เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
'ความปลอดภัย'หัวใจหลักดึงคนใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่


 


แม้โลกยุคปัจจุบันจะให้น้ำหนักกับความสะดวกสบายที่มีมากขึ้น  จากเทคโนโลยีที่ก้าวไกล  แต่สำหรับเรื่องธุรกรรมทางการเงินกับวิถีชีวิตของคนไทย   ความสะดวกสบายที่เกิดขึ้น ยังไม่ได้รับความสนใจมากเมื่อเทียบกับความปลอดภัยในการชำระเงิน

ซึ่งจะเห็นได้จากผลสำรวจของวีซ่า ที่พบว่า   คนไทยให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยมากกว่าความสะดวกสบาย   ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการชำระเงินด้วยบัตรแบบไร้สัมผัส (contactless card) หรือ โมบาย วอลเล็ต (mobile wallet)    แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเลือกใช้วิธีชำระเงินผ่านระบบไร้สัมผัสมากขึ้น   หากพวกเขามั่นใจว่ามีมาตราการรักษาความปลอดภัยอยู่ในระดับที่สูงมากพอ  

 
 
โดยวีซ่า ได้ศึกษาเรื่องวิธีการชำระเงินแบบไร้สัมผัสและกระเป๋าสตางค์ดิจิตอล (digital wallet) พบว่าคนไทย 82%   เชื่อว่าความปลอดภัยมีความสำคัญมากกว่าความสะดวกสบาย   เมื่อนึกถึงการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือระบบไร้สัมผัส     ด้วยการเติบโตอันรวดเร็วในด้านเทคโนโลยีทางการเงิน หรือ ฟินเทค (FinTech) ที่ภาครัฐบาลและเอกชนกำลังใช้แนวทางต่างๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคในการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์   โดยเฉพาะเมื่อมีการทำธุรกรรมทางเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่  
 
คนไทยใช้เวลาอยู่กับอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆอย่างสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตประมาณ 160 นาทีต่อวัน    ซึ่งภายในสิ้นปี  2559 นี้ คาดว่า  จะมีจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนประมาณ 20 ล้านคนในประเทศไทยและคาดว่าจะสูงขึ้นถึง 24.5 ล้านคนภายในปี  2562      แม้ว่าการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและการเป็นเจ้าของอุปกรณ์เคลื่อนที่สำหรับคนไทยอยู่ในอัตราที่สูง  แต่ความเข้าใจเกี่ยวกับบริการทางการเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ยังค่อยเป็นค่อยไป โดยส่วนหนึ่งเกิดจากผู้บริโภคชาวไทยยังไม่ตระหนักถึงความก้าวหน้าของความปลอดภัยในโลกออนไลน์และเทคโนโลยีเท่าที่ควร 
 

เรื่องความปลอดภัยดังกล่าว  นายสุริพงษ์   ตันติยานนท์  ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า  เมื่อดูจากผลสำรวจจะพบว่า ยิ่งระบบการชำระเงินผ่านมือถือมีความปลอดภัยมาก คนไทยก็จะมีความเชื่อมั่นและเต็มใจที่จะชำระเงินผ่านระบบดังกล่าวมากขึ้นตามไปด้วย  ดังนั้นด้วยระบบความปลอดภัยทางการเงินที่แน่นหนาหลายชั้นของวีซ่า    จึงมั่นใจว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มจำนวนการทำธุรกรรมผ่านมือถือในการประเทศไทยได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ รายงานการศึกษาที่จัดทำโดย ยูโกฟ (YouGov) ในนามของวีซ่า ถึง ทัศนคติของคนไทย ควบคู่ไปกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง สิงคโปร์และมาเลเซีย ต่อการทำธุรกรรมการเงินผ่านมือถือและระบบไร้สัมผัส (Contactless Payment) ยังพบว่า  สิ่งที่คนในกลุ่มประเทศนี้โดยเฉพาะในประเทศไทยยังกลัวมากที่สุดในการชำระเงินด้วย mobile wallet คือ กลัวว่าจะมีการแฮ็คมือถือมากถึง 73 %    ถูกขโมยโทรศัพท์มือถือ 65 %  และกลัวว่าจะถูกเรียกเก็บเงินจากรายการที่ไม่ต้องการจะจ่ายอีก 63 % 

ด้านการปรับตัวของสถาบันการเงิน นายปรีดี   ดาวฉาย  กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย  เปิดเผยว่า เรื่องหลักที่ธนาคารพาณิชย์ในระบบจะต้องเผชิญในปี 2560 จะเป็นเรื่องของฟินเทค (Financial Technology: FinTech)  ที่จะเข้ามาแข่งขันอุตสาหกรรมธนาคารและธุรกรรมการเงินมากขึ้น   โดยจะเห็นว่าปัจจุบันเรื่องของดิจิตอลแบงกิ้งเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น ทำให้ลูกค้าธนาคารสามารถทำธุรกรรมออนไลน์บนมือถือแทนการไปสาขาธนาคาร   ทำให้ธนาคารต้องปรับตัวและหาแผนรองรับ

 
 
 
ขณะที่ นางกิตติยา  โตธนะเกษม   รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 2560  เรื่องของเทคโนโลยีจะพลิกรูปแบบการดำเนินธุรกิจและการแข่งขันของระบบสถาบันการเงิน     ขณะเดียวกันธนาคารก็ตระหนักถึงความปลอดภัยทางการเงิน จึงต้องเตรียมตัวรองรับความเสี่ยงอาจจะเกิดขึ้น   ตามพัฒนาการที่รวดเร็วของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป  ซึ่งปีนี้ธนาคารเพิ่มการลงทุนด้านไอทีเพิ่มขึ้นเป็น 15% หรือประมาณ 6,500 ล้านบาท ของกำไรสุทธิของธนาคารในปีที่ผ่านมา   ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่คาดจะลงทุนเพียง 6-7% ของกำไรสุทธิเท่านั้น

          
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 04 พ.ย. 2559 เวลา : 07:16:42
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 12:20 pm