การตลาด
สกู๊ป "ค้าปลีก" ตบเท้า ผนึก "พันธมิตร" ปลุกกำลังซื้อโค้งท้าย


แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ประเทศไทยจะเจอปัจจัยลบต่างๆ มาอย่างมากมาย แต่ภาคธุรกิจก็ยังคงมีความหวังว่าช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ภาพรวมกำลังซื้อของผู้บริโภคน่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือน ธ.ค. ซึ่งจะเป็นช่วงเทศกาลของการให้และส่งความสุขให้กับคนที่รักและเคารพ ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวบรรดาผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ เลยพากันออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย พร้อมกับเปิดตัวสินค้าใหม่กันอย่างคึกคัก

 

ขณะเดียวกันก็มีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เพื่อปลุกกำลังซื้อของผู้บริโภคให้ฟื้นกลับมาในช่วงส่งท้ายปลายปีนี้ ซึ่งหนึ่งในผู้ประกอบการที่ออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างคึกคัก คือ กลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีก เห็นได้จากการที่แต่ละค่ายต่างออกมาผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลาย มอบโปรโมชั่นพิเศษให้กับผู้บริโภค

เริ่มกันที่ผู้ประกอบการศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง ศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และ สยามดิสคัฟเวอรี่  ที่ล่าสุดออกมาผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรมากถึง 15 ราย เพื่อจัดกิจรรมส่งเสริมการขายร่วมกันผ่านบิ๊กแคมเปญ “สยาม ดิ อัลติเมท กิฟวิ่ง” (Siam The Ultimate Giving)

 

น.ส.ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการ สายกิจกรรมการตลาดและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้ บริษัทได้ใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสีสันบรรยากาศในการการจับจ่ายใช้สอย โดยล่าสุดได้มีการจับมือร่วมกับ บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ จำกัด, DE ROYALE ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย สมาร์ทโฟน DE ROYALE i7 , i7 Plus Gold 24 KT และ เอไอเอส

นอกจากนี้ ยังมีพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำอีก 12 ราย เข้ามาร่วมทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ประกอบด้วย บัตรเครดิตอิออน,บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ,บัตรเครดิตธนาคารกรุงศรี,บัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย,บัตรเครดิตเคทีซี,บัตรเครดิตซิตี้แบงก์,บัตรเครดิตธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย,บัตรเครดิตธนาคารไทยพาณิชย์,บัตรเครดิตธนชาต,บัตรเครดิตธนาคารยูโอบี, บัตรเครดิตสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ และ บัตรเครดิตธนาคารออมสิน ผนึกกำลังส่งมอบความสุขภายใต้แคมเปญ “สยาม ดิ อัลติเมท กิฟวิ่ง” ให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์ดังมากมายภายในสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ที่พร้อมใจกันมอบส่วนลดสูงสุดถึง 80% พร้อมลุ้นรับของรางวัลต่างๆ

 

น.ส.ชนิสา กล่าวต่อว่า การออกมาทำแคมเปญร่วมกับพันธมิตรในครั้งนี้ ก็เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งการให้และต้อนรับปี 2560 ที่กำลังจะมาถึง โดยจุดเด่นของแคมเปญนี้ คือ การจำหน่ายสินค้าในราคาพิเศษลดสูงสุด 80%  และการมอบของรางวัลพิเศษให้กับลูกค้าเมื่อช้อปปิ้งสินค้าต่างๆ ใน 3 ศูนย์การค้า ครบทุก 2,000 บาท รับคูปองชิงโชค 1 ใบ ลุ้นรางวัลใหญ่รถยนต์ BMW 218i Gran Tourer จำนวน 1 รางวัล , Smart Phone De Royale i7 Plus Gold 24 KT 256 GB จำวน 3 รางวัล, บัตรชมการแข่งขันฟุตบอลทีม Chealsea VIP Box Seats 2 ที่นั่ง พร้อมตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพ-ลอนดอน จำนวน 18 รางวัล, บัตรจอดรถฟรี 1 ปี ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน จำนวน 19 รางวัล, บัตรจอดรถฟรี 1 ปี ที่สยามคาร์พาร์ค จำนวน 19 รางวัล  และรางวัล Top Spender หรือ ช้อปครบรับทันที Siam Gift Card

ช่วงที่มีการทำแคมเปญ “สยาม ดิ อัลติเมท กิฟวิ่ง” ระหว่างวันนี้ถึงวันที่ 15 ม.ค.2560 บริษัท สยามพิวรรธน์ คาดการณ์ว่าจะสามารถดึงขาช้อปทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาช้อปปิ้งภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เพิ่มขึ้นได้เป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะช่วงเวลานี้ถือเป็นเทศกาลที่มีการจับจ่ายใช้สอยครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายของปี และทุกปีจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนมหาศาล สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น มาเลเซีย และอีกหลายๆประเทศให้เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าได้มากกว่าปกติ

อย่างไรก็ดี หากมองถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าทั้ง 3 ของบริษัทสยามพิวรรธน์  ปัจจุบันนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนยังคงเป็นกลุ่มที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยเป็นอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมเข้ามาใช้บริการภายในทั้ง 3 แห่ง และจากความนิยมดังกล่าว ส่งผลให้ล่าสุด ศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่  กลายเป็นช้อปปิ้งเดสติเนชั่นใจกลางกรุงเทพฯ ที่ครองใจนักช้อปทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติไปเป็นที่เรียบร้อย

