การตลาด
สกู๊ป...โฆษณาดิจิทัลเนื้อหอมสินค้าแห่ใช้งบคาดสิ้นปีทะลุหมื่นล้าน






 


ยังคงเนื้อหอมอย่างต่อเนื่องสำหรับสื่อโฆษณาดิจิทัล หลังจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนหันมาเสพติดเทคโนโลยีมากขึ้น  ส่งผลให้การทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์และการโฆษณาสินค้าได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว ทำให้อุตส่หกรรมโฆษณาดิจทัลมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องดูได้จากเม็ดเงินที่ไหลเข้าในสื่อโฆษณาดิจิทัลตั้งแต่ปี  2555  มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ  2,783 ล้านบาท เติบโตจากปี 2554 ที่ 53% ต่อมาปี  2556  มีมูลค่าเพิ่มเป็น 4,248  ล้านบาท เติบโต 44%  ปี 2557 มีมูลค่า 6,115 ล้านบาท เติบโต 32%  ปี 2558 มีมูลค่า 8,084 ล้านบาท เติบโต 23%  และปี 2559  คาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 9,927 ล้านบาท  หรือ 10,000 ล้านบาท หากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเอื้ออำนวยให้เจ้าของสินค้าออกมาใช้งบทำการตลาดมากขึ้น    
 
 
 
 
 
 
 

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจของเอเยนซี่ชั้นนำจำนวน 23 รายเกี่ยวกับการใช้งบผ่านสื่อโฆษณาดิจิทัลในปี 2558 ที่ผ่านมา  กลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้งบโฆษณากับสื่อดิจิทัลมากที่สุดยังคงเป็นกลุ่มสื่อสาร  โดยในปีที่ผ่านมามีการใช้งบโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลมากกว่า  974  ล้านบาท  
 
 
ตามด้วยกลุ่มยานยนต์มีการใช้งบอยู่ที่ประมาณ 918 ล้านบาท  กลุ่มเครื่องผลิตภัณฑฺดูแลผิวใช้งบอยู่ที่ประมาณ  595 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมใช้งบที่ประมาณ  567 ล้านบาท และอันดับ 5 คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมใช้งบที่ประมาณ  513 ล้านบาท ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้เม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลเพิ่มในมูลค่าสูงที่สุดเทียบจากปี 2557 คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม  มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 400 ล้านบาท
 
 
 
 
 
 

นายนรสิทธ์ สิทธิเวชวิจิตร กรรมการสมาคมโฆษณาดิจิทัล กล่าวว่า สัดส่วนการใช้งบโฆษณาในปลายปี 2558 ยังคงมีการใช้งานเพิ่มขึ้น โดยในกลุ่มธุรกิจสื่อสารยังคงเป็นกลุ่มที่มีการใช้งานโฆษณาดิจิทัลสูงสุด  แม้ว่าปี 2558 ที่ผ่านมาจะมีการชะลอการใช้งบไปในช่วงไตรมาส 4 เนื่องจากมีการประมูลคลื่นความถี่  จึงทำให้งบโฆษณาที่เคยใช้ค่อนข้างมากหมายไปในช่วงเวลาดังกล่าว

 
แต่อย่างไรก็ตาม  หลังจากการประมูลคลื่นความถี่เสร็จสิ้นลงในช่วงปลายปีที่ผ่านมา  ขณะนี้กลุ่มธุรกิจสื่อสารเริ่มกลับมาใช้งบโฆษณาดิจิทัลเหมือนเดิมแล้ว  ขณะเดียวกันมีแนวโน้มจะใช้มากขึ้น  เนื่องจากการแข่งขันของธุรกิจดังกล่าวยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งจากแนวโน้มที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้กลุ่มธุรกิจสื่อสารยังคงเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายในโฆษณาดิจิทัลมากสุดในปี 2559 ต่อไป  

