การตลาด
สกู๊ป "โตคิว"คืนตลาดห้างสรรพสินค้าไทย เปิดเกมรุกสาขา 2


หลังจากหายจากวงการห้างสรรพสินค้าไปนานถึง 30 ปี วันนี้ ห้างสรรพสินค้าโตคิวพร้อมแล้วที่จะกลับมาเปิดเกมรุกธุรกิจห้างสรรพสินค้าในประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยการเปิดห้างสรรพสินค้าโตคิว สาขาที่ 2 อย่างเป็นทางการที่ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ภายใต้ชื่อ "ห้างสรรพสินค้า กรุงเทพฯ-โตคิว พาราไดซ์ พาร์ค"


 

การที่กลุ่มโตคิวใช้ชื่อห้างสรรพสินค้าที่แตกต่างไปจากสาขาแรก ซึ่งเปิดให้บริการอยู่ที่ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เพราะมีการร่วมทุนกับพันธมิตรรายใหม่ คือ บริษัท พาราไดซ์ พาร์ค จำกัด และ บริษัท กรุงเทพ-โตคิว สรรพสินค้า จำกัด ซึ่งทั้ง 2 บริษัท ถือหุ้นในบริษัท พีที รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ เพื่อดูแลห้างสรรพสินค้ากรุงเทพ-โตคิว พาราไดซ์ พาร์ค อัตราส่วนที่เท่ากัน คือ 50:50

เหตุผลที่ทำให้กลุ่มโตคิวตัดสินใจเลือกศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ในการเปิดห้างสรรพสินค้าโตคิว สาขาที่ 2 เพราะเป็นทำเลที่มีศักยภาพ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีที่พักอาศัยจำนวนมาก ขณะเดียวกันประชากรในย่านนี้ยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ จึงทำให้กลุ่มโตคิวตัดสินใจเลือกทำเลดังกล่าว

 

นายทาคาชิ ฮายาโนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีที รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า จากการขยายตัวของสังคมเมืองหลวงในปัจจุบันที่มีการกระจายตัวของประชากร พื้นที่พักอาศัย และระบบสาธารณูปโภค ไปยังเขตพื้นที่รอบนอกของกรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ในเขตประเวศ สวนหลวง และพัฒนาการ ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้สูง

ด้วยเหตุผลดังกล่าว กลุ่มโตคิวจึงถือเป็นโอกาสในการเข้ามาขยายธุรกิจห้างสรรพสินค้า เพื่อเป็นเดสติเนชั่นการช็อปปิ้งแห่งใหม่ให้กับนักช็อปในโซนนี้ ภายใต้ชื่อ “ห้างสรรพสินค้า กรุงเทพ-โตคิว พาราไดซ์ พาร์ค” โดยมีจุดเด่นอยู่ที่คอนเซปต์ GIFT for MYSELF @ TOKYU DEPARTMENT STORE เน้นความเป็นห้างสรรพสินค้าไลฟ์สไตล์ ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ ด้วยการคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มีความหลากหลายเป็นที่ต้องการของลูกค้า และการตกแต่งบรรยากาศสภาพแวดล้อมภายในของห้างที่มีความพิถีพิถันในแบบห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ภายในห้างสรรพสินค้า กรุงเทพ-โตคิว พาราไดซ์ พาร์ค มีพื้นที่ขายทั้งหมด 13,000 ตร.ม. แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ชั้น เน้นการตกแต่งภายใต้แนวคิด Simply & Modern Style ซึ่งเน้นการออกแบบผสมผสานระหว่างความเป็นญี่ปุ่นที่เน้นความเรียบง่าย แต่ให้ความรู้สึกถึงความพรีเมี่ยมเหนือระดับ กับความทันสมัยแบบความเป็นไทยที่มีความสดใสและมีชีวิตชีวา

นอกจากนี้  ยังคำนึงถึงการออกแบบการจัดวางพื้นที่ ทั้งในส่วนการจัดวางสินค้าและทางเดิน ที่เน้นความสะดวกสบายในการจับจ่าย ลูกค้าสามารถเห็นสินค้าได้ง่าย เลือกชมสินค้าสะดวก และยังมีแสงสว่างสดใสมีชีวิตชีวา รวมถึงความละเอียดอ่อนในการตกแต่งตามแบบฉบับของญี่ปุ่น โดยในบริเวณทางเข้าตกแต่งให้ความรู้สึกโอ่โถง  

ในส่วนของชั้น 1 จะจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับของสตรีและเด็ก จะเน้นโทนสีขาว แซมด้วยโมเสกสีส้ม สะท้อนให้เห็นความสดใสร่าเริงของผู้หญิงไทย ส่วนที่ชั้น 2 ที่จำหน่ายสินค้าบุรุษ จะเน้นโทนสีน้ำตาล เพื่อให้ดูอบอุ่น

อย่างไรก็ดี นอกจากจะมีจุดเด่นเรื่องการออกแบบตกแต่งแล้ว ห้างสรรพสินค้า กรุงเทพ-โตคิว พาราไดซ์ พาร์ค ยังมีจุดขายที่เป็นห้างสรรพสินค้าที่ครบครันทันสมัย ตอบสนองความต้องการของทุกไลฟ์สไตล์ในครอบครัวได้เป็นอย่างดี   ซึ่งหลังจากใช้งบลงทุน 400 ล้านบาท ในการปรับปรุงพื้นที่ตั้งแต่ปี 2557 ที่ผ่านมา ขณะนี้ห้างสรรพสินค้ากรุงเทพ-โตคิว พาราไดซ์ พาร์ค พร้อมแล้วที่จะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.เป็นต้นไป

