การตลาด
สกู๊ป "เฮงเค็ล" ทรานด์ฟอร์มธุรกิจยุค 4.0 ปั้นรายได้ "ช่องทางดิจิทัล"


หลังจากประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศไทยมา 45 ปี ในปีนี้ บริษัท  เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด ก็ถือโอกาสอันดีในการทำธุรกิจในประเทศไทยครบรอบ 45 ปี ประกาศแผนการดำเนินธุรกิจภายใต ยุทธศาสตร์ “เฮงเค็ล 2020+” ซึ่งบริษัท เฮงเค็ล ประเทศไทย จะเน้นการดำเนินธุรกิจ ด้วยการขับเคลื่อนการเติบโต การเร่งพัฒนาด้านดิจิตอล และเพิ่มความคล่องตัวให้กับธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจมีอัตราการเติบโตแบบยั่งยืน

ปัจจัยที่ทำให้บริษัท เฮงเค็ล ประเทศไทย ออกมาประกาศแผนธุรกิจดังกล่าว ก็เพราะว่าประเทศไทยถือเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีความสำคัญต่อเฮงเค็ล เห็นได้จากยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา จากการประกอบธุรกิจหลัก 2 ส่วน คือ ธุรกิจเทคโนโลยีกาว ซึ่งปัจจุบัน เฮงเค็ล เป็นผู้ถือครองตลาด โดยในส่วนของภาคธุรกิจนี้จะประกอบไปด้วยกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมยานยนต์ การเตรียมพื้นผิวอุตสาหกรรมทั่วไป และอิเลคโทรนิกส์ ส่วนธุรกิจกลุ่มที่ 2 คือ ภาคธุรกิจบิวตี้แคร์ระดับมืออาชีพ และธุรกิจค้าปลีกด้านเส้นผม

ปัจจุบัน บริษัท เฮงเค็ล ประเทศไทย มีโรงงาน 2 แห่งสำหรับธุรกิจกาว ประกอบด้วย โรงงานที่ตั้งอยู่ในเขตบางปะกงในจังหวัดชลบุรี และเขตบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ นอกจากนี้ ยังมีศูนย์ฝึกอบรมให้ความรู้และให้บริการซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์เครื่องจักรในงานอุตสาหกรรม 2 แห่ง ในจังหวัดระยอง ส่วนโรงงานของธุรกิจบิวตี้แคร์สำหรับผลิตผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมนั้นตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี

 

นายอีริค อีเดลแมน ประธาน บริษัท เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  ตลอดระยะเวลา 45 ปีที่ผ่านมาที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย บริษัทได้รับความไว้วางใจจากทั้งพันธมิตรทางธุรกิจ คู่ค้าและผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อชุมชนในท้องถิ่น ซึ่งจากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าวทำให้บริษัทมีรากฐานของธุรกิจที่มั่นคง

ทั้งนี้ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน บริษัท เฮงเค็ล ประเทศไทย จึงจะให้ความสำคัญกับคู่ค้าและผู้บริโภค ด้วยการเพิ่มนวัตกรรมและความคล่องตัว รวมไปถึงเร่งการปรับธุรกิจตลอดทั้งห่วงโซ่เข้าสู่ยุคดิจิตอล รวมไปถึงการสนับสนุนด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเพิ่มความมุ่งมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม

สำหรับภาคธุรกิจกาว ปัจจุบัน บริษัท เฮงเค็ล ประเทศไทย มีแบรนด์เด่นๆ ทำตลาดด้วยกันหลายแบรนด์ ประกอบด้วย  Loctite, Technomelt, Bonderite, Teroson และ Aquence  ซึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าวนับจากนี้ บริษัท เฮงเค็ล ประเทศไทย ตั้งเป้าจะเป็นผู้มอบโซลูชั่นที่ดีที่สุดในประเทศ 2 ประการ คือ 1. ทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในโครงการด้านนวัตกรรมต่างๆ เช่น ความปลอดภัยที่สูงขึ้นสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร และการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น  และ 2.การสนับสนุนทางเทคนิคเชิงลึกและบริการต่างๆ ตลอดทั้งห่วงโซ่ธุรกิจของลูกค้า สามารถเพิ่มทั้งประสิทธิภาพในการทำงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ในเวลาเดียวกัน

ส่วนความเชี่ยวชาญและธุรกิจค้าปลีกเกี่ยวกับเส้นผม เฮงเค็ล ประเทศไทย มีแบรนด์แถวหน้าอย่าง ชวาร์สคอฟ (Schwarzkopf) และไซออส (Syoss) เป็นกลุ่มสินค้าหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอสินค้านวัตกรรมคุณภาพระดับพรีเมี่ยมเข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง

 

นายอีริค กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกบิวตี้แคร์ ถือเป็นกลุ่มสินค้าที่มีความคึกคัก เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าที่แปลกใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมและตกแต่งทรงผมมีการขยายตัวที่ดี โดยปัจจุบันจะเห็นได้ว่าสินค้าในตลาดค่อนข้างมีความหลากหลาย เช่น ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม Freshlight Milky และ Foam ที่ร่วมพัฒนาโดยสุดยอดแฟชั่นดีไซน์เนอร์ระดับโลกอย่าง คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ และใช้รูปตุ๊กตา บลายธ์ มาเป็นตัวสื่อถึงผู้หญิงที่น่ารัก สดใส ทันสมัยและเป็นผู้นำแฟชั่น

นอกจากนี้ ในส่วนของผลิตภัณฑ์เส้นผมระดับมืออาชีพ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่บริษัท เฮงเค็ล ประเทศไทย ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เห็นได้จากโปรแกรมการเรียนการสอนระดับสุดยอดที่บริษัทมอบให้กับลูกค้าที่เป็นร้านเสริมสวย ในทุกๆ ปี สถาบัน Schwarzkopf ASK Academy ในประเทศไทย ได้ช่วยฝึกฝนทักษะให้แก่แฮร์สไตลิสต์จำนวนกว่า 2,000 คนในประเทศไทย กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์

จากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว บริษัท เฮงเคล ประเทศไทย ได้วางเป้าหมายของการดำเนินธุรกิจในปี 2563 ไว้ว่าจะต้องทำการเปลี่ยนโฉมองค์กรให้มีความทันสมัย ด้วยการผลักดันธุรกิจให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลของระบบอุตสาหกรรม 4.0 อย่างสมบูรณ์แบบ เช่น การวางระบบการจัดการ POD ที่สามารถให้ข้อมูลและบริการด้านกาวได้แบบเรียลไทม์แก่ลูกค้าและช่องทางต่างๆ ด้วยความที่เฮงเค็ลใช้ระบบต่างๆ ที่เอื้อต่ออุตสาหกรรม 4.0 ทำให้โรงงานผลิตภัณฑ์กาวในบางปะกงสามารถดำเนินไปได้อย่างประสบความสำเร็จภายใต้คอนเซ็ปต์โรงงานที่ชาญฉลาด

พร้อมกันนี้  ในด้านของธุรกิจบิวตี้แคร์ระดับมืออาชีพได้ออกแอพพลิเคชั่น House of Color บนระบบ Androidและ iOS ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่าแฮร์สไตล์ลิสต์ด้วยเทรนด์ผมล่าสุด รวมทั้งให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวกับผู้บริโภคด้วย สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าตลาดเกิดใหม่อย่างประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญต่อการเติบโตของเฮ็งเคล

 

นายอีริค กล่าวปิดท้ายว่า การปรับสู่ยุคดิจิทัลนั้นสร้างโอกาสดีๆ มากมายให้กับบริษัท เพราะการเร่งพัฒนาด้านดิจิตอลสำหรับบริการและธุรกิจทั้งห่วงโซ่ ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงธุรกิจในก้าวสู่ยุคดิจิตอล เพราะการที่ธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้ต้องเกิดจากการพัฒนาฝึกฝนของคนภายในองค์กร ซึ่งจะนำพาไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคู่ค้าและลูกค้า

ขณะเดียวกัน ยังถือเป็นการช่วยขับเคลื่อนธุรกิจในเครือของบริษัท เฮงเค็ล ประเทศไทย ให้มีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งจากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจดังกล่าว บริษัท เฮงเค็ล ประเทศไทย ได้ตั้งเป้าระดับโลกสำหรับยอดขายที่เกิดจากช่องทางดิจิทัลเพิ่มเท่าตัว  โดยภายในปี 2563 คาดว่าจะสามารถทำยอดขายเฉพาะจากช่องทางดิจิทัลได้ถึง 4,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 147,325 ล้านบาท

 


LastUpdate 02/05/2560 14:03:25 โดย : Admin
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 7:16 pm