การตลาด
สกู๊ป....ตลาดน้ำอัดลมแข่งเดือดปลุกกลยุทธ์ชิงยอดโค้งสุดท้าย






 


แม้ว่าจะมีผลวิจัยออกมาว่าภาพรวมตลาดธุรกิจเครื่องดื่มในปีนี้จะอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่สำหรับตลาดน้ำอัดลมปีนี้ถือว่ามีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับที่น่าพอใจ  เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดน้ำอัดลมปีนี้จะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 6% จากมูลค่า 51,000 ล้านบาท  หรือมีอัตราการบริโภคอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านลิตรต่อปี   ส่งผลให้ตลาดน้ำอัดลมในปีนี้ค่อนข้างมีความคึกคัก หลังจากซบเซามาพักใหญ่ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจชะลอตัว

จากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว  ส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจน้ำอัดลมออกมาทำกิจกรรมการตลาดกันอย่างคึกคักตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา  และช่วงปลายปีนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่เริ่มมีสัญญาณการแข่งขันที่คึกคัก  เนื่องจากเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง  การออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงนี้  จึงถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ในส่วนของโค้ก  หลังจากออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา  ล่าสุดก็ได้มีการประกาศแผนลงทุน 3,000 ล้านบาท ร่วมกับบริษัท หาดทิพย์ จำกัด เพิ่มประสิทธิภาพระบบซัพพลายเชนและการผลิตโรงงานที่ภาคใต้  เพื่อรองรับกับตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์มูลค่า 2 แสนล้านบาท

นายพัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท หาดทิพย์  จำกัด  ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มโค้กใน 14 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่า  บริษัทมีแผนที่จะขยายกำลังผลิตโรงงานเครื่องดื่มน้ำอัดลมโค้ก  และน้ำดื่มน้ำทิพย์บรรจุขวดที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพิ่มขึ้น 6 เท่าตัว เพื่อรับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในตลาด   หลังจากก่อนหน้านี้บริษัท เสริมสุข จำกัด(มหาชน)  ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มอัดลมภายใต้แบรนด์เอส ได้ออกมาประกาศแผนลงทุนเปิดโรงงานที่ จ.สุราษฎร์ธานี ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา

 
สำหรับแผนการทำตลาดของโค้ก  ยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมการขายในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง  โดยในส่วนของพื้นที่ภาคใต้  ซึ่งถือเป็นจุดแข็งเครื่องดื่มโค้ก  บริษัท หาดทิพย์  ยังคงใช้ความแข็งแกร่งในด้านของการกระจายสินค้าครอบคลุม 14 จังหวัด  เดินหน้ากระจายสินค้าพร้อมทำกิจกรรมการตลาดทั้งในส่วนของเครื่องดื่มโค้ก   และน้ำดื่มน้ำทิพย์อย่างต่อเนื่อง  เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มขึ้น  โดยปัจจุบันโค้กมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่กว่า 50%  เป๊ปซี่ 35%  และเอส 10.4% 
ด้านบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด หลังจากปรับทัพมาพักใหญ่ ทำให้เสียส่วนแบ่งการตลาดไปให้คู่แข่งมากพอสมควร  ขณะนี้ก็เริ่มตั้งหลักเดินหน้าทวงส่วนแบ่งการตลาดน้ำดำคืน  โดยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีการออกมาประกาศขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้น  ด้วยการขยายโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งที่ 2 บนพื้นที่ 104 ไร่  ภายในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค จังหวัดสระบุรี  เนื่องจากมีความได้เปรียบในเรื่องของสถานที่ตั้งเพราะทำเลดังกล่าวเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าไปยังทั่วประเทศ 

ทั้งนี้  ในส่วนของโรงงานแห่งใหม่ที่ เป๊ปซี่ ได้ประกาศแผนออกมาลงทุนในครั้งนี้  ถือเป็นโรงงานที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ  เนื่องจากภายในโรงงานจะมีเครื่องจักรที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง ควบคุมการผลิตด้วยระบบควบคุมอัตโนมัติ สามารถรองรับการติดตั้งไลน์การผลิตความเร็วสูงได้สูงสุดถึง 8 สาย ทั้งในรูปแบบขวดพีอีทีและกระป๋อง  สำหรับในเฟสแรกได้มีการติดตั้งไลน์การผลิตแล้วจำนวน 2 สายเพื่อผลิตเครื่องดื่ม “เป๊ปซี่” ในรูปแบบขวดพีอีที มีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 800 ขวดต่อนาที 

หลังจากเตรียมความพร้อมหลังบ้านมาพักใหญ่ ล่าสุด เป๊ปซี่  ก็ออกมาทำกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องทันที เพื่อตอกย้ำแบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคมากขึ้น  ด้วยการดึง ‘เจมส์ มาร์’ และ ‘คิมเบอร์ลี’ สองซุปตาร์คู่ขวัญมานั่งเป็นพรีเซ็นเตอร์ในแคมเปญใหม่ล่าสุด “อร่อยซ่า…มื้อนี้ เป๊ปซี่เลย” เพื่อตอกย้ำตำแหน่งผู้นำเครื่องดื่มคู่มื้ออร่อยอันดับหนึ่ง 5 ปีซ้อน 
 

