เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
จับตา "วิกฤตหนี้กรีซ" กระทบส่งออกไทยไปยุโรป


ต้องยอมรับว่า การผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก และล่าสุด MSCI ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการด้านดัชนี ระบุว่า การที่รัฐบาลกรีซประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุนและปิดตลาดหุ้น อาจทำให้กรีซถูกปรับลดอันดับจากการที่อยู่ในดัชนีอ้างอิงตลาดหุ้นเกิดใหม่ ลงสู่ตลาด "standalone" โดยขณะนี้ MSCI กำลังพิจารณาในประเด็นดังกล่าว

 

ทั้งนี้ รัฐบาลกรีซประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุน ขณะที่สั่งปิดธนาคารพาณิชย์และตลาดหุ้นจนถึงวันที่ 6 ก.ค. ซึ่งเป็นเวลา 1 วันหลังจากที่มีการจัดทำประชามติในวันที่ 5 ก.ค.ว่าด้วยข้อเสนอในการรับเงินช่วยเหลือจากเจ้าหนี้ ส่วนการถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มจะถูกจำกัดไว้ที่ 60 ยูโร (65 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อวันในช่วงเวลาที่แบงก์พาณิชย์ปิดทำการ

 

การประกาศดังกล่าว มีขึ้นหลังจากที่เมื่อวันเสาร์ที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา บรรดารัฐมนตรีคลังยูโรโซน หรือ ยูโรกรุ๊ป ปฏิเสธที่จะขยายเวลาสำหรับโครงการความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งจุดปะทุความวิตกว่า กรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้ 1.6 พันล้านยูโร แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้

 

 

ด้านผลกระทบต่อการส่งออกของไทย นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่ประจำอยู่ในประเทศในสหภาพยุโรป (EU) ติดตามสถานการณ์วิกฤติทางการเงินของประเทศกรีซว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยในตลาด EU อย่างไร ตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์

 

เบื้องต้น ประเมินว่า ผลกระทบวิกฤติกรีซ จะทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่ามากขึ้น สินค้าไทยแพงขึ้น เพราะอียูไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้กรีซได้ และส่งผลต่อความเชื่อมั่นให้กับประเทศอื่นที่อาจผิดนัดชำระหนี้เหมือนกรีซ ทำให้เศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวลงอีก ซึ่งต้องกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยไปยุโรป และเป็นปัจจัยเสี่ยงซ้ำเติม จากเดิมที่สินค้าไทยได้รับผลกระทบจากการถูกอียูตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) และสินค้าประมงอยู่ในขั้นตอนการแก้ไขปัญหาใบเหลือง จากการทำประมงผิดเงื่อนไข ไม่รายงาน และไร้การควบคุม (IUU) จากอียู

 

ทั้งนี้ แม้ตลาดส่งออกไปในยุโรปจะมีแนวโน้มถดถอยลง แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อภาพรวมการส่งออกของไทยที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายไว้ขยายตัว 1.2% เพราะประเมินว่าราคาสินค้าเกษตรของไทยจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากสถานการณ์ภัยแล้งทั่วโลก ดังนั้นไทยต้องมีการบริหารจัดการน้ำที่ดี เพื่อที่จะผลิตสินค้าเกษตรให้มีประสิทธิภาพและส่งออกไปในตลาดโลกได้

 


บันทึกโดย : วันที่ : 29 มิ.ย. 2558 เวลา : 23:25:36
17-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 17, 2024, 5:58 am