การตลาด
สกู๊ป "อาร์ซี โคล่า" คืนตลาดน้ำดำ ท้าชิง "เอส" นั่งแท่นอันดับ 3


เริ่มมีความคึกคักมากขึ้นสำหรับตลาดน้ำดำในประเทศไทย หลังจาก "อาร์ซี โคล่า" (RC Cola) ออกมาประกาศปัดฝุ่นสินค้าปูพรมทำตลาดทั่วประเทศอีกครั้ง  หลังจากซุ่มเงียบทำตลาดในต่างจังหวัดมานาน ด้วยประสบการณ์การทำตลาดทั่วโลกที่มีมากถึง 110 ปี  และทำตลาดในไทยมา 48 ปี เจาะตามร้านโชห่วยต่างๆ วันนี้ "อาร์ซี โคล่า" พร้อมแล้วที่จะเปิดศึกตลาดน้ำดำอย่างจริงจัง ด้วยการเพิ่มกำลังผลิตสินค้าควบคู่ไปกับการขยายช่องทางการทำตลาดเข้ามายังห้างค้าปลีกเพิ่มเติม

               

 

ทั้งนี้ "อาร์ซี  โคล่า"  ถือเป็นเครื่องดื่ม “โคล่า” ที่มีประวัติมากว่า 110 ปี นับตั้งแต่ปี (ค.ศ.1905)  เป็นเครื่องดื่มสัญชาติอเมริกาโดยมีแหล่งกำเนิดในเมืองโคลัมบัส เริ่มแรกใช้ชื่อว่า “Royal Crown Cola” ต่อมาย่อมาเป็น "RC" และในปัจจุบัน RC มีจำหน่ายไปยังทั่วโลกกว่า 60 ประเทศ ที่ยังคงรสชาติโคล่าแท้ ๆ และครองใจนักดื่มโคล่ามาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งการกลับมาบุกตลาดครั้งนี้ก็เพื่อเจาะตลาดเพิ่มยอดขายและช่องทางการจำหน่ายให้เพิ่มขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักคนวัย 25-35 ปี ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองหลักต่างๆ

ปัจจัยที่ทำให้ "อาร์ซี โคล่า" มั่นใจว่า การกลับเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังในครั้งนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน หลักๆ ก็น่าจะมาจากรสชาติของน้ำดำ ซึ่งเป็นที่ถูกใจของกลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน เพราะเป็นแบรนด์สินค้าที่เติบโตคู่มากับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว นอกจากนี้ ในด้านของราคาขายยังวางไว้ตำแหน่งตรงกลาง เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย โดยในปีแรกที่เข้ามาทำตลาด "อาร์ซี โคล่า" คาดว่าจะสามารถเบียด "บิ๊ก โคล่า" มานั่งอยู่อันดับ 4 ของตลาดน้ำดำได้อย่างแน่นอน

 

นายชาคริต อัศววศิน ที่ปรึกษาการตลาดอาวุโส บริษัท สากล เบเวอเร็ดจ์ จํากัด กล่าวว่า หลังจากบริษัทมีการปรับโครงสร้างภายในองค์กรแล้วเสร็จ จึงกลับมาเดินหน้าทำตลาด อาร์ซี โคล่า อย่างจริงจังอีกครั้ง ภายหลังได้รับลิขสิทธิ์ในการผลิต และจัดจำหน่าย อาร์ซี โคล่า แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งหากนับตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยปีนี้ก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 48 แล้ว และด้วยความที่ อาร์ซี โคล่า เป็นสินค้าที่มีประวัติยาวนาน และมีจุดเด่นในเรื่องของรสชาติโคล่าแท้ๆ จากธรรมชาติ ซึ่งเป็น 1 ใน3 มแบรนด์หลักของโลก ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคยังคงจดจำได้ และด้วยราคาสินค้าที่จำหน่ายย่อมเยา ทำให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป

สำหรับกลยุทธ์ที่ อาร์ซี โคล่า เลือกนำมาใช้ในการทำตลาดครั้งนี้ จะเน้นผู้บริโภคเป็นหลัก พร้อมกับให้ความสำคัญกับร้านค้า เพราะอาร์ซี โคล่า เชื่อว่าสินค้าจะขาดใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ขณะเดียวกันก็มีการผลิตสินค้าให้มีขนาดหลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกของผู้บริโภค ประกอบด้วย ขนาด 227 มล. จำหน่ายที่ราคา 6 บาท , ขนาด 400 มล. จำหน่ายที่ราคา 10 บาท , ขนาด 450 มล. จำหน่ายที่ราคา 14 บาท และขนาดกระป๋อง จำหน่ายที่ราคา 13 บาท

นอกจากนี้ อาร์ซี โคล่า ยังได้มีการเปลี่ยน “สโลแกน” ของแบรนด์ จากเดิมที่ใช้ “จิบเดียว... จับใจ” มาหลายทศวรรษเปลี่ยนเป็น “ความรู้สึกดีๆ... ไม่เคยเปลี่ยน” เพื่อสร้างความรู้สึกดีๆ กับผู้บริโภคในการโหยหาความทรงจำในวัยเด็ก เช่นเดียวกันกับการคิดถึงเพื่อนในวัยเยาว์ ที่แม้จะห่างหายไปนาน แต่ความรู้สึกดีๆ ก็ยังไม่เปลี่ยนไป  เช่นเดียวกับรสชาติของอาร์ซี โคล่า ที่ไม่เคยเปลี่ยน ซึ่งการสื่อสารในรูปแบบดังกล่าว อาร์ซี โคล่า จะมีการถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์โฆษณาทางทีวี และวิทยุ รวมไปถึงป้ายโฆษณาตามสถานที่ต่างๆ

นายชาคริต กล่าวว่า ปัจจุบันเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่ทำตลาดในประเทศไทยมีอยู่ด้วยกัน 4  แบรนด์หลัก แต่แบรนด์ที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับสำหรับผู้บริโภคมองว่ามีแค่ 2 แบรนด์เท่านั้น  คือ โค้ก กับเป๊ปซี่  ซึ่งทั้ง  2 แบรนด์ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาทั้งสิ้น ส่วนอีก 2 แบรนด์ คือ เอส  และบิ๊กโคล่า ยังไม่มีจุดแข็งเท่าไหร่ เนื่องจากใช้ราคาเข้าสู้กันเพียงอย่างเดียว ทำให้ไม่มีฐานลูกค้าที่แข็งแรง กลยุทธ์สำคัญของ 2 แบรนด์นี้ คือ เงินหนาในการทุ่มทำโปรโมชั่นทำให้แบรนด์อยู่ได้ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้บริษัทมั่นใจว่า การที่ปลุก อาร์ซี โคล่า เข้ามาทำตลาด ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีจุดแข็งในด้านการมีประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่ยาวนาน และมีราคาที่คุ้มค่าจริงๆ อีกทั้งยังเน้นคุณภาพของสินค้าที่เป็นวัตุดิบธรรมชาติ น่าจะทำให้ อาร์ซี โคล่า สามารถสู้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่อยู่ในท้องตลาดได้

ในด้านของงบการตลาดที่ อาร์ซี โคล่า ได้วางไว้สำหรับการทำตลาดในปีนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์แบรนด์ผ่านสื่อต่างๆ แล้ว  ยังจะมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย และการทำกิจกรรม ณ จุดขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวอาจจะยังไม่รู้จักแบรนด์ของอาร์ซี โคล่า ว่ามีความเป็นมาและมีรสชาติเป็นอย่างไร

นายชาคริต กล่าวอีกว่า ด้วยงบประมาณในการทำตลาดที่เตรียมไว้ไม่สูง ต้องบอกเลยว่าเป็นเพราะ  อาร์ซี โคล่า ไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ในท้องตลาด จึงไม่มีงบลงทุนสูงมากเท่ากับคู่แข่ง ซึ่งจะมีการใช้งบการตลาดค่อนข้างสูง และใช้พรีเซ็นเตอร์ที่มีชื่อเสียงในการทำการตลาดและโฆษณาสินค้า ซึ่งในส่วนของ อาร์ซี โคล่า ไม่มีแผนที่จะทำการตลาดในรูปแบบดังกล่าว แต่ถึงแม้ว่าจะทำการตลาดแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่บริษัทก็เชื่อว่า อาร์ซี โคล่า จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