นายทาคาชิ กล่าวต่อว่า จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างที่บริษัทจะนำมาเป็นจุดขายให้กับห้างสรรพสินค้ากรุงเทพ-โตคิว พาราไดซ์ พาร์ค คือ สินค้าที่ออกแบบและผลิตจากประเทศญี่ป่น หรือเมดอินเจเปน ซึ่งเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคโดยทั่วไป  ด้วยการคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ได้ความนิยมจากประเทศญี่ปุ่นมาจำหน่าย

ปัจจุบัน กลุ่มโตคิว ได้ทยอยนำสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นมาจำหน่ายภายในห้างสรรพสินค้ากรุงเทพ-โตคิว พาราไดว์ พาร์ค แล้ว 2-3  แบรนด์ เช่น Miss KYOUKO รองเท้าเพื่อสุขภาพ สำหรับผู้มีปัญหากระดูกเท้าผิดรูป ซึ่งผลิตแบบแฮนด์เมด แบบคู่ต่อคู่ โดยช่างฝีมือชาวญี่ปุ่น, SYUNSOKU รองเท้าเด็ก ที่มีคุณสมบัติพื้นกันลื่นพิเศษ สำหรับเด็กวัย 3-12 ปี ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดของญี่ปุ่น เป็นต้น

นอกจากนี้ยังนำร้านเดนิมและ รองเท้าแฮนด์เมด about 79 และ สินค้าแฟชั่นและแอคเซสซอรี่สำหรับสุภาพสตรี plus plus นำเข้ามาจำหน่ายภายในห้างสรรพสินค้ากรุงเทพ-โตคิว พาราไดซ์ พาร์ค ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์นี้ เป็นผลงานการออกแบบของ Ken Nakamura ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น

อีกหนึ่งสิ่งที่กลุ่มโตคิวให้ความสำคัญกับการทำการตลาดห้างสรรพสินค้า กรุงเทพ-โตคิว พาราไดซ์ พาร์ค  คือ  การคำนึงถึงคุณลักษณะอันโดดเด่นตามแบบฉบับของห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่น คือ คุณภาพของการให้บริการลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจเมื่อเข้ามาใช้บริการ ด้วยการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมสรรพ เช่น ห้องลองเสื้อขนาดใหญ่ที่สามารถนำรถเข็นเด็กเข้าไปได้ และห้องพักผ่อนสำหรับเด็กอ่อน พร้อมอ่างชำระล้าง และตู้กดน้ำอัตโนมัติ

 

นายทาคาชิ กล่าวต่อไปว่า เพื่อร่วมฉลองการเปิดอย่างเป็นทางการ ห้างสรรพสินค้า กรุงเทพ-โตคิว พาราไดซ์ พาร์ค ได้จัดแคมเปญยิ่งใหญ่ “ห้างสรรพสินค้า กรุงเทพ-โตคิว พาราไดซ์ พาร์ค แกรนด์ โอเพนนิ่ง” เพียงช็อปครบทุก 1,000 บาท รับคูปองชิงโชค ลุ้นรับแพ็กเกจท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียเอ๊กซ์ (กรุงเทพ-นาริตะ) 2 ที่นั่ง พร้อมห้องพักคู่โรงแรมชิบูย่า โตคิว เร 3 วัน 2 คืน และบัตรกำนัลจากห้างสรรพสินค้าโตคิวที่ญี่ปุ่นสำหรับขาช้อปตัวจริง 3,000 บาท จำนวน 20 รางวัล หรือช็อปครบ 5,000 บาทขึ้นไป รับทันที บัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท ตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย. -16 ส.ค.นี้

หลังจากกลุ่มโตคิวออกมาทำกิจกรรมการตลาดต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปี 2558 จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 700-900 ล้านบาท เนื่องจากมั่นใจว่าจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ซึ่งวันธรรมดามีประมาณ 3 หมื่นคน และวันหยุดมีประมาณ 4 หมื่นคน จะเข้ามาใช้บริการภายในห้างสรรพสินค้า กรุงเทพ-โตคิว พาราไดซ์ พาร์ค   

จากความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของไทย ด้วยการเลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรกในการขยายธุรกิจห้างสรรพสินค้านอกประเทศ ล่าสุดกลุ่มโตคิวออกมาแย้มแผนว่า หากมีพันธมิตรและทำเลที่มีความเหมาะสมก็พร้อมที่จะขยายห้างสรรพสินค้าสาขาในประเทศไทยต่อไปทันที จากปัจจุบันมีอยู่ 2 สาขา คือ ที่ศูนย์การค้าเอ็มบีเค และศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค

ปัจจุบันห้างสรรพสินค้าโตคิว มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการทั้งหมด 7 สาขา ประกอบด้วย สาขาในประเทศไทย 2 สาขา  และในญี่ปุ่น 5 สาขา ซึ่งในส่วนของศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ถือเป็นการกลับมาขยายธุรกิจในประเทศไทยอีกครั้งในรอบ 30 ปี หลังจากเปิดให้บริการที่ศูนย์การค้าเอ็มบีเคเป็นสาขาแรก


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 มิ.ย. 2558 เวลา : 16:03:10
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 7:19 pm