การตลาด
สกู๊ป "ตลาดรองเท้านักเรียน"คึก ชิงยอดขายรับเปิดเทอม


เริ่มมีความคึกคักมากขึ้นสำหรับตลาดรองเท้านักเรียน เนื่องจากเหลืออีกเพียง 1 เดือนเศษๆ ก็จะถึงเวลาเปิดเทอม ส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจอุปกรณ์การเรียนเริ่มออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่ และทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างคึกคัก ซึ่งสินค้าที่ออกมาส่งสัญญาณว่าปีนี้จะมีการแข่งขันที่รุนแรง ยังคงหนีไม่พ้นตลาดรองเท้านักเรียน 


จากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่า ในปีนี้มูลค่าตลาดรวมของรองเท้านักเรียนน่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท เนื่องจากรองเท้านักเรียนเป็นสินค้าจำเป็น จึงทำให้ตลาดมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องสวนทางกับภาพรวมเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ การที่ปัจจุบันคนไทยมีลูกน้อยลง พ่อแม่ผู้ปกครองจึงหันมาซื้อสินค้าที่มีคุณภาพมากกว่าราคา แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับฐานะและเม็ดเงินในกระเป๋าของผู้ปกครองแต่ละกลุ่ม ซึ่งปัจจุบันผู้ปกครองส่วนใหญ่จะซื้อรองเท้าพร้อมๆ กับชุดนักเรียนในช่วงหลังสงกรานต์จนถึงเปิดเทอมเฉลี่ย 1.3 คู่/คน/ปีการศึกษา 
 
 
 
 
 
หนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจรองเท้านักเรียนที่ออกมาเปิดแผนการทำตลาดต้อนรับเปิดเทอมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คือ "นันยาง"  ซึ่งปีนี้ดูเหมือนจะจัดเต็มในด้านของการทำตลาด  เพราะนอกจากจะออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาดแล้ว ในปีนี้ยังมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

นายจักรพล จันทวิมล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า  สินค้าใหม่ที่ได้เปิดตัวเข้ามาทำตลาดในปีนี้ คือ  "นันยาง แฮฟ ฟัน ใหม่ (Nanyang Have Fun)" เป็นรองเท้าที่เจาะลูกค้าสู่กลุ่มเด็กเล็กอายุระหว่าง 6-9 ขวบ ซึ่งการออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่เจาะกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกของบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมาเน้นทำตลาดกลุ่มเด็กโตเป็นหลัก ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค      

สำหรับสินค้า 'นันยาง แฮฟ ฟัน ใหม่ (Nanyang Have Fun)'  ที่ได้เปิดตัวเข้ามาทำตลาดในครั้งนี้ ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากนันยางที่ชื่อว่า 'Spring Soft Support' ที่ทำให้พื้นรองเท้าหนาเพิ่มขึ้นถึง 28% นุ่ม เบา ลาดเอียงรับรูปเท้า รองรับน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เหมาะสำหรับเด็กในวัย 6-9 ขวบ เนื่องจากเป็นช่วงที่มีพัฒนาการด้านกระดูก และกล้ามเนื้อมากที่สุด สามารถรองรับต่อกิจกรรมที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เช่น การวิ่ง การกระโดด มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด (เบอร์) 28-33 จำหน่ายในราคาคู่ละ 285 บาท
 
 

 
 
 
นายชัยพัชร์ ซอโสตถิกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางอุตสาหกรรม จำกัด  กล่าวว่า การพัฒนานวัตกรรม 'Spring Soft Support' ว่า นวัตกรรมดังกล่าวถือเป็นนวัตกรรมล่าสุดที่คิดค้นโดยฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของนันยาง ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง (ส่วนบน) น้ำยางบริสุทธิ์ที่มีอนุภาคเล็ก (C5H8) ผ่านส่วนผสมและกระบวนการผลิตและความร้อนที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส กับ (ส่วนล่าง) แผ่นยางธรรมชาติแท้ 100% (Natural Rubber) ที่รีดเอาน้ำยางออกจนแห้งเป็นลักษณะ Dry Rubber Content (DRC) ที่ส่งผลให้พื้นรองเท้ามีคุณสมบัติของความหนา นุ่ม คืนตัวเร็ว และรองรับการกระแทกได้ดี

อย่างไรก็ดี หลังจากออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่ดังกล่าวเข้าทำตลาด บริษัท นันยาง มั่นใจว่าจะได้ผลการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมาย เพราะหลังจากทดลองนำสินค้าเข้ามาทำตลาดในช่วง 2 ปีทีผ่านมา พบว่า มียอดขายเติบโตเป็นที่น่าพอใจ หรือมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 12-15% ต่อปี

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัท นันยาง ในปี 2557 ที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 5-8% โดยในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 5-8% เช่นกัน   เนื่องจากปีนี้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ และออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น

ทั้งนี้ กลยุทธ์ที่เลือกนำมาใช้ยังคงให้ความสำคัญต่อโซเชียลมีเดียในการรักษาและขยายฐานลูกค้า ตลอดจนสร้างการรับรู้ (Brand awareness) และแบรนด์ลอยัลตี (Brand Loyalty) ตลอดทั้งปี ภายใต้งบการตลาดรวม 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งจากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ทำให้บริษัท นันยาง มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นประมาณ 5% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 40% ของตลาดรวมรองเท้าผ้าใบนักเรียนไทย

ด้าน นายสมฤกษ์  วงศ์วีระนนท์ชัย  กรรมการบริหาร บริษัท เอส.ซี.เอส.สปอร์ตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าภายใต้แบรนด์ "เบรกเกอร์  ป๊อปทีน"  และ "แคทช่า" กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรองเท้านักเรียนปีนี้คาดว่ายังมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวอยู่ที่ประมาณ 5% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากผู้ประกอบการไม่สามารถขึ้นราคาสินค้าได้ เพราะกลุ่มสินค้ารองเท้านักเรียนเป็นกลุ่มสินค้ากึ่งควบคุมที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้

นอกจากนี้ ระยะเวลาของการขายสินค้า ยังมีเพียงแค่ 2 เดือน คือ เม.ย.-พ.ค. เนื่องจากผู้ปกครองส่วนใหญ่จะนิยมซื้อสินค้าในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะเป็นช่วงเปิดเทอมใหญ่ ส่งผลให้สัดส่วนยอดขายหลัก ยังคงมาจากช่วงเวลาดังกล่าวคิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 80% ของยอดขายทั้งปี
 

 
 
 
 
สำหรับแนวงทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท เอส.ซี.เอส.ฯ ในปีนี้ ยังคงให้ความสำคัญกับการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาด ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย และใช้พรีเซ็นเตอร์ที่มีชื่อเสียงในการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้า ซึ่งในส่วนของแบรนด์เบรกเกอร์  ได้ใช้ "โจอี้บอย"  เป็นพรีเซ็นเตอร์  ขณะที่แบรนด์แคทช่า ใช้  "เก้า สุภัสสรา ธนชาต" จากซีรีส์โฮโมน เป็นพรีเซ็นเตอร์ ส่วนแบรนด์ป๊อปทีน ใช้บุคคลทั่วไปเป็นพรีเซ็นเตอร์

นายสมฤกษ์ กล่าวว่า การที่ผู้ประกอบการนิยมทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย และใช้ดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้า เพราะการตัดสินใจซื้อสินค้าของลูกค้าจะเลือกซื้อจากการโฆษณาเป็นหลัก ส่วนราคาจะเป็นปัจจัยรองในการตัดสินใจ เนื่องจากปัจจุบันราคารองเท้านักเรียนไม่ได้มีการปรับราคาขายขึ้น เพราะเป็นสินค้ากึ่งควบคุม

ล่าสุด บริษัท เอส.ซี.เอส.ฯ ได้เปิดตัวรองเท้าผ้าใบรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นรุ่นใหม่ ด้วยการให้โจอี้บอย เป็นผู้ออกแบบรองเท้าผ้าใบหนังแท้เบรกเกอร์ 4x4  ลิมิเต็ดเอดิชั่น ซึ่งจะผลิตออกมาจำหน่ายเพียง 300 คู่ ในราคาคู่ละ 1,600 บาท เน้นจำหน่ายผ่านช่องทาง เบรกเกอร์ คลับ เฟซบุ๊ค แฟนเพจ เพื่อหารายได้มอบให้องค์กรการกุศล

หลังจากบริษัทออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องภายใต้งบ 50 ล้านบาท บริษัท เอสซี.เอส.ฯ คาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%  หรือมีรายได้ 700-800  ล้านบาท  แบ่งเป็นรายได้จากการขายรองเท้าเบรกเกอร์ 40%  รองเท้าป๊อปทีน 30%  และรองเท้าแคทช่า  30%

การออกทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องของผู้ประกอบการรองเท้านักเรียน เชื่อว่าจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดมีอัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน แม้ว่าช่วงเวลาของการขายจะเป้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ล้วนเป็นช่วงเวลาที่มีความหมาย เพราะถ้าหากไม่ออกมาทำอะไรเลย ยอดขายก็จะไม่งอกเงยขึ้นมาอย่างแน่นอน เนื่องจากการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในสินค้ากลุ่มดังกล่าว ยังคงยึดไปที่การโฆษณาผ่านสื่อเป็นหลัก

 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 07 เม.ย. 2558 เวลา : 08:15:09
18-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 18, 2024, 12:36 pm