 

 

นายเทอดชาย ขจรอรุณกิจ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส บริษัท สากล เบเวอเร็ดจ์ จํากัด กล่าวว่า ในด้านของช่องทางจำหน่าย บริษัทจะเน้นไปที่ร้านโชห่วยภาคกลางเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันสามารถกระจายสินค้าไปยังช่องทางดังกล่าวได้มากกว่า 50,000 ร้านค้าแล้ว ในระยะเวลา 6 เดือน ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการขยายช่องทางการผ่านห้างค้าปลีกประเภทสะดวกซื้อ อย่าง เซเว่นอีเลฟเว่น, ลอว์สัน และ 108 Shop  รวมไปถึงซูปปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ อย่าง วิลล่ามาร์เก็ต,ฟู้ดแลนด์ และโฮมเฟรชมาร์ช เครือเดอะมอลล์  

ขณะเดียวกันก็มีการขยายช่องทางจำหน่ายไปยังค้าปลีกประเภทขายส่งอย่างแม็คโคร และร้านสะดวกซื้อในปั้มน้ำมันอย่างจิฟฟี่ และไทเกอร์มาร์ท รวมไปถึงการขายผ่านตู้กดน้ำในปั้มน้ำมัน ส่วนห้างไฮเปอร์มาร์เก็ตอย่างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์  และเทสโก้ โลตัส อาร์ซี โคล่า ไม่มีแผนที่จะนำสินค้าเข้าไปทำตลาด เนื่องจากมูลค่าในการซื้อไม่เหมาะสมที่จะเข้าไปลงทุน

หลังจากออกมารุกทำตลาดอย่างจริงจัง อาร์ซี โคล่า คาดว่าปีแรกของการทำตลาดจะมีส่วนแบ่งการตลาดขึ้นมาเป็นอันดับ 4 อยู่ที่ประมาณ 7-8% แทนที่แบรนด์บิ๊กโคล่า ได้อย่างแน่นอน จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่เพียง 2-3%  เท่านั้น ซึ่งหลังจากขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ภายในปีแรกสำเร็จ ในอีก 1-2  ปีต่อมา อาร์ซี โคล่า คาดว่าจะสามารถขึ้นมาอยู่อันดับ 3 แทนที่แบรนด์ เอส ด้วยการมีส่วนแบ่งการตลาดน้ำดำมากกว่า 12-13% ที่แบรนด์เอสกำลังครองอยู่

ปัจจุบันตลาดน้ำอัดลมมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 44,000 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 7-9%  สวนกระแสภาพรวมตลาดเครื่องดื่มอื่นๆ เนื่องจากผู้ประกอบการออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในมูลค่าดังกล่าวของตลาดน้ำอัดลม เป็นสัดส่วนของตลาดน้ำดำประมาณ 70% หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 30% หรือกว่า 10,000  ล้านบาทเป็นตลาดน้ำสี  ซึ่งในส่วนของตลาดน้ำดำปัจจุบันมีแบรนด์โค้กเป็นผู้นำตลาดที่ 50% ตามด้วยแบรนด์เป๊ปซี่ 30% แบรนด์เอส 12-13% และบิ๊กโคล่า 7-8%

การออกมาปัดฝุ่นแบรนด์ เพื่อท้าชนขาใหญ่ในตลาดครั้งนี้ จะสำเร็จแค่ไหน สิ้นปีนี้คงพอเห็นภาพ แต่ดูจากกระแสที่ "อาร์ซี โคล่า" ได้รับ หลังจากกระโดดเข้ามาทำตลาดอย่างจริงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ถือว่าได้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ เพราะผู้บริโภคหลายคนยังคงคิดถึงสินค้าแบรนด์นี้ แต่จะประสบความสำเร็จจนสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดของบิ๊กโคล่า และเอส ได้หรือไม่นั้น ครบปีแรกคงรู้อันดับว่าจะยังอยู่อันดับ 5 หรือก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ได้ตามแผนงานที่วางไว้.

 


 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 ก.ย. 2558 เวลา : 09:25:59
23-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 23, 2024, 5:11 pm