 

ในส่วนของห้างค้าปลีกระดับกลางลงล่างอย่างไฮเปอร์มาร์เก็ตเอง ก็มีการออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยล่าสุด ห้างเทสโก้ โลตัส ได้ออกมาประกาศผนึกกำลังร่วมกับพันมิตร 14 ราย ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายด้วยกัน เพื่อช่วยผู้บริโภคลดค่าครองชีพ เนื่องจากกลุ่คนระดับกลางและล่างถือเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากปัจจัยลบเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปีนี้

 

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการฝ่ายการพาณิชย์ เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงเดือนสุดท้ายของปีนี้ บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ ด้วยการจัดแคมเปญ “รวมใจช่วยคนไทยลดค่าครองชีพ” ร่วมกับคู่ค้า 14 ราย นำสินค้ากว่า 700 รายการ ภายใต้ 27 แบรนด์ดัง มาลดราคา 20% หรือมากกว่า ซึ่งการจับมือร่วมกันกับพันธมิตรในครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างเทสโก้ โลตัส และคู่ค้าคิดเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์หลักของแคมเปญร่วมกัน คือ การช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน

สำหรับแคมเปญ “รวมใจช่วยคนไทยประหยัดค่าครองชีพ” ประกอบไปด้วย 4 ส่วน คือ 1. “ประหยัดตลอดกาล” ลดราคากลุ่มสินค้าที่จำเป็นถาวร ได้แก่ สินค้าอาหารสด สินค้าแม่และเด็ก เช่น นมผง นมยูเอชที ผ้าอ้อม สินค้าประเภทขนมขบเคี้ยว และข้าวสาร ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ด้านราคาของเทสโก้ โลตัส ที่ปรับลดราคาสินค้าลงทั้งแผนก เพื่อช่วยลูกค้าประหยัด

2. “ประหยัดทั้งเดือน/ สัปดาห์” โปรโมชั่นเสริม ช่วยลูกค้าประหยัดมากขึ้นกว่าปกติ โดยสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตลอดทุกสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็น ซื้อ 1 แถม 1, ซื้อ 2 แถม 1, ราคาช็อค, คูปองเงินสด และ ส่วนลดท้ายบิล

 

ส่วนที่ 3. “ประหยัดสินค้าเทศกาล” กระเช้าปีใหม่หลากหลายรูปแบบและราคา อาทิ กระเช้าปีใหม่ “เทสโก้ ไฟน์เนส” สินค้าพรีเมี่ยมนำเข้าจากต่างประเทศ, กระเช้าโอท็อปจากหลากหลายชุมชน และกระเช้าข้าวหอมมะลิอินทรีย์ “ไรซ์ บัดดี้” จากกลุ่มสหกรณ์ชาวนาจังหวัดศรีสะเกษ ราคา 299 บาท 

และ 4. “ประหยัดสินค้าแบรนด์ดัง” ซึ่งเป็นการร่วมมือของเทสโก้ โลตัส และคู่ค้า 14 ราย ร่วมลงทุนมากกว่า 200 ล้านบาท ลดราคาสินค้าแบรนด์ดัง 27 แบรนด์ อย่างน้อย 20% ได้แก่  เบอร์ดี้ ,นีเวีย ,มอคโคน่า ,จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, แฟซ่า ,มาจิคลีน ,แอทแทค ,ลอรีอัล เดอร์โม ,ดาวนี่ , รีจอยส์  ,เดทตอล ,ไฮคลาส , เปา ,น้ำทิพย์,โทรทัศน์ซัมซุง ,ไลฟ์รี, โซฟี, มามี่โพโค ,บรีส เอกเซล ,คนอร์โจ๊ก ,ซิตร้า ,โอโมพลัส ,วาสลีน ,ซันซิล, โคลสอัพ และเคเอฟซี  ซึ่งช่วงที่ทำแคมเปญดังกล่าว ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 4 ม.ค.2560 ห้างเทสโก้ โลตัส คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ

อย่างไรก็ดี แม้ว่าผู้ประกอบการห้างค้าปลีกจะออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายโค้งสุดท้ายกันอย่างคึกคัก แต่ภาพรวมของอุตสาหกรรมค้าปลีกของไทยในสิ้นปี 2559 นี้ ก็ยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว หรือมีอัตราการเติบโตเพียง 3% ใกล้เคียงกับจีดีพีของประเทศเท่านั้น เนื่องจากภาพโดยรวม อารมณ์ในการจับจ่ายของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นกลับมา  และจากแนวโน้มดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลกระทบยาวไปจนถึงต้นปี 2560 เพราะเม็ดเงินที่ภาครัฐพยายามอัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ยังคงไม่หมุนมาถึงภาคธุรกิจค้าปลีก ซึ่งเบื้องต้นคาดกันว่าเม็ดเงินน่าจะเริ่มไหลเข้าในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 ซึ่งหลังจากไหลเข้าแล้วจะฟื้นตัวได้หรือไม่นั้น คงต้องรอดูสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีแรกก่อน

 


บันทึกโดย : วันที่ : 03 ธ.ค. 2559 เวลา : 16:32:05
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 8:00 am