การตลาด
สกู๊ปขนมไหว้พระจันทร์เปิดศึกชิงยอดขายร้านสะดวกซื้อ


ในวันที่ 4 ..ที่จะถึงนี้ก็จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจขนมไหว้พระจันทร์เริ่มออกมาเปิดตัวขนมไหว้พระจันทร์รูปแบบใหม่ รสชาติใหม่เข้ามาทำตลาดกันอย่างคึกคัก แต่สิ่งที่น่าจับตามองในปีนี้ คือ ผู้ประกอบการแต่ละรายเริ่มหันมาให้ความสนใจนำขนมไหว้พระจันทร์เข้าทำตลาดภายในร้านสะดวกซื้อมากขึ้น เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วถึงมากกว่านำสินค้าเข้าจำหน่ายภายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว

 

 

จากโอกาสทางการตลาดดังกล่าว ทำให้ปีนี้ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ตัดสินใจที่จะจับมือร่วมกับบริษัท เซ็นทรัล แฟมิลี่มาร์ท จำกัด นำขนมไหว้พระจันทร์ที่ผลิตขึ้นมาเฉพาะจำหน่ายภายในร้านแฟมิลี่มาร์ทเท่านั้น เพื่อสร้างความแตกต่างจากการขายในช่องทางอื่นๆ    

นายกำธร ศิลาอ่อน กรรมการผู้จัดการใหญ่สายการผลิตและการเงินบริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  ขนมไหว้พระจันทร์ที่บริษัทผลิตขึ้นมาจำหน่ายเฉพาะที่ร้านแฟมิลี่มาร์ทในครั้งนี้  คือ ขนมไหว้พระจันทร์ไส้มะม่วง ซึ่งเป็นไส้ที่ผลิตขึ้นมานอกเหนือจากขนมไหว้พระจันทร์ที่จัดจำหน่ายในร้านเอสแอนด์พีที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 17 ไส้  

ทั้งนี้ จุดเด่นของขนมไหว้พระจันทร์ไส้มะม่วง ที่เอส แอนด์ พี ได้ผลิตเข้ามาทำตลาดในร้านแฟมิลี่มาร์ท คือ การคัดสรรมะม่วงหลากหลายสายพันธุ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น พันธุ์โชคอนันต์ และพันธุ์น้ำดอกไม้ เพื่อให้ขนมไหว้พระจันทร์ไส้มะม่วงที่ผลิตออกมามีเนื้อเนียนนุ่ม รสชาติหอมอร่อยกลมกล่อม 

นอกจากนี้ เอส แอนด์ พียังได้นำขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียนหมอนทอง และไส้บัวไข่ มาจำหน่ายในร้านแฟมิลี่มาร์ทควบคู่กันไปไส้มะม่วงอีกด้วย เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองชิมขนมไหว้พระจันทร์ได้ง่ายขึ้น เอส แอนด์ พีได้มีการทำโปรโมชั่นร่วมกับร้านแฟมิลี่มาร์ท  ด้วยการมอบส่วนลด 20 % ให้กับลูกค้า และเมื่อซื้อขนมไหว้พระจันทร์ทุกรสชาติตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไปลูกค้าสามารถรับกล่องป๊อปอัพน้องมะม่วงรุ่น Limited Edition ฟรีทันที หรือเมื่อครบ 4 ชิ้น รับฟรีกล่องเหล็กพร้อมเปิดจองแล้วตั้งแต่วันนี้ – 22 ต.ค.นี้ 

นอกจากจะมีช่องทางใหม่ในการขายสินค้าแล้วเอส แอนด์ พี ยังตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดขนมไหว้พระจันทร์ที่อยู่คู่ตลาดขนมไทยมากว่า 40 ปี ด้วยการจับมือกับบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เจ้าของลิขสิทธิ์รายการดังอย่างหน้ากากนักร้อง “เดอะ มาสก์ ซิงเกอร์” ผลิตขนมไหว้พระจันทร์ออกมาในรูปแบบหน้ากากนักร้องต่างๆ เพื่อเกาะแสความนิยมของรายการดังกล่าว  โดยในส่วนของสินค้าที่จะผลิตเข้ามาทำตลาดจะเป็นในรูปแบบของ Limited Edition จำนวน 6 หน้ากาก เช่น ลายหน้ากากทุเรียน หน้ากากโพนี่  หน้ากากจิงโจ้ และหน้ากากซูโม่ เป็นต้น

