การตลาด
สกู๊ป "เจน 2 เอ็มเค" แตกไลน์ธุรกิจ ปั้น "เอ็มเค ไลฟ์" ชูความสดใหม่ เจาะลูกค้าพรีเมียม


ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีแห่งความสำเร็จของบริษัท เอ็มเค เรสโตรองส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ส่งผลให้ผ่านเหตุการณ์ต่างๆมามากมาย เช่นเดียวกับการซึมซับพฤติกรรมความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ซึ่งจากความต้องการที่มีความแตกต่างดังกล่าว ส่งผลให้ บริษัท เอ็มเคฯ ต้องปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมลูกค้าให้ทัน และหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีความหลากหลายให้ทัน คือ การแตกไลน์ธุรกิจร้านอาหารใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่ง

               

 

ขณะเดียวกันยังถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการลดความเสี่ยงของการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันของธุรกิจร้านอาหารนับวันจะมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว บริษัท เอ็มเคฯ จึงได้มีการขยายไลน์ธุรกิจร้านอาหารอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีธุรกิจร้านอาหารที่อยู่ในความดูแลมากถึง 8 แบรนด์ ประกอบด้วย  ร้านเอ็มเคสุกี้  ร้านเอ็มเคโกลด์  ร้านเอ็มเค ไลฟ์  ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ  ร้านมิยาซากิเทปันยากิ ร้านฮาคาตะราเมน  ร้านอาหารไทย ณ สยาม ร้านอาหารไทยเลอสยาม และร้านกาแฟ-เบเกอรี่ อาหารไทยสไตล์ตะวันตก เลอเพอพิท คาเฟ่

แม้ว่าจะมีร้านอาหารที่หลากหลาย การแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารจะมีความรุนแรง แต่โอกาสและช่องว่างทางธุรกิจก็ยังคงมีเสมอ ด้วยเหตุนี้ บริษัท เอ็มเคฯ จึงมีแผนที่จะขยายธุรกิจทั้งในรูปแบบการพัฒนาร้านอาหารที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง  และการซื้อกิจการ รวมไปถึงการซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหารเข้ามาเสริมทัพความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจหลายรายด้วยกัน

แต่ก่อนที่จะได้ข้อสรุปในด้านของการขยายธุรกิจร้านอาหารด้วยการซื้อแฟรนไชส์หรือซื้อกิจการ ล่าสุดบริษัท เอ็มเคฯ ได้มีการเปิดตัวร้านอาหารแบรนด์น้องใหม่ คือ "เอ็มเค ไลฟ์" เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน และครอบครัวที่ชื่นชอบการทดลองสิ่งใหม่ๆ เนื่องจากร้านเอ็มเค ไลฟ์ จะมีความแตกต่างไปจากร้านเอ็มเค สุกี้ และร้านเอ็มเคโกลด์เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งร้าน หรือเมนูอาหาร ซึ่งจะเน้นไปที่ความสดใส  และเมนูเพื่อสุขภาพ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสดใสสดชื่นเมื่อเข้ามาใช้บริการ

สำหรับผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลโปรเจกใหม่ของร้านเอ็มเค ไลฟ์ นี้ คือ "น.ส.ทานตะวัน ธีระโกเมน" บุตรสาวคนโตของนายฤทธิ์ ธีระโกเมน ซึ่งถือเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของอาณาจักรเอ็มเค กรุ๊ป โดยสาขาแรกที่เปิดให้บริการและถือเป็นสาขาต้นแบบหรือแฟลกชิพสโตร์ของร้านเอ็มเค ไลฟ์ คือ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์

 

 

น.ส.ทานตะวัน ธีระโกเมน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ร้านเอ็มเค ไลฟ์ ถือเป็นร้านสุกี้รูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้น เพื่อรองรับกลุ่มวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ วัยทำงานตอนต้น และครอบครัวผู้ชื่นชอบการลองสิ่งใหม่ๆ ด้วยการนำความหมายของคำว่า LIVE คือความสดใหม่ ความมีชีวิตชีวา มาเป็นคอนเซ็ปต์หลักในการรังสรรค์ส่วนต่างๆ ของร้าน เช่น การออกแบบร้านที่นำรูปแบบเรือนกระจกของฟาร์มปลูกผักมาเป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่ง และการเน้นวัสดุจากธรรมชาติในการนำมาตกแต่งร้าน ไม่ว่าจะเป็น ไม้ ต้นไม้  หรือหิน รวมไปถึงดิสเพลย์การปลูกผักไฮโดรโพนิกส์ที่ผนังร้าน

 

นอกจากนี้  ร้านเอ็มเค ไลฟ์ ยังมีจุดเด่นในด้านของ Live Showcase หรือครัวเปิด ที่โชว์ให้เห็นเมนูที่เชฟจะทำสดภายในร้าน เช่น ลูกชิ้นปั้นสด และติ่มซำ พร้อมกันนี้ยังมีการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม เช่น ลอปสเตอร์จากแคนาดา หอยเชลล์ยูเอส  และเนื้อวากิวญี่ปุ่น เพื่อพัฒนามาเป็นเมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีเฉพาะที่นี่ที่เดียวเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ในด้านของเมนูสุกี้ต้มแบบดั้งเดิม ยังมีการเพิ่มเติมความอร่อยด้วย 5 น้ำซุป สตีมชาบู ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น มีให้เลือก 3 เซ็ต ได้แก่ หมูคุโรบุตะ เนื้อวัวออสเตรเลีย หรือเนื้อวากิวญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังมีเมนูเครื่องดื่มและขนมที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของร้าน เช่นเดียวกับพนักงานที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบยูนิฟอร์มและการให้บริการ ด้วยการใส่ใจบริการทุกขั้นตอน เพื่อเติมประสบการณ์ของทุกมื้ออาหารให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด

น.ส.ทานตะวัน กล่าวต่อว่า การเปิดตัวแบรนด์เอ็มเค ไลฟ์ เข้ามาทำตลาดในครั้งนี้ ถือเป็นโมเดลที่บริษัทเชื่อว่ามีศักยภาพและมีอนาคต เนื่องจากบริษัทมีแผนที่จะขยายร้านเอ็มเค ไลฟ์ เพิ่มเติม ถ้าได้ทำเลที่มีความเหมาะสม  และมีกลุ่มเป้าหมายของร้านเอ็มเค ไลฟ์ อยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนสาขาต่อไปจะเปิดที่ไหนนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้

สำหรับภาพรวมธุรกิจร้านอาหารในไทยนั้น น.ส.ทานตะวัน มองว่า ยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่กลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเลือกสรรอาหารที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่ใส่ใจสุขภาพและเชื่อมั่นในความเป็นแบรนด์มากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญข้อหนึ่งของเอ็มเค กรุ๊ป ที่เลือกสร้างสรรค์ เอ็มเค ไลฟ์ เป็นทางเลือกให้กลุ่มลูกค้า

 

 

ด้าน นายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า การเปิดตัวโมเดลร้านเอ็มเค ไลฟ์  ซึ่งเป็นแฟล็กชิพ สโตร์ แห่งแรกในประเทศไทยในครั้งนี้  ก็เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ของมื้ออาหารให้ผู้บริโภค รองรับกลุ่มลูกค้าสมัยใหม่ที่ประยุกต์ไลฟ์สไตล์เข้ากับมื้ออาหาร โดยยึดเอกลักษณ์ของแบรนด์เอ็มเคเป็นหัวใจหลัก ขณะเดียวกันยังถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านธุรกิจอาหารที่ใส่ใจในผู้บริโภคและไม่หยุดยั้งการพัฒนา ซึ่งก่อนที่จะเปิดให้บริการ บริษัทได้ใช้เวลาศึกษาและวางกลยุทธ์ด้านการตลาดจนมั่นใจว่า เอ็มเค ไลฟ์ จะเป็นจุดขายและจุดแข็งชิ้นสำคัญตัวใหม่ในการรุกธุรกิจร้านอาหาร ช่วยเสริมพอร์ตธุรกิจของกลุ่มเอ็มเคให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งยกระดับแบรนด์ร้านอาหารเชนทั้งหมดในประเทศ

หลังจากเปิดให้บริการร้านเอ็มเค ไฟล์ บริษัท เอ็มเคฯ มั่นใจว่า จะได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แม้ว่าราคาอาหารเฉลี่ยต่อหัวจะอยู่ที่ประมาณ 500 บาท สูงกว่าร้านเอ็มเค สุกี้ทั่วไป ที่มีราคาต่อหัวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 300 บาท แต่ด้วยคุณภาพของอาหาร บริการ และบรรยากาศภายในร้านที่แตกต่างไปจากร้านเอ็มเค สุกี้ และร้านเอ็มเคโกลด์ จึงทำให้บริษัท เอ็มเคฯ มั่นใจว่า ร้านเอ็มเค ไลฟ์ จะได้ผลการตอบรับจากลูกค้าดีอย่างแน่นอน

สำหรับแผนการขยายธุรกิจร้านอาหารในปีนี้ บริษัท เอ็มเคฯ มีแผนที่จะขยายสาขาร้านอาหารในประเทศประมาณ 45 สาขาเป็นอย่างน้อย ภายใต้งบลงทุนเบื้องต้นประมาณ 400-500 ล้านบาท  จากปัจจุบันมีธุรกิจร้านอาหารในเครือ 8 แบรนด์ เปิดให้บริการรวมกว่า 600 สาขา ซึ่งสาขาใหม่ที่จะเปิดให้บริการในปีนี้ จะเน้นไปที่ร้านเอ็มเค สุกี้ ประมาณ 15 สาขา ร้านยาโยอิ ประมาณ 25 สาขา และร้านร้านมิยาซากิเทปันยากิ ประมาณ 5 สาขา  ส่วนตลาดต่างประเทศมีแผนที่จะขายแฟรนไชส์ธุรกิจร้านอาหารเพิ่มอีกประมาณ 4-5 สาขา ทั้งในประเทศเก่าและประเทศใหม่ที่กำลังศึกษาตลาด ประกอบด้วย พม่า มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัท เอ็มเคฯ มีธุรกิจร้านอาหารเปิดให้บริการในต่างประเทศแล้ว  44 สาขา ใน 4 ประเทศ ประกอบด้วย สิงคโปร์ 7 สาขา เวียดนาม 5 สาขา ญี่ปุ่น 32 สาขา และลาว 2 สาขา ซึ่งหลังจากขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้เติบโตที่ 7-9% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีรายได้ประมาณ 15,498  ล้านบาท   

 


LastUpdate 17/03/2560 15:47:39 โดย : Admin
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 2:16 pm