การตลาด
สกู๊ป "ตลาดกล้องถ่ายรูป"ครึ่งปีหลังคึก เร่งเปิดตัวสินค้าใหม่กู้ยอด


หลังจากคนไทยหันมาเสพติดเทคโนโลยีมากขึ้น โดยเฉพาะความนิยมในกลุ่มสินค้าสมาร์ทโฟน ส่งผลให้ยอดขายสมาร์ทโฟนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากฟังก์ชั่นของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่แสนจะโดนใจผู้ใช้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ชอบการถ่ายรูป ส่งผลให้ผู้ประกอบการสมาร์ทโฟนแต่ละค่ายต่างหันมาชูจุดขายในด้านของฟังก์ชั่นการถ่ายรูป เพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

จากแนวโน้มที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายกล้องถ่ายรูปยังคงมียอดขายตกลงอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคมีการเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาใช้กล้องสมาร์ทโฟนถ่ายภาพแทนกล้องถ่ายรูป เช่นเดียวกับปีนี้ที่ภาพรวมตลาดกล้องถ่ายรูปยังคงมียอดขายเติบโตลดลงต่อเนื่องจากปี 2557 ที่มียอดขายตกลงไปประมาณ 51%

อย่างไรก็ดี แม้ว่าตลาดกล้องถ่ายรูปจะมียอดขายปรับตัวลดลงติดลบอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะตลาดคอมแพ็คและดีเอสแอลอาร์ แต่สำหรับตลาดมิลเลอร์เลสถือว่ายังคงมีอัตราการเติบโตเป็นบวก พอสร้างกำลังใจให้ผู้ประกอบการตลาดกล้องถ่ายรูปใจชื้นและเร่งเข้ามาทำตลาด เพื่อกู้ยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายได้บ้าง

ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว ผู้ประกอบการในตลาดกล้องจึงเล็งเห็นโอกาส ด้วยการหันเข้ามาทำตลาดกล้องมิลเลอร์กันมากขึ้น เนื่องจากความต้องการในตลาดยังมี  เช่นเดียวกับบริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปีนี้ขอออกมารุกหนักตลาดกล้องมิลเลอร์เลส พร้อมประกาศขึ้นเป็นผู้นำในตลาดนี้อีกด้วย

 

 

นายไทสุเกะ ทารุมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดกล้องดิจิตอลในประเทศไทยปีนี้ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยมีการเปลี่ยนแปลงไป คือ หันมาใช้กล้องจากสมาร์ทโฟนในการถ่ายรูปมากขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกและสามารถแชร์ภาพผ่านโซเชียลมีเดียได้ทันที ซึ่งจากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว  ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ยังไม่ฟื้นตัวในทิศทางที่ดี จึงทำให้ภาพรวมตลาดกล้องถ่ายรูปในปีนี้เติบโตลดลงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยในส่วนของตลาดรวมกล้องดิจิทัลทั้งประเภทคอมแพ็ค กล้องดีเอสแอลอาร์ และกล้องมิลเลอร์เลส  มียอดขายในด้านของปริมาณอยู่ที่ 3.8 แสนตัวเติบโตลดลงที่ประมาณ 51% เมื่อเทียบกับปี 2556

ขณะเดียวกัน ในส่วนของภาพรวมตลาดกล้องในด้านของมูลค่ามีอัตราการเติบโตลดลงที่ประมาณ 21% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 5,340 ล้านบาท  โดยตลาดกล้องที่มีอัตราการเติบโตลดลงมากที่สุดในปีที่ผ่านมา คือ กล้องคอมแพ็ค มีการเติบโตลดลง 53%  ตามด้วยกล้องดีเอสแอลอาร์  โดยในด้านของปริมาณมีอัตราการเติบโตลดลงไป 4% และเชิงมูลค่าเติบโตลดลง 14%  ส่วนกล้องประเภทมิลเลอร์เลส  ในด้านของปริมาณ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 35% และในด้านของมูลค่ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 40%

จากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวของตลาดกล้องมิลเลอร์เลส ส่งผลให้บริษัท ฟูจิฟิล์ม มองเห็นโอกาสในการเข้ามาทำตลาดกล้องดังกล่าว ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดมากขึ้น โดยล่าสุดได้เปิดตัวกล้องดิจิตอล X-T1Graphite Silver Edition เป็นกล้องมิลลเลอร์เลสระดับพรีเมี่ยมสามารถเปลี่ยนเสนส์ได้ และมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ราคาเริ่มต้น 26,990 บาท และ 38,990 บาทพร้อมเลนส์