ขณะที่เอส แอนด์ พี เปิดเกมรุกด้วยการขยายช่องทางจำหน่ายมาที่ร้านแฟมิลี่มาร์ท และเปิดตัวสินค้าไส้ใหม่ ควบคู่ไปกับสินค้าหน้าใหม่เช้ามาทำตลาด ในส่วนของภัตตาคารเชียงกรีล่าก็หันมาให้ความสำคัญกับการขยายช่องทางขายใหม่อย่างร้านสะดวกซื้อเช่นกัน  หลังจากก่อนหน้านี้เคยนำขนมไหว้พระจันทร์เข้าไปจำหน่ายในร้าน 108 ช็อปและได้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจมาแล้วแต่ปัจจุบันต้องหยุดนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายชั่วคราว เนื่องจากร้าน 108 ช็อปมีการเปลี่ยนแปลงธุรกิจเป็นร้านลอว์สัน 108 

 

 

นายบัญชา พจชมานะวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ภัตตาคารเชียงกรีล่า จำกัด กล่าวว่า  แผนการดำเนินธุรกิจของขนมไหว้พระจันทร์เชียงกรีล่าในปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในร้านค้าสะดวกซื้อเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจประมาณ 2-3 ราย  คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้  

สำหรับแผนการทำตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้ ภัตตาคารเชียงกรีล่า มีแผนที่จะผลิตขนมไหว้พระจันทร์ เพื่อขายเองและรับจ้างผลิตให้กับพันธมิตรที่มาว่าจ้างประมาณ 5 แสนชิ้น  ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณการผลิตที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยในส่วนของสินค้าที่จะผลิตเข้ามาทำตลาดในปีนี้จะมีด้วยกันประมาณ 13 ไส้  ซึ่งไส้พิเศษที่ผลิตเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติมในปีนี้ คือ ช็อกโกแลตคัสตาร์ดส่วนไส้ที่หยุดผลิตคือ ไส้กาแฟ  

นายบัญชา กล่าวต่อว่า  ภาพรวมตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้วัตถุดิบปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ บริษัทจึงตัดสินใจปรับราคาขายสินค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 3 บาทต่อชิ้น โดยไส้ที่มีการปรับราคาขึ้นมากที่สุดคือ ไส้ทุเรียนหมอนทองปรับขึ้น 4 บาทต่อชิ้น ในขนาด 170 กรัม  แต่ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีการปรับราคาขนมไหว้พระจันทร์เพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงสุดที่ 4 บาท แต่หากนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาดที่บางแบรนด์ปรับราคาสูงขึ้นถึง 10 บาทต่อชิ้น  ถือว่าการปรับราคาขึ้นของบริษัทยังน้อยมาก  

 

 

อย่างไรก็ดี เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต บริษัทได้เตรียมความพร้อมในด้านของกำลังการผลิตสินค้า ด้วยการขยายกำลังการผลิตที่โรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบที่ประมาณ 5 ล้านบาท ในการซื้อเครื่องจักรเพิ่ม  เพื่อผลิตสินค้าให้ได้ประมาณ 15 ล้านชิ้นต่อปี  เนื่องจากในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ  เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่ม 

ทั้งนี้ แม้ว่าปีนี้ผู้ประกอบการขนมไหว้พระจันทร์จะออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาดผ่านช่องทางใหม่ๆ กันอย่างคึกคัก แต่ก็ยังไม่สามารถกระตุ้นให้ภาพรวมตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปี2560 นี้ มีอัตราการเติบโตไปจากปี 2559 ได้ เนื่องจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวไทยยังไม่ฟื้นตัว จึงทำให้คาดการณ์กันว่าสิ้นปี 2560 นี้ ตลาดรวมขนมไหว้พระจันทร์น่าจะใกล้เคียงกับปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 700-900 ล้านบาท  หรือมียอดขายเชิงปริมาณอยู่ที่ประมาณ 5-6 ล้านชิ้น

 

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 ก.ย. 2560 เวลา : 21:20:05
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 2:40 pm