปัจจุบัน


 
 
 
นางกิตติ์ยาใจ ตรีเอกวิจิตร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมงป่อง 1989 จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจตลาดระยะเวลากว่า 35 ปี ที่บริษัทดำเนินธุรกิจด้านเอ็นเตอร์เทนเมนท์มา แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจ ด้วยการมุ่งคำนึงถึงต้นทุนที่เหมาะสมและความคุ้มค่าเป็นสำคัญ เนื่องจากบริษัทได้นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ  

ดังนั้นการหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จึงต้องเน้นไปที่ธุรกิจที่มีศักยภาพสามารถสร้างรายได้ และผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัท ซึ่งในปีนี้บริษัท แมงป่องฯ มีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจรีเทลช็อปเกี่ยวกับความงามและเครื่องสำอาง ภายใต้ชื่อแบรนด์ “สตาร์ดัส (Stardust)” หลังจากได้ศึกษารูปแบบการทำธุรกิจแล้ว พบว่า ธุรกิจความงามและเครื่องสำอาง เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ และมีการเติบโตสูงขึ้นทุกปี

นางกิตติ์ยาใจ กล่าวต่อว่า ธุรกิจสตาร์ดัสของแมงป่องจะเป็นช็อปความงามที่รวบรวมสินค้าแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำมาสู่ผู้รักในความสวยงามทุกคน เน้นเครื่องสำอางแบรนด์ดังจากประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น และยุโรป ที่เป็นที่นิยมอย่างสูง โดยเราจะใช้ศูนย์การค้าต่างๆ ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์รอบเขตกรุงเทพและปริมณฑล
 
นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจไลฟ์สไตล์เทคโนโลยี ภายใต้แบรนด์กิซแมน (GIZMAN) นั้น บริษัท แมงป่องฯ ก็จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พร้อมกับโฟกัสสินค้าทำการตลาดตามเทรนด์ของปี 2558 เพื่อให้สินค้าที่นำมาทำตลาดตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากที่สุด 
 

 
 
น.ส.ณลันรัตน์ นันทนนส์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย บริษัท แมงป่อง 1989 จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สตาร์ดัส เป็นธุรกิจรีเทลช็อปที่รวมผลิตภัณฑ์ความงามแบบครบวงจร ที่ลูกค้าสามารถอัพเดทเทรนด์ความงาม และเลือกซื้อสินค้าได้ด้วยบรรยากาศอบอุ่น เข้าถึง และเป็นกันเอง ในราคาที่เข้าถึงได้สำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม โดยมีคอนเซ็ปต์ตกแต่งร้านสไตล์โมเดิร์น ใช้โทนสีม่วงและสีด ำเพื่อแสดงถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้าน Cosmetic และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ รวมถึงเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของลูกค้า

สำหรับสินค้าที่จะนำมาจำหน่ายในภายช็อป จะเน้นผสมผสานสินค้าทั้งในกลุ่ม mass และ luxury เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย โดยจะมีราคาเริ่มต้นที่ 200 บาท ซึ่งในส่วนของรายการสินค้าก็มีมากมายกว่า 10,000 รายการจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 100 แบรนด์  เช่น   L’OREAL PARIS, MAYBELLINE, ANNA SUI, Elizabeth Arden, ETUDE House, ZA, Jergens, GARNIER, Banana Boat, Paul Smith, Chloe, KENZO, BVLGARI และ Calvin Klein

ในส่วนของรูปแบบการทำตลาด จะแบ่งตามประเภทของสินค้า ได้แก่ Make Up, Skin Care, Perfume, Derma Care, Hair Care, Food Supplement, Organic และ ETC โดยสาขาแรกจะเปิดที่ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ในต้นเดือนก.พ.นี้ และจะขยายให้ครบ 10 สาขาภายในปีนี้ ภายใต้งบลงทุนสาขาละ 150 ล้านบาท ซึ่งในปีแรกของการทำธุรกิจดังกล่าว คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

น.ส.ณลันรัตน์ กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทนับจากนี้ จะเน้นการทำธุรกิจตามเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ภายหลังได้ปรับโพซิชั่นนิ่งของธุรกิจจากไลฟ์สไตล์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์เป็นไลฟ์สไตล์เทคโนโลยี เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งกลุ่มผู้หญิงและผู้ชาย

แนวทางดังกล่าว บริษัท แมงป่องฯ ได้เริ่มปรับโครงสร้างธุรกิจตั้งแต่ปี 2557 ที่ผ่านมา ด้วยการเปิดร้านกิซแมน จำหน่ายสินค้าเทคโนโลยี และสื่อบันเทิง เช่น ซีดี วีซีดี ซึ่งหลังจากทดลองทำตลาดมาตั้งแต่ต้นปี 2557 พบว่าลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี

ปัจจุบันร้านกิซแมน มีสาขาเปิดให้บริการ 7 สาขา ปีนี้มีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 15 สาขา ภายใต้งบลงทุนรวม 30 ล้านบาท ในจำนวนสาขาใหม่ที่จะเปิดให้บริการส่วนหนึ่งเป็นการเปิดร้านใหม่และอีกส่วนหนึ่งปรับปรุงมาจากร้านแมงป่อง ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 35 สาขา

ด้าน นายปิยวรรพ์ทา ตรีเอนกวนิศ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท แมงป่อง 1989 จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของร้านกิซแมนปีนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดร้านใหม่และปรับพื้นที่ของแมงป่องสาขาปัจจุบันให้เป็นร้านกิซแมน รวม 15 สาขาทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เพื่อให้เข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย รวมถึงสร้าง Brand Recognition ผ่านการตลาดออนไลน์ และร่วมกับพาร์ทเนอร์ จัดโปรโมชั่นตลอดทั้งปี พร้อมให้สิทธิพิเศษกับสมาชิก

 
 
นอกจากนี้  บริษัท แมงป่องฯ ยังมีแผนที่จะเปิดร้านจักรยาน ภายหลังทดลองนำสินค้าจักรยานเข้ามาทำตลาดภายในร้านกิซแมน และได้ผลรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า  ประกอบกับปัจจุบันเทรนด์ร้านจักรยานกำลังได้รับความนิยมจากกลุ่มคนที่นิยมการออกกำลังกาย บริษัทแมงป่องจึงเล็งเห็นโอกาสดังกล่าว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเวลาที่เหมาะสม

หลังจากออกมารุกขยายธุรกิจใหม่ๆ มากขึ้น  บริษัท แมงป่องฯ คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยสัดส่วนรายได้ประมาณ 50% มาจากร้านสตาร์ดัส อีก 35% มาจากร้านแมงป่อง และ 15% มาจากร้านกิซแมน จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลัก ยังคงมาจากร้านแมงป่อง ซึ่งจากแนวโน้มของสาวได้ที่ยังรักสวยรักงาม เชื่อว่าร้านสตาร์ดัส คงจะพา บริษัท แมงป่องฯ ให้ไปถึงเป้าหมายได้ไปมายาก
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 ก.พ. 2558 เวลา : 12:27:33
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 10:29 am