ภัยแล้งที่เกิดขึ้นทั่วโลก แม้จะมีผลกระทบมากมายแต่ก็มีผลดีต่อสินค้าเกษตร โดยเฉพาะราคาข้าว ซึ่งได้รับการยืนยันจากนายสมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการอาวุโส สถาบันคลังสมองของชาติ ที่ยอมรับว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่เพาะปลูกหลายแห่งของโลก เช่น เมียนมา เวียดนาม อินเดีย รวมทั้ง ประเทศไทยทำให้ราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทั้งข้าว อ้อย มันสำปะหลังและปาล์มน้ำมัน
โดยในส่วนของราคาข้าวขาว 5% ในช่วง 2-4 เดือนที่ผ่านมา ราคาขายขึ้นมาอยู่ที่ 400 ดอลลาร์ ต่อตัน หรือปรับเพิ่มขึ้นตันละ 30-40 ดอลลาร์ โดย ราคาขายในประเทศอยู่ที่ระดับราคา 8,500- 9,000 บาท ต่อตัน ซึ่งถือว่าดีต่อชาวนาเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาข้าว 5% ทรงตัวอยู่ในระดับ 7,000-7,500 บาทต่อตันมาเป็นระยะเวลานาน
อย่างไรก็ตามในส่วนของราคาข้าวที่ราคาเริ่มปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% และยางพาราที่ทิศทางราคาฟื้นตัวตามราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่ราคายังไม่มีเสถียรภาพเนื่องจากในอีก 3 เดือนข้างหน้า เมื่อเริ่มมีปริมาณฝนตกลงมาปริมาณข้าวและยางพาราจะทยอยเข้าสู่ตลาดทำให้อุปทานเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันเศรษฐกิจโลก ที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนักทำให้กำลังซื้อใน หลายตลาดยังไม่ดี เช่น ตลาดแอฟริกาความต้องการข้าวยังลดลง ทำให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นไม่ได้มากนัก
ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ขณะนี้ราคาส่งออกข้าว (เอฟโอบี) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20-30 ดอลลาร์ ในช่วง 1 สัปดาห์ ที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญมาจาก ตลาดแอฟริกาเริ่มกลับมานำเข้าข้าวมากขึ้น จาก ที่ชะลอการนำเข้าเพราะปัญหาเศรษฐกิจโดยส่วนใหญ่เป็นข้าวนึ่ง ซึ่งต้องใช้ข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ทำให้ราคาข้าวเปลือกตลาดในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม
นอกจากนี้ ปริมาณผลผลิตในประเทศก็ ลดลงและส่งออกข้าวช่วง 3 เดือนแรกปีนี้ค่อนข้างสูงเฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านตัน ทำให้เกิดซัพพลายช็อต จนราคาข้าวปรับตัวเพิ่มสูงและรวดเร็ว
ส่วนแนวโน้มราคาช่วงครึ่งหลังของปี คาดว่ามีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะผู้นำเข้า รายใหญ่อย่างฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย น่าจะเปิด นำเข้าข้าวอีก ประกอบกับทิศทางสต็อกข้าวโลกลดลง
ขณะที่นายมานัส กิจประเสริฐ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าราคาข้าวสารในตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยตันละ 1,000 บาท หรือสัปดาห์ละ 500 บาท ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงในเวลาอันรวดเร็ว จากราคาข้าวสารขาวที่ตันละ 12,000 บาทมาอยู่ที่ 13,000 บาท ส่งผลให้โรงสีแย่งซื้อข้าวเปลือกในตลาดทำให้ราคาข้าวเปลือกเจ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ตันละมาก กว่า 9,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเข้ามาบริหารงาน
แต่สถานการณ์ราคาดังกล่าวจะมีชาวนาและโรงสีส่วนน้อยเท่านั้นที่ได้ประโยชน์เพราะข้าวส่วนใหญ่ไม่อยู่ในมือชาวนาแล้ว ส่วนสาเหตุที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและสูงมากเช่นนี้ เบื้องต้นน่าจะมาจากภัยแล้งที่ทำให้ปริมาณผลผลิตน้อย ขณะเดียวกันตลาดต่างประเทศอาจมีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น ส่วนแนวโน้มราคาข้าวจากนี้ ต้องจับตาว่าปริมาณฝนจะมีมากพอสำหรับการทำนาปรังช่วงพ.ค.หรือไม่ หลังจากนี้อีก 3 เดือน หรือช่วง ส.ค.ก.ค. จะชัดเจนว่าปริมาณผลผลิตนาปรังเป็นอย่างไร หากมีมากพอจะทำให้ราคาข้าวในตลาดอ่อนตัวลง แต่หากมีน้อยก็จะเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม
ทั้งนี้ราคาข้าวที่ปรับตัวสูงสุดทำสถิตินี้ น่าจะสนับสนุนการดำเนินนโยบายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เกี่ยวกับการกำหนดพื้นที่ปลูกข้าวในช่วงที่ทั่วโลกกำลังประสบกับปัญหาภัยแล้ง
ข่าวเด่น