การศึกษา-สิ่งแวดล้อม-สาธารณสุข
สจ.ห่วงประชาชน อาจเกิดความเศร้าระลอกสอง แนะให้น้อมนำ "โครงการพระราชดำริ รัชกาลที่ 9" มาปฏิบัติ


กรมสุขภาพจิต ห่วงประชาชนอาจเกิดความเศร้าระลอกสอง แนะให้ร่วมทำกิจกรรมดีรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย โดยลงมือปฏิบัติตามโครงการในพระราชดำริที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ก่อนถึงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิง  เพื่อสานต่อคนละไม้คนละมือ ให้เกิดความยั่งยืน  ผลที่ได้ตามมาจะเป็นเสมือนสัญลักษณ์ทดแทนพระองค์ ยังคงสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด ให้ผลต่อจิตใจที่ดีที่สุด ช่วยให้จิตใจเราสบายทุกครั้งเมื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ แนะหากยังมีความเศร้า ท้อแท้ตลอดเวลา ควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน

 

 

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง  ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงนี้ประชาชนจำนวนมากเดินทางเข้ากราบพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา 2-3เท่าตัว หลายหลายคนไม่เคยเข้าไปกราบพระบรมศพหรือบางคนเข้าไปกราบมากกว่าหนึ่งครั้ง  ซึ่งการที่ได้เข้าไปกราบพระบรมศพในพระบรมมหาราชวังอันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของประเทศ จะเกิดความตื้นตันปิติสุขเหมือนได้เข้าไปใกล้ชิดพระองค์

อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวต่อว่า ในการรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย  วิธีการที่ดีที่สุดและให้ผลทางจิตใจสูงสุด  ขