กองทุนรวม
MFCเปิดขายกองทุน MSI 20 รับซื้อคืนหน่วยทุก 3 เดือน อัตราเฉลี่ย 2.90%ต่อปี


 


 
เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สเตเบิ้ล อินคัม ฟันด์ 20 (MSI 20) ลงทุนตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐและเอกชนทั้งในและนอกประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทุก 3 เดือนตลอดอายุโครงการประมาณ 3 ปี ในอัตราเฉลี่ย 2.90%ต่อปี เปิดขายครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้-13 มิถุนายน 2559 
          
 
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอ็มเอฟซีได้รับการตอบรับจากผู้สนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ MSI19 จนล้นมูลค่าโครงการ และยังคงมีความสนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง จึงเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สเตเบิ้ล อินคัม ฟันด์ 20 (MSI 20) ซึ่งลงทุนตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐและเอกชนทั้งในและนอกประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท อายุประมาณ 3 ปี ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุก 3 เดือนเฉพาะผลตอบแทนในอัตราเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 2.90 ต่อปีของมูลค่าหน่วยลงทุนที่ตราไว้ (10 บาท) เมื่อกองทุนเปิด MSI 20 ครบอายุกองทุน บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมด และสับเปลี่ยนไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรตลาดเงินหรือกองทุนเปิด MM-GOV เพื่อสนับสนุนการลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างต่อเนื่องต่อไป
 
          
กองทุนเปิด MSI 20 จะเน้นนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งชาติ พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ที่ออกโดยนิติบุคคลที่มีกฏหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารต่างประเทศ หรือตราสารหนี้เอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ซึ่งกองทุนเปิด MSI 20 จะลงทุนเพียงครั้งเดียว และถือทรัพย์สินไว้จนครบอายุของทรัพย์สินนั้น นอกจากนี้กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินแบบเต็มจำนวน (Fully hedge) ทั้งนี้ ปัจจัยความเสี่ยงที่อาจมีผลต่อกองทุน ได้แก่ ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร และความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ
         
 
กองทุนเปิด MSI 20 เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ และคาดหวังผลตอบแทนในระยะปานกลางถึงระยะยาว โดยสามารถลงทุนได้อย่างน้อยประมาณ 3 ปี และผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน
         
 
ตัวอย่างตราสารที่จะลงทุนซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ BBB+ ได้แก่ หุ้นกู้บริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ลงทุนร้อยละ 10 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.33 ต่อปี หุ้นกู้บริษัทอาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) ลงทุนร้อยละ 18.75 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.56 ต่อปี หุ้นกู้บริษัทเอเซียเสริมกิจลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ลงทุนร้อยละ 22.50 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.63 ต่อปี หุ้นกู้บริษัทดับลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ลงทุนร้อยละ 22.50 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.79 ต่อปี หุ้นกู้บริษัทลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลงทุนร้อยละ 22.50 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.73 ต่อปี และพันธบัตรรัฐบาลไทย ลงทุนร้อยละ 3.75 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.06 ต่อปี โดยกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในตราสารอื่นแทนหรือเพิ่มเติมซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือในอันดับที่สามารถลงทุนได้ คือ ไม่ต่ำกว่า BBB-
          
ประมาณการผลตอบแทนจากการลงทุนของกองทุนเปิด MSI 20 ร้อยละ 3.10 ต่อปี ประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนร้อยละ 0.20 และประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายร้อยละ 2.90 ต่อปี หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป บริษัทจัดการอาจไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนตามอัตราดังกล่าว
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 มิ.ย. 2559 เวลา : 14:00:06
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 7:59 am