การตลาด
สกู๊ป "ศรีทองพาณิชย์" เร่งขยายธุรกิจโรงแรม เสริมทัพนาฬิกา


จากการแข่งขันของธุรกิจนาฬิกาที่มีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง  ส่งผลให้ บริษัท ศรีทองพาณิชย์ จำกัด ต้องออกมาปรับกลยุทธ์การทำตลาดรอบด้าน เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  เพราะนอกจากต้องเผชิญกับคู่แข่งในตลาดแล้ว ยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนปัจจัยภายในประเทศไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจหรือการเมือง


ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ บริษัท ศรีทองพาณิชย์ ต้องเร่งวางแผนการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในยุคปัจจุบัน ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเทคโนโลยี และนิยมศึกษาหาข้อมูลของสินค้าก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ จากแนวคิดดังกล่าว บริษัท ศรีทองพาณิชย์ คาดว่าการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์จะเริ่มดำเนินการได้น่าจะใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 2 ปี

แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่ได้ขยายธุรกิจไปในส่วนของช่องทางออนไลน์ แต่ในด้านของช่องทางค้าปลีกก็ยังคงเดินหน้าขยายช่องทางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายเคาน์เตอร์จำหน่ายผ่านศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า ซึ่งปัจจุบันยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 
 
นางวิภาวรรณ มหาดำรงค์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีทองพาณิชย์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ดังจากต่างประเทศ กล่าวว่า  ธุรกิจนาฬิกาเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ของแบรนด์  ราคา และโปรโมชั่น ในกลุ่มนาฬิกาญี่ปุ่นตอนนี้จะเป็นการแข่งขันในเรื่องของเทคโนโลยีความเที่ยงตรง โดยใช้ประโยชน์จากสัญญาณดาวเทียมปรับเวลา วัน เดือน ปี มอบความสะดวกสบายแก่ผู้สวมใส่นาฬิกา 

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจนาฬิกาในปีนี้ บริษัท ศรีทองพาณิชย์  ยังคงเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ยังมีแผนที่จะนำสินค้าแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า แต่แบรนด์ที่จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษในปีนี้ คือ "ซิติเซ็น" ซึ่งล่าสุดได้ประกาศแนวคิด “BETTER STARTS NOW” เพื่อทำตลาดทั่วโลก

 
 
 
ในส่วนของของนาฬิกาซิติเซ็น รุ่นใหม่ ที่ได้เปิดตัวเข้ามาทำตลาดในตอนนี้  คือ รุ่น  "CITIZEN ECO-DRIVE SATELLITE WAVE F100"  เนื่องจากเล็งเห็นว่าเทคโนโลยี Satellite Wave และนาฬิกา F100 จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการนาฬิกา จึงเป็นการจุดประกายของคำว่า “BETTER STARTS NOW”  หรือ การเริ่มต้นตอนนี้ดีกว่า ด้วยการมอบนาฬิกาคุณภาพแม่นยำและเที่ยงตรงที่สุดในโลกให้กับผู้สวมใส่ทุกคน สามารถปรับเวลา อัตโนมัติด้วยสัญญาณดาวเทียมเพียงการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว โดยที่ไม่ต้องมาเสียเวลาหมุนตั้งวันเวลาเหมือนนาฬิกาปกติทั่วไป รับสัญญาณจากดาวเทียมเพียงดวงเดียว จึงใช้เวลารวดเร็วสูงสุด 3 วินาที (ขึ้นอยู่กับความชัดเจนของสัญญาณ)

นอกจากนี้ ยังออกแบบมาให้ล้ำยุค โดยตัวเรือนและสายทำจาก Super Titanium ของซิติเซ็นที่มีน้ำหนักเบา และทนทานต่อแรงขีดข่วน ตัวเครื่องยังเป็นระบบพลังงาน Eco-Drive ที่ใช้พลังงานแสง ไม่ต้องเปลี่ยนถ่าน โดยจะเน้นตลาด High-End เพื่อเปิดตลาดใหม่สำหรับคนที่ชอบเทคโนโลยีและนาฬิกาที่ทันสมัย โดยนำเข้ามาจำหน่ายรวม 2 รุ่น ได้แก่  CC2006-53E ราคา 75,450 บาท  และ CC2001-57A ราคา 69,550 บาท  มีจำหน่ายเฉพาะห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น เซ็นทรัลเวิลด์, สยามพารากอน และ เซ็นทรัล ชิดลม

ขณะเดียวกัน บริษัท ศรีทองพาณิชย์ ยังได้มีการขยายตลาดนาฬิกาผู้หญิง ด้วยการเปิดตัวแบรนด์นาฬิกาน้องใหม่ของซิติเซ็น คือ “WICCA” นาฬิกาเชื้อสายญี่ปุ่นสำหรับผู้หญิงที่ชอบความสวยงาม สดใส และมีรสนิยม  เหมาะกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะใส่เรียน หรือใส่ทำงาน  

ในด้านของแผนการทำตลาดปีนี้ บริษัท ศรีทองพาณย์ ก็มีแผนที่จะออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องภายใต้งบการตลาดรวมทั้งปีที่ประมาณ 120 ล้านบาท โดยสิ้นปีคาดว่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้  850 ล้านบาท
 
นางวิภาวรรณ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการทำธุรกิจนาฬิกามีความเสี่ยงหลายด้าน และเพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจดังกล่าว กลุ่มบริษัทจึงมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปสู่อสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม และอาคารสำนักงาน เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม เห็นได้จากจำนวนลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพ ซึ่งเป็นโรงแรมในกลุ่มบริษัทที่อัตราการเข้าพักเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 80%

นอกจากนี้ ยังเห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ที่เข้ามาซื้อนาฬิกา จากเคาน์เตอร์จำหน่ายในเครือบริษัทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึง 1 เท่าตัวในช่องทางร้านค้าปลอดภาษี   ขณะที่ยอดขายผ่านเคาน์เตอร์ในห้างค้าปลีกก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 100%

จากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้บริษัท ศรีทองพาณิชย์  มีแผนที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงานมากขึ้น เพื่อลดความเสียงในการดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายนาฬิกา ซึ่งธุรกิจที่จะหันมาให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกต่อจากนาฬิกา คือ  โรงแรม เนื่องจากมีที่ดินในมือพร้อมพัฒนาหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นใน จ.ตราด  หรือกรุงเทพฯ
 

 
 
ล่าสุด ได้เตรียมใช้งบลงทุน 1,500 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงแรมเรเนซองส์ โฮเทล พัทยา รีสอร์ท เป็นอาคารโลว์ไรส์ บนพื้นที่ 17 ไร่ในพัทยา จำนวน  252  ห้อง  ซึ่งถือเป็นโรงแรมแห่งที่ 2 ของกลุ่มบริษัทศรีทองพาณิชย์  จากเดิมมีธุรกิจโรงแรมเพียงแห่งเดียว คือ โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพ ในย่านรัชดาภิเษก โดยหลังจากเริ่มก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่ในปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการประมาณเดือน ธ.ค. 2559

หลังจากดำเนินการก่อสร้างโรงแรมแห่งที่ 2 แล้วเสร็จ กลุ่มบริษัทศรีทองพาณิย์ ก็จะดำเนินการก่อสร้างแห่งที่ 3 ทันที เนื่องจากยังมีที่ดินพร้อมพัฒนาเป็นโรงแรมอยู่ในกรุงเทพฯ และ จ.ตราด อีกหลายแปลง โดยภายใน 5 ปีนับจากนี้ กลุ่มบริษัท ศรีทองพาณิย์ คาดว่าจะมีโรงแรมที่แล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการประมาณ 4 แห่งทั่วประเทศ

นอกจากจะก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่แล้ว ในส่วนของโรงแรมเก่าอย่างโรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพ ก็มีแผนที่จะปรับปรุงห้องพักครั้งใหญ่เช่นกัน ด้วยการวางงบปรับปรุงไว้ที่ 350  ล้านบาท เพื่อปรับปรุงห้องพักทั้งหมด 407 ห้อง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า 2 ปีนับจากนี้ จะปรับปรุงห้องพักแล้วเสร็จทั้งหมด โดยหลังจากปรับปรุงให้ห้องพักมีความสวยงาม กลุ่มศรีทองพาณิชย์ ก็มีแผนที่จะปรับค่าห้องพักเพิ่มขึ้น 50% จากปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2,500 บาทต่อคืน

การออกมาปรับแผนรุกในครั้งนี้ กลุ่มบริษัทศรีทองพาณิย์มั่นใจว่า ภาพรวมรายได้ที่มาจากกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น่าจะแซงหน้าธุรกิจนาฬิกาในเร็ววันนี้ จากปัจจุบันธุรกิจโรงแรมมีรายได้อยู่ที่  630 ล้านบาท และธุรกิจอาคารสำนักงาน มีรายได้อยู่ที่ 800 ล้านบาท

 

 

 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 มี.ค. 2558 เวลา : 16:24:42
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 1:53 pm