 
ส่วนในด้านของรูปแบบการโฆษณา Facebook และ Google ยังคงเป็นสื่อที่ผู้ลงโฆษณาใช้มากที่สุดและยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2558 แม้ว่าจะมี  LINE และเว็บไซต์ชั้นนำของไทยอย่าง  Sanook และ Mthai  เข้ามาร่วมชิงเค้กเม็ดเงินโฆษณา ด้วยการปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดการแข่งขัน  แต่ Facebook และ Google  ก็ยังคงเป็นช่องทางที่เจ้าของสินค้าให้ความสนใจมากที่สุดในปีที่ผ่านมาและต่อนเองมาจนถึงปี 2559 นี้

 
 
 
 
 
จากความนิยมดังกล่าวถือว่าสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับผลสำรวจตามประเภทของการใช้สื่อออนไลน์  ที่พบว่า Facebook  ยังคงเป็นรูปแบบของสื่อโฆษณาที่ครองส่วนแบ่งงบโฆษณาดิจิทัลสูงสุด  โดยในปี 2558  ที่ผ่านมาสามารถครองส่วนแบ่งงบได้มากถึง 24% ของยอดการใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งเติบโตแบบก้าวกระโดดที่  95% จากปี 2557  โดยกลุ่มสินค้าที่ให้ความสนใจเข้ามาโฆษณาผ่าน  Facebook  คือ  กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว  ส่วนรูปแบบของสื่อโฆษณาที่มีสัดส่วนยอดใช้จ่ายรองลงมาคือ Display มียอดการใช้อยู่ที่ประมาณ 21 % และตามติดด้วย YouTube 20% โดย YouTubeเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ถึง 87%
 

 นายนรสิทธ์ กล่าวว่า  ภาพรวมสื่อโฆษณาดิจิทัลในปี 2559 นี้คาดการณ์ว่า แนวโน้มของเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลน่าจะปรับตัวสูงขึ้นอีก 23% จากปี 2558  หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ  9,927 ล้านบาท  แต่หากเศรษฐกิจฟื้นตัวเจ้าของสินค้าหันมาใช้งบมากขึ้นมูลค่าของสื่อโฆษณาดิจิทัลในสิ้นปีนี้อาจถึง 10,000 ล้านบาท  หรือคิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 8-10% ของภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาทั้งหมด  โดยกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะใช้งบมากที่สุดยังคงเป็นกลุ่มสื่อสาร  ซึ่งปีนี้คาดว่าจะใช้งบประมาณ 1,304 ล้านบาท  ตามด้วยกลุ่มยานยนต์  1,228 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 691 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม  653 ล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 592 ล้านบาท
 

นายศิวัตร เชาวรียวงษ์ นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ความนิยมในการบริโภคสื่อดิจิทัลของคนไทยสูงขึ้นมาก หลังจากที่ผู้บริโภคสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น  ซึ่งรูปแบบที่คนไทยให้ความสนใจในขณะนี้ คือ วีดีโอ  เพราะหลังจากอินเตอร์เน็ตมีความเร็วสูงขึ้นทำให้การดูวีดีโอไม่สะดุด  และสามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งจากความต้องการที่เกิดขึ้นดังกล่าว  ส่งผลให้นักการตลาดต้องออกมาใช้สื่อดิจิทัลเป็นช่องทางในการสื่อสารโฆษณาในรูปแบบของวิดีโอนี้เพิ่มมากขึ้น  โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค  จากเดิมจะใช้จ่ายเงินโฆษณาในสื่อหลักอย่างทีวีเป็นส่วนใหญ่

 
สำหรับกลุ่มสินค้าที่น่าจับตามองในปีนี้ คือ ประกันภัย เนื่องจากสามารถหวังผลยอดขายได้จากการใช้สื่อโฆษณาดิจิทัล เช่นเดียวกับกลุ่มสถาบันการเงิน และกลุ่มค้าปลีก  ที่เริ่มหันมาใช้สื่อดิจิทัลทำการตลาดมากขึ้น  เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด  ขณะเดียวกันยังสามารถทำการขายสินค้าได้ในทันทีที่มีการใช้สื่อโฆษณาดิจิทัล  ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการค้าปลีกเริ่มปรับตัวหันมาขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น 
 

