การตลาด
สกู๊ป ...เซ็นทรัลปักหมุดลงทุนเวียดนามปั้นบ้านหลังที่ 2






 


จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายหลังได้เริ่มเปิดประเทศในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ประเทศเวียดนามมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีต่อเนื่อง เห็นได้จากจีดีพีของประเทศที่เติบโตอยู่ในระดับ 7-10% ทำให้บรรดานักธุรกิจไทยต่างจับจ้องที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศดังกล่าว ซึ่งจากการที่นักธุรกิจไทยเดินหน้าเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศเวียดนามกันอย่างต่อเนื่อง  ส่งผลให้ปัจจุบันประเทศไทยถูกปรับอันดับการลงทุนในประเทศเวียดนามจากอันดับ 11 มาอยู่ในอันดับที่ 1 เป็นที่เรียบร้อยในปีนี้

นอกจากนี้  หากมองในช่วงเวลา 6 เดือนแรกของปีนี้ ประเทศไทยกลายเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของเวียดนามในกลุ่มประเทศอาเซียน ด้วยมูลค่าการส่งออก 5.67 พันล้านเหรียญสหรัฐ  ซึ่งจากการขยายตัวดังกล่าวคาดว่ามูลค่าการค้าระหว่างไทย-เวียดนามจะเพิ่มขึ้นเป็น 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐในสิ้นปีนี้  หรือมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 7% 
 

สำหรับกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ในประเทศไทยที่เข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม นอกเหนือจากกลุ่มซีพี ที่เข้าไปสร้างอาณาจักรอาหารสัตว์ในเวียดนามตั้งแต่ปี 2533 ยังมีบริษัทไทยขนาดใหญ่ อีกหลายบริษัทลงทุนในเวียดนาม เช่น  
 
การลงทุนในกิจการ Metro โดยกลุ่มเบอร์ลี่ยุคเกอร์กว่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐ การลงทุนในกิจการ Big C โดยกลุ่มเซ็นทรัลกว่า 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ   กาลงทุนของกลุ่มปูนซีเมนต์ไทยลงทุนในเวียดนามหลายโครงการ มูลค่ารวมประมาณ 860 ล้านเหรียญสหรัฐ  การลงทุนของกลุ่มสิงห์ เอเซียโฮลดิ้ง เครือบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ ลงทุนในหุ้นเมซานกรุ๊ปราว 25% มูลค่ารวมกว่า 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ การลงทุนของกลุ่มอมตะคอร์ปอเรชั่น จะลงทุนนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 2 ชื่อ อมตะเอ็กซ์เพรสซิตี้ มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ  การลงทุนของบริษัท ปูนซิเมนต์นครหลวง ลงนามลงทุนในหุ้น 65% ในโฮลซิม(เวียดนาม) มูลค่าประมาณ 524 ล้านเหรียญสหรัฐ  การลงทุนของกลุ่มปตท. ในด้านของโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานปิโตรเคมี มูลค่า 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ การลงทุนของกลุ่มปูนซีเนต์ไทยมีแผนลงทุนโรงงานปิโตรเคมี มูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ  และการลงทุนของกลุ่มธนาคารไทย เช่น ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นต้น

 
จากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวส่งผลให้กลุ่มเซ็นทรัลเล็งเห็นโอกาสที่จะเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้น  หลังจากก่อนหน้านี้ได้เข้าไปลงทุนธุรกิจในด้านของค้าปลีก สินค้าแฟชั่น  และออนไลน์มาบ้างแล้ว  ซึ่งในส่วนของธุรกิจต่อไปที่กลุ่มเซ็นทรัลให้ความสนใจจะเข้าไปลงทุนในเร็วๆ นี้คือ ธุรกิจโรงแรม และศูนย์การค้า  เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลมีพันธมิตรยักษ์ใหญ่อย่างกลุ่มเหงียนคิม  เป็นที่ปรึกษาในการดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนามอยู่แล้ว


น.ส. จริยา จิราธิวัฒน์ ผู้บริหารกลุ่มเซ็นทรัลและธุรกิจในกลุ่มเซ็นทรัล เวียดนาม กล่าวว่า  จากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามที่อยู่ในทิศทางที่ดี  บริษัทคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปีนับจากนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจของเวียดนามจะมีการขยายตัวเท่ากับประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวบริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง หลังจากช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มเข้าไปลงทุนขยายธุรกิจในประเทศเวียดนามบ้างแล้ว

ทั้งนี้  กลุ่มเซ็นทรัล ได้เริ่มเข้าไปก่อตั้งกลุ่มเซ็นทรัล เวียดนามในปี 2554 เริ่มต้นดำเนินธุรกิจด้วยการขยายธุรกิจสปอร์ต รีเทล (Sport Retail) เปิดตัวร้าน ซูเปอร์สปอร์ต (Supersports) แห่งแรกในเวียดนาม  บนพื้นที่กว่า 450 ตร.ม. ที่ห้างสรรพสินค้า Vincom Center Ba Trieu ห้างหรูอันดับหนึ่งของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม  ควบคู่ไปกับการเปิดร้านคร๊อคส์ (Crocs) และร้าน นิวบาลานซ์ (New Balance) ซึ่งจากวันนั้นถึงวันนี้ปัจจุบันมีกลุ่มเซ็นทรัลมีธุรกิจทั้ง 3 แบรนด์เปิดให้บริการรวมกันประมาณ  26  สาขา  แบ่งเป็น ร้านซูเปอร์สปอร์ต 11 สโตร์ ร้านคร๊อคส์ 9 สโตร์ นิวบาลานซ์ 5 สโตร์ และสปีโด้ (Speedo) 1 สโตร์
 