นายสิทธิเวช เศวตรพัชร์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส ผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอล อิมเมจจิ้ง บริษัท ฟูจิฟิล์ม  (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กล้องดิจิตอลมิลเลอร์เลสในระดับพรีเมียม รุ่น X-T1Graphite Silver Edition ที่บริษัทได้เปิดตัวเข้ามาทำตลาดในครั้งนี้ จะเป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ ที่ผลิตจากวัสดุเคลือบชั้นผิวซิสเวอร์พิเศษความละเอียด 16 ล้านพิกเซล  มาพร้อมเทคโนโลยี X-TransCMOS II มีระบบช่องมองภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ วิวไฟน์เดอร์ ที่มีความละเอียดถึง 2.36 ล้านพิกเซล

นอกจากนี้ ยังมี Lag-time ที่ต่ำเพียง 0.005 วินาที ถือว่าเร็วที่สุดในโลก ปรับตั้งค่าถ่ายภาพได้หลายรูปแบบ และยังมีระบบเชื่อมต่อไวไฟสามารถสั่งการถ่ายภาพและแชร์ภาพจากมือถือ ผ่าน Camera Remote ของฟูจิฟิลม์ได้ด้วย นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวกล้องคอมแพ็ครุ่น X100T ที่พัฒนาขึ้นเป็นรุ่นที่สามของ กล้อง X100 มีเทคโนโลยี X-Trans CMOS II (APS-C) ความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล ช่องมองภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ เรนจ์ไฟน์เดอร์ จอแสดงภาพสามนิ้ว สร้างสรรค์ภาพแบบฟิลม์ ซิมูเลชั่นแบบ Classic Chrome ให้สีสันสดใสใกล้เคียงฟิลม์สามรถเชื่อมต่อไวไฟ สั่งถ่ายภาพและแชร์ภาพจากมือถือ ผ่าน Camera Remote ได้

พร้อมกันนี้ บริษัท ฟูจิฟิล์ม ยังเตรียมงบ 50 ล้านบาท ไว้ เพื่อทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกล้องรุ่นใหม่ดังกล่าวตลอดทั้งปี โดยสิ้นปีคาดว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดกล้องมิลเลอร์เลสได้เป็น 50% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่  34% แม้ว่าการแข่งขันด้านราคาของกล้องมิลเลอร์เลสจะรุนแรง แต่เนื่องจากบริษัทเน้นจับกลุ่มเป้าหมายระดับบน  จึงไม่กังวลกับการแข่งขันดังกล่าว

นายสิทธิเวช กล่าวต่อว่า ในส่วนของภาพรวมตลาดรวมกล้องทั้งหมดในปี 2558 นี้ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตจากปี 2557 อยู่ที่ประมาณ 5% ส่งผลให้มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 5,600 ล้านบาท โดยแนวโน้มตลาดกล้องคอมแพค และกล้องดีเอสแอลอาร์ ยังคงมีการลดลงอย่างต่อเนื่องในแง่มูลค่าตลาด  ซึ่งในส่วนของกล้องคอมแพคคาดว่าจะตกลง 52%  ขณะที่กล้องดีเอสแอลอาร์คาดว่าจะตกลง 17%  ส่วนกล้องมิลเลอร์เลสคาดว่าจะยังเติบโตเป็นบวก เนื่องจาก 4 เดือนแรกของปีมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 16%  

 

 

ด้าน บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ก็ออกมารุกตลาดกล้องถ่ายรูปมากขึ้นเช่นกัน ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ออกมาเปิดตัวกล้องถ่ายรูปทุกประเภท เพื่อกระตุ้นความสนใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นกล้องคอมแพ็ค ดีเอสแอลอาร์ หรือมิลเลอร์เลส

นาย ชึง บุน ชัย ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า  แม้ว่าปัจจุบันนี้ผู้บริโภคจะนิยมใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น แต่บริษัทมองว่านี่คือโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้  เพราะคนรุ่นใหม่มีพฤติกรรมชอบการถ่ายภาพบ่อยขึ้น และภาพที่ได้ต้องมีคุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นกล้องดิจิตอลที่จะแข่งขันในตลาดได้ ต้องเน้นคุณภาพเป็นจุดสำคัญ ซึ่งคุณภาพคือหัวใจหลักของการผลิตสินค้าของแคนนอนอยู่แล้ว โดยก้าวต่อไปของแคนนอน ต้องการเป็นผู้นำด้านกล้องดิจิตอล  

 

นายวรินทร์ ตันติพงศ์พานิช ผู้อำนวยการอาวุโส และผู้จัดการทั่วไป บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานของกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ตั้งแต่ลูกค้าทั่วไปจนถึงระดับมืออาชีพ และงานโปรดักชั่นขั้นสูง ได้แก่ กล้อง EOS 5DsR และ EOS 5Ds กล้องฟูลเฟรมระดับมืออาชีพความละเอียดสูงถึง 50.6 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟรม 35 มม. และชิปประมวลผล Dual DIGIC 6 ระบบออโต้โฟกัส 61 จุด แบบ High-Density Reticular พร้อมระบบลดแรงสั่นสะเทือนจากกระจกสะท้อนภาพออกแบบใหม่ ตอบโจทย์ทุกการใช้งานสำหรับมืออาชีพที่เน้นความคมชัดทุกรายละเอียด ทั้งงานถ่ายวิวทิวทัศน์กลางแจ้ง งานในสตูดิโอ และภาพโฆษณาที่ต้องใช้ไฟล์ภาพขนาดใหญ่

ส่วนการถ่ายภาพยนตร์ แคนนอนเสริมทัพด้วย Cinema EOS XC10 กล้องถ่ายภาพยนตร์ขนาดจิ๋ว แต่แจ๋วด้วยความละเอียดสูงถึง 4K และยังสามารถถ่ายภาพนิ่งได้ 12 ล้านพิกเซล เหมาะสำหรับระดับมืออาชีพและมือสมัครเล่นชั้นสูง ในงานโปรดักชั่นที่ต้องการความคล่องตัวสูง เช่น การถ่ายทำภาพยนตร์ ละคร โฆษณา และ สารคดี Cinema EOS XC10 ใช้เซ็นเซอร์แบบ CMOS ขนาด 1 นิ้ว เลนส์ซีนีม่าซูมคุณภาพสูง 10X ชิปประมวลผลภาพ DIGIC5

สำหรับลูกค้าทั่วไป แคนนอนเปิดตัวกล้อง DSLR ระดับ Entry Level ซึ่งเป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าให้ EOS DSLR มากที่สุด โดยมีให้เลือกถึง 2 รุ่น คือ EOS 760D และ EOS 750D เพื่อนักถ่ายภาพมือสมัครเล่นที่เริ่มใช้กล้อง DSLR ที่เพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ให้ใช้งานง่าย ถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวได้ชิ้นงานคุณภาพระดับมืออาชีพ พร้อม WiFi และ NFC ในตัวในราคาที่คุ้มค่า

ในขณะที่กล้องกลุ่มดิจิตอลคอมแพ็คจะบุกตลาดด้วย EOS M3 และกล้องดิจิตอลมิลเลอร์เลส จะใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Canon EOS รุ่นโปร แต่ย่อให้อยู่ในขนาดกระทัดรัดเป็นตัวบุกตลาด เช่น เซ็นเซอร์ CMOS ขนาดใหญ่แบบ APS-C ความละเอียดสูงถึง 24.2 ล้านพิกเซล  เป็นต้น  ส่วนกล้องดิจิตอลซูเปอร์ซูมกลุ่ม Powershot SX และ IXUS  จะเปิดตัวอีก 7 รุ่น โดยสิ้นปีคาดว่าจะมียอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

ออกมาเปิดเกมรุกหนักกันขนาดนี้ ภาพรวมสิ้นปีตลาดรวมกล้องถ่ายรูปในประเทศไทยน่าจะมีอัตราการเติบโตเป็นบวกได้ไม่ยาก หากเทคโนโลยีใหม่ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น และราคาที่โดนใจ เชื่อว่าอย่างไรผู้บริโภคก็น่าจะซื้อ เพราะความคมชัดของภาพมันดีกว่าสมาร์ทโฟนเห็นๆ.


LastUpdate 17/06/2558 22:30:40 โดย :
17-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 17, 2024, 4:17 am