นอกจากนี้  กลุ่มหน่วยงานภาครัฐก็เป็นอีกกลุ่มที่น่าจับตามอง เนื่องจากปีที่ผ่านมามีการใช้งบโฆษณาดิจิทัลเติบโตมากถึง  992%  ส่วนอีกหนึ่งกลุ่มที่เริ่มมีการใช้งบผ่านสื่อดิจิทัลมากขึ้น คือ กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยในปีที่ผ่านมามีการใช้งบโฆษณาเติบโตมากถึง 513% ตามด้วยสถาบันการเงินใช้งบโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลเติบโต 322%
 

ด้าน น.ส. อาภาภัทร บุญรอด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มคันตาร์ ประเทศไทย กล่าวว่า  ผลสำรวจเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลในปีนี้ได้จัดทำขึ้นในมิติที่หลากหลายและแตกต่างไปจากปีที่ผ่านมา จากรูปแบบการทำวิจัยทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพควบคู่กันเพื่อให้สามารถสะท้อนภาพเชิงลึกได้ดียิ่งขึ้น เช่น  การลงรายละเอียดในข้อมูลเกี่ยวกับโซเชียล มีเดีย แพลทฟอร์ม อย่าง Facebook, Instagram, YouTube และ Twitter โดยเฉพาะ หรือ ข้อมูลเฉพาะในลักษณะของรูปแบบการซื้อแบบ Direct, Ad Network หรือ Programmatic  ทั้งในรูปแบบของรายงานและข้อมูลดิบโดยทาง ทีเอ็นเอส ประเทศไทยได้มีการพัฒนาเครื่องมือในการสำรวจเชิงปริมาณให้มีความแม่นยำ ถูกต้อง และรวดเร็วมากขึ้น
 

นอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การสำรวจในครั้งนี้ ทีเอ็นเอส ประเทศไทย ยังได้ดำเนินการจัด Workshop ให้ผู้ประกอบการธุรกิจโฆษณาดิจิทัล ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และทำความเข้าใจวิธีการเข้าร่วมการสำรวจผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งเป็นระบบที่สามารถรักษาความลับของข้อมูลในระดับสูงสุด อีกทั้งยังมีระบบการตรวจทานข้อมูล (Information Verification System) ก่อนส่งแบบสำรวจ ทำให้ข้อมูลมีความถูกต้องมากขึ้นกว่าครั้งที่ผ่านมา โดยเล็งเห็นว่าข้อมูลงบประมาณและการใช้จ่ายด้านสื่อต่างๆ เป็นข้อมูลที่สำคัญต่อนักการตลาด และนักโฆษณาประชาสัมพันธ์ ในการตัดสินใจทางธุรกิจ

ปัจจุบันสื่อดิจิทัลมีบทบาทต่อผู้บริโภคในการสร้างการรับรู้ต่อตราสินค้า  บริการ และการตัดสินใจซื้อเป็นอย่างมาก โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ภายหลังการเข้ามาของสมาร์ทโฟนในประเทศไทย การบริโภคสื่อหลักของผู้บริโภคก็ได้มีการแบ่งสัดส่วนการบริโภคให้กับสื่อดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น  แต่เนื่องจากงบประมาณของแต่กลุ่มธุรกิจยังคงใช้จ่ายอยู่ในวงจำกัด  ส่งผลให้นักการตลาดและเอเยนซี่โฆษณา  ต้องหันมาทำความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภค  ควบคู่ไปกับช่องทางการใช้สื่อ ว่าช่องทางใดเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายแบบใด  เพราะปัจจุบันเจ้าของต้องการประสิทธิภาพทางการขายมากกว่าการสร้างแบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภค

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 31 มี.ค. 2559 เวลา : 15:59:57
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 7:34 pm