ตลอดระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ยังมีปัจจัยลบทางเศรษฐกิจรุมเร้า ส่งผลให้ผู้บริโภคยังคงชะลอการจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปีนี้สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจกับการทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายกลุ่ม จึงทำให้ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีการเติบโตแค่เพียง 3% เท่านั้น

สำหรับกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก คือ กลุ่มสินค้าเครื่องปรับอากาศ ซึ่งในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีการขยายตัวลบสูงถึง 15% ตามด้วย โน๊ตบุ๊ค ติดลบที่ 10%  ทีวี ติดลบที่ 3-4%  และตู้เย็น ติดลบที่ 3% ส่วนกลุ่มสินค้าที่ยังคงมีการเติบโตสวนกระแสภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าชะลอตัว คือ เครื่องซักผ้า มีการเติบโตที่ประมาณ 4%

จากผลกระทบที่ได้รับดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ต้องหันมาปรับกลยุทธ์ในการทำตลาด ด้วยการหันมาพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดมากขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีเทคโนโลยีมากขึ้น เพราะไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริหารสินค้า เพาเวอร์ มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า นับจากนี้ไป ภาพรวมการทำตลาดของกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า จะก้าวเข้าสู่ยุคทรานฟอร์มธุรกิจ  เนื่องจากผู้ประกอบการจะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใส่ในผลิตภัณฑ์มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า จากแนวทางดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเริ่มมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มานำเสนอ เช่น การประหยัดพลังงาน หรือคุณสมบัติที่มีความหลากหลายที่รวมอยู่ในสินค้า 1 ชนิด อย่างเช่น เครื่องปรับอากาศ ที่นอกจะให้ความเย็นแล้ว ยังสามารถเป็นเครื่องฟอกอากาศได้ในตัว หรือ ทีวี ที่สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ เป็นต้น

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ภาพรวมการทำการตลาดของกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงครึ่งปีหลังนี้  จะเห็นสินค้าที่มีเทคโนโลยีที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของทีวี เนื่องจากแนวโน้มของทีวีที่มีขนาดจอใหญ่ตั้งแต่ 65 นิ้วขึ้นไป มีความต้องการสูงมากขึ้น เมื่อเทียบกับทีวีที่มีขนาดจอเล็กตั้งแต่ 40 นิ้วลงไป ซึ่งนับวันจะมีการขยายตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากอัตรากาเรติบโตของตลาดทีวีตั้งแต่ 65 นิ้วขึ้นไป ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง  30% ขณะที่ ทีวีจอเล็ก มีอัตราการเติบโตทรงตัว

ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้ผู้ประกอบการในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะออกมาเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่เข้ามาทำตลาดมากขึ้น เช่น ซัมซุงมีการเปิดตัว QLED TV The Next Innovation in TV สุดยอดทีวีแห่งอนาคตที่มาพร้อมดีไซน์อันล้ำสมัย จำนวน 3 รุ่น ประกอบด้วย 1.Q Style ดีไซน์เรียบหรู ลงตัวทุกการจัดวาง ด้วยสายเชื่อมต่ออินวิซิเบิลคอนเนคชั่น(Invisible Connection) สายไฟเบอร์ออปติคที่รวมสายไฟฟ้าต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับทีวีให้เป็นสายเดียว 2. Q Smart เข้าถึงทุกความบันเทิงได้ง่ายดาย ค้นหาและควบคุมอุปกรณ์เชื่อมต่อได้อัตโนมัติด้วยรีโมทดียว และ 3. Q Picture ทุกสีสันเข้มข้นเต็ม 100% ทั้งภาพที่มืดสุดและสว่างสุดสมจริงเหมือนตาเห็นชัดเจน

ขณะที่ ขณะที่ "ค่ายแอลจี" ได้มีการเปิดตัวทีวีใหม่  LG UHD TV รุ่น UJ65 ที่มีให้เลือกขนาดหน้าจอถึง 5 ขนาด เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย และโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะครบครัน พร้อมดีไซน์สุดล้ำ ประกอบด้วย ขนาด 75 นิ้ว ราคา 159,990 บาท ขนาด 65 นิ้ว ราคา 69,990 บาท  ขนาด 55 นิ้ว ราคา 38,990 บาท ขนาด 49 นิ้ว ราคา 30,990 บาท และขนาด 43 นิ้ว ราคา 26,990 บาท

ด้าน "โซนี่" เอง ก็มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ BRAVIA OLED TV (บราเวีย โอแอลอีดี ทีวี) A1 ซีรี่ส์ ออกมาเขย่าวงการทีวีเมืองไทยเป็นเครื่องแรก เพื่อสร้างประสบการณ์บันเทิงถึงในบ้านที่แตกต่างและเหนือระดับยิ่งกว่าเดิม ด้วยคุณภาพความคมชัดของภาพและพลังเสียงอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดตัวไลน์อัพทีวีบราเวียประจำปี 2560 ครบไลน์ จำนวน 29 รุ่น ซึ่งประกอบด้วยทีวีที่มาพร้อมเทคโนโลยี 4K HDR จำนวนมากถึง 18 รุ่น

นายจักรกฤษณ์ กล่าวต่อว่า การออกมาทรานฟอร์มธุรกิจด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะกลยุทธ์ดังกล่าวจะเข้ามาแทนที่การทำโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมที่นิยมทำกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทำแล้วช่วยกระตุ้นยอดขายได้ในระยะสั้นเท่านั้น

สำหรับแนวโน้มของแผนกเพาเวอร์มอลล์ ในครึ่งปีหลังนี้ คาดว่ากลุ่มสินค้าที่ยังได้ความนิยมจากลูกค้ายังคงเป็นสินค้า 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค และทีวี  ขนาด Super-Size รวมถึง TV Platform ใหม่ เช่น OLED, QLED ที่ให้ความคมชัดในระดับ TV จอใหญ่  รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านชิ้นใหญ่ และกล้องดิจิติอลต่างๆ

อย่างไรก็ดี เพื่อให้ยอดขายของแผนกเพาเวอร์มอลล์ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ล่าสุดได้มีการจัดงาน POWER MALL ELECTRONICA  SHOWCASE ขึ้น ภายในแผนกเพาเวอร์มอลล์ใน 2 สาขา คือ สยามพารากอน และ ดิ เอ็มโพเรียม ด้วยการนำสินค้ากว่า 200 แบรนด์  มาจำหน่ายในราคาพิเศษ  ด้วยราคาลดสูงสุด 50 % และเมื่อช้อปสินค้าตามที่กำหนด จะได้รับเงินคืนรวมสูงสุด 40% พร้อมรับโปรโมชั่นผ่อนสินค้า 0% นาน 10 เดือนทุกชิ้นทั้งงาน  ซึ่งหลังจากจบงานในวันที่ 23 มิ.ย.- 16 ก.ค. นี้ คาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 120 ล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมรายได้ของแผนกเพาเวอร์มอลล์ในสิ้นปีนี้ คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตที่ 5% สูงกว่าช่วง 5 เดือนแรกที่มียอดขายเติบโตเพียง 3% เท่านั้น เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังทรงตัว แต่อย่างไรก็ตาม การเติบโตดังกล่าว ถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตที่ 5% หรือมีมูลค่าที่ 2.31 แสนล้านบาท