ต่อมาใน ปี 2557 กลุ่มเซ็นทรัลได้ต่อยอดธุรกิจ  ด้วยการเปิดห้างสรรพสินค้าโรบินส์ จำนวน 2 สาขา ในเมืองฮานอย และโฮจิมินห์ซิตี้ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายประชากรเวียดนามที่มีกว่า 90 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายทางการตลาด ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงคิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 60% ของประชากรทั้งประเทศ   โดยในส่วนของสาขาฮานอยได้เปิดให้บริการไปในช่วงเดือนมี.ค. 2557 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 10,000 ตร.ม. บริเวณชั้นบี 1 ของโรยัลซิตี้ เมืองฮานอย ซึ่งเป็นเมกะมอลล์ขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุด ต่อมาในเดือนธ.ค. 25 57 ได้เปิดห้างสรรพสินค้าโรบินส์สาขาที่ 2 ณ กรุงโฮจิมินต์ ซิตี้ มีพื้นที่ 12,000 ตรม. งบลงทุน 130 ล้านบาท ควบคู่ไปกับการเปิดร้าน มาร์ก แอนด์ สเปนเซอร์ (Marks & Spencer Stores) ที่กรุงโฮจิมินต์ ซิตี้  
 
 

หลังจากนั้นไม่นานช่วงเดือน ม.ค.  2558 กลุ่มเซ็นทรัล ได้จับมือร่วมกับบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของประเทศเวียดนามภายใต้ชื่อ “เหงียน คิม เทรดดิ้ง” ซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์อันดับ 1 ของเวียดนาม ทำให้เกิดการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนทักษะทางค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ ประเทศเวียดนาม  รวมไปถึงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมลงทุนในธุรกิจ  ลานชี มาร์ท (Lanchi Mart) ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังในเวียดนามเหนือก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2538

 
 
ล่าสุดเดือน เม.ย. 2559 ที่ผ่านมา  กลุ่มเซ็นทรัล ได้ร่วมกับกลุ่มเหงียนคิม ประกาศซื้อกิจการ บิ๊กซี เวียดนาม อย่างเป็นทางการ Big C ตัวอักษร C มาจากคำว่า Central เพราะกลุ่มเซ็นทรัลเป็นผู้ริเริ่มแบรนด์นี้ขึ้นมาเอง รเข้าซื้อกิจการบิ๊กซี เวียดนาม คิดเป็นมูลค่า 920 ล้านยูโร ปัจจุบันมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการทั้งสิ้น  43 สาขา แบ่งเป็น ไฮเปอร์มาร์เก็ต 33 สาขาและ คอนวีเนี่ยนสโตร์ 10 สาขา เพื่อเสริมทัพความยิ่งใหญ่ของกลุ่มเซ็นทรัลในการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน   ซึ่งจากซื้อกิจการของบิ๊กซี เวียดนาม ได้ 1 เดือน กลุ่มเซ็นทรัล ก็ได้เข้าซื้อกิจการ ซาโลร่า เวียดนาม และ ไทย (Zalora) ผู้นำด้านออนไลน์แฟชั่น   เพื่อต่อยอดธุรกิจออนไลน์  เนื่องจากแนวโน้มการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กำลังได้รับความนิยม

หลังจากเข้าไปลุยขยายธุรกิจต่างๆ ในประเทศเวียดนามจนกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ในประเทศเวียดนามเป็นที่เรียบร้อย  กลุ่มเซ็นทรัล ก็ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจที่มีอยู่ในมืออย่างต่อเนื่อง  ซึ่งแต่ละธุรกิจคาดว่าจะมีการขยายสาขาเพิ่มปีละไม่ต่ำกว่า 4-5 สาขาต่อปี  เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและความมั่นคงให้กับธุรกิจในประเทศเวียดนามมากขึ้น  

ส่วนธุรกิจบิ๊กซี เวียดนาม  กลุ่มเซ็นทรัลมีแผนที่จะเปลี่ยนแบรนด์  เนื่องจากสัญญาการใช้ชื่อห้างบิ๊กซี  ได้รับสิทธิ์ให้ใช้ได้ในระยะสั้นเท่านั้น  ส่วนจะเปลี่ยนเป็นชื่ออะไร ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการวางแผน และศึกษาความเหมาะสม
 
 

น.ส.จริยา กล่าวว่า  แบรนด์ห้างบิ๊กซี ถือเป็นแบรนด์ที่บริษัทสร้างกันขึ้นมาด้วยตัวเอง  หากจะต้องแบรนด์แบรนด์จริงก็คงรู้สึกเสียดาย  แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทต้องเปลี่ยน  เนื่องจากเป็นลิขสิทธิ์ของกลุ่มบริษัท คาสิโน ส่วนแบรนด์ใหม่จะเป็นแบบไหน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและวางแผน  คาดว่าในเร็วๆ นี้น่าจะได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว

การเดินหน้าลุยขยายธุรกิจในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่องในครั้งนี้ของกลุ่มเซ็นทรัล  นอกจากจะปักหมุดให้เป็นเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของการขยายธุรกิจแล้ว  ในอนาคตเชื่อว่ารายได้ที่มาจากเวียดนามน่าจะมีมูลค่ามหาศาลพอสมควร  เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามในขณะนี้ ก้าวกระโดดแบบที่ว่าประเทศไทยต้องหันกลับมาทบทวนความสามารถของตัวเอง
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 ส.ค. 2559 เวลา : 21:26:25
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 12:01 am