เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
เตือนผู้ส่งออกเผชิญนโยบายกีดกันการค้า


 


ต้องยอมรับว่า การส่งออกของไทยในระยะต่อไป   ต้องเผชิญกับอุปสรรคทางการค้าเพิ่มมากขึ้น    เมื่อนายโดนัลด์  ทรัมป์   ผู้นำประเทศสหรัฐฯคนใหม่  ได้ประกาศนโยบายที่ชัดเจน โดยไม่สนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ    ซึ่งนางอภิรดี   ตันตราภรณ์   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์   ยอมรับว่า  การส่งออกจะมีความเสี่ยงมากขึ้น   เนื่องจากปัจจุบันสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย ถ้าไม่นับอาเซียน 10 ประเทศรวมกัน   โดยในปี 2558 ไทยมีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ 24,055 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.2 ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด



โดยมีสินค้าสำคัญ  อาทิ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์และส่วนประกอบ และเครื่องนุ่มห่ม  รวมทั้งอาหารทะเลและผลไม้กระป๋องแปรรูป ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีสัดส่วนรวมกันถึงร้อยละ 51.4 ของการส่งออกไทยไปสหรัฐฯทั้งหมด  
 

ดังนั้นหากสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าในทิศทางที่มีการกีดกันมากขึ้น ประกอบกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ  ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าโลกโดยรวม  จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการส่งออกของไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
         
 
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ค่อนข้างมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จึงมั่นใจว่า ผลกระทบต่อไทยจะไม่รุนแรงมากนัก   แต่ผู้ประกอบการรายเล็กควรต้องปรับตัว เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงและความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น   โดยเฉพาะความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
          
ส่วนข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) ทรัมป์มีแนวโน้มคัดค้านอย่างชัดเจน   และคาดว่าจะมีการเจรจาการค้าฉบับใหม่ที่มีลักษณะปกป้องผลประโยชน์คนอเมริกันมากขึ้น   ซึ่งจะนำไปสู่การขยายแนวคิดชาตินิยมและไม่ให้ความสำคัญกับการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ    ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของการค้าโลก โดยไทยได้เตรียมพร้อมที่จะพิจารณาสานสัมพันธ์ทางการค้าผ่านเวทีอื่นๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางการค้าของไทยต่อไป
          
นายบุณยฤทธิ์   กัลยาณมิตร   อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า นโยบายหาเสี่ยงของนายทรัมป์   มีแนวโน้มที่จะใช้ระบบป้องกันการค้าและโดดเดี่ยวตัวเองมากขึ้น และจะยึดนโยบายต่างประเทศที่มองผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เป็นหลัก   ซึ่งจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าโลก    เพราะนโยบายของสหรัฐฯ แทบจะปิดประเทศ  โดยจะมีการตั้งกำแพงภาษีนำเข้า มีการใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีเพิ่มมากขึ้น และมีแนวโน้มสนับสนุนนโยบาย Buy America เพื่อให้มีการจ้างงานคนอเมริกันมากขึ้น

ขณะที่ดร.อมรเทพ  จาวะลา   ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย  เสนอว่าไทยควรใช้โอกาสนี้ผลักดันความร่วมมือทางการค้าของไทยในกลุ่ม RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) หรือความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้น   ซึ่งน่าจะเริ่มมีสัญญาณชัดเจนขึ้นภายในปลายปีนี้หรือปีหน้า  หลังจากที่ได้ประชุมร่วมกันมาแล้วถึง 15 รอบ   อีกทั้งยังทำให้ความน่าสนใจในการลงทุนของไทยยังมีอยู่  จากการที่ไทยมีพรมแดนและการคมนาคมเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศ CLMV   ที่กำลังเติบโตและนักลงทุนสามารถใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อตอบโจทย์การลงทุน
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 10 พ.ย. 2559 เวลา : 07:37:37
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 4:29 pm