นายสมชัย เกตุชัยโกศล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า  หลังประสบความสำเร็จกับแคมเปญ 'เป๊ปซี่ ดิชคัฟเวอรี่ ชวนคุณซ่า ท้ามื้ออร่อย' (Pepsi Dishcovery) ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภคในปีที่ผ่านมา ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้  บริษัทจึงได้มีการจัดแคมเปญ 'อร่อยซ่า...มื้อนี้ เป๊ปซี่เลย' เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดน้ำอัดลมที่คนไทยชื่นชอบมากที่สุด  พร้อมกับทำกิจกรรมการตลาดผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก  ประกอบด้วย 1. การสื่อสารการตลาดแบบ 360 องศา ครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยชูจุดขายในเรื่องการดื่มเป๊ปซี่คู่กับการรับประทานอาหารที่ช่วยเพิ่มรสชาติและเติมเต็มสีสันให้กับทุกมื้อ โดยได้สองดาราระดับแม่เหล็กอย่าง 'เจมส์ มาร์' และ 'คิมเบอร์ลี' มาร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์

สำหรับกลยุทธ์ที่ 2 คือ  การผนึกพันธมิตรกับตัวจริงของวงการอาหาร โดย เป๊ปซี่ ยังคงสานต่อความร่วมมือกับ WONGNAI (วงใน) เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นรีวิวร้านอาหารอันดับหนึ่งในประเทศไทยต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ผ่านกิจกรรมการตลาดร่วม ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาฟังก์ชั่นรีวิวร้านอาหารสุดล้ำที่เพิ่มลูกเล่นมากขึ้นด้วยฟีเจอร์ใหม่  การทำสกู๊ปแนะนำสุดยอดร้านอาหารที่ต้องลอง  หรือการมอบประกาศนียบัตรรับรองความอร่อยโดยวงในและเป๊ปซี่       

ส่วนกลยุทธ์สุดท้าย  คือ การสร้างเอนเกจเมนต์กับผู้บริโภคผ่านกิจกรรมออนกราวด์ โดย เป๊ปซี่ เตรียมจัดฟู้ดอีเว้นท์แห่งกับงาน "เป๊ปซี่อร่อยซ่า...ตามล่าร้านเด็ด" เพื่อรวบรวม 30 สุดยอดร้านอร่อยแห่งปี! (WONGNAI Users' Choice 2016) ซึ่งได้รับการโหวตจากสมาชิกของวงในที่มีมากกว่า 2 ล้านคน มาให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์ความอร่อยซ่ากันแบบเต็มอิ่มพร้อมกันในที่เดียว ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 16 - 18 ก.ย.นี้

ด้านเครื่องดื่มเอส โคล่า ก็ขอออกมาใช้งบกว่า 300 ล้านบาท ส่ง 3 หมัดเด็ดรุกตลาด  ประกอบด้วย 1. กลยุทธ์ Happening จับกระแสเทรนด์ต่างๆ และนำมาต่อยอดเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับแคมเปญการตลาดของ เอส โดยดึงบอยแบนด์เกาหลี “GOT7” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เสริมแบรนด์อิมเมจเสิร์ฟความซ่าซี้ดมัดใจวัยทีน พร้อมปูพรมสร้างการรับรู้ตลาดส่งออก   2.เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ใหม่ลาย GOT7 ทุกขนาดเอาใจแฟนคลับให้สะสม และ 3.เปิดประสบการณ์ความแตกต่างครั้งล่าสุดด้วยนวัตกรรมโคล่ารสชาติใหม่
 

นางเจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด กล่าวว่า  การทำแคมเปญการตลาดร่วมกับ GOT7 บอยแบรนด์จากเกาหลี  เพื่อให้ได้น้ำดำรสชาติใหม่ ในชื่อ เอส โคเรียน ออเร้นจน์ โคล่า ในครั้งนี้  บริษัทได้ทำการสำรวจแล้วพบว่า คนไทยกับ ส้ม เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว ถ้าเปิดโคล่าแล้วได้กลิ่นส้ม เพิ่มความสดชื่นให้มากขึ้น น่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และจากการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างพบว่า 97% ชื่นชอบ โคเรียน ออเร้นจน์ โคล่า นี่จึงเป็นน้ำดำรสชาติใหม่ ที่จะวางขายแบบถาวร  ซึ่งหลังจากเปิดตัวสินค้าใหม่ดังกล่าวเข้าทำตลาดบริษัทมั่นใจว่าน่าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 10.4%  เป็น 11% ได้อย่างแน่นอน 
ขณะที่ 3 ค่ายยักษ์ออกมาเปิดตัวกลยุทธ์การทำตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายกันอย่างคึกคัก  ในส่วนของเครื่องดื่มบิ๊ก  และบิ๊ก โคล่า  ก็มีแผนที่จะออกมาเปิดเผยกลยุทธ์การทำตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2559 นี้ในสัปดาห์หน้าเช่นกัน  จากการแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าวจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมปีนี้ภาพรวมตลาดน้ำอัดลมถึงได้กลับมาเติบโตได้ที่ 5-6% 



 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 ก.ย. 2559 เวลา : 14:59:39
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 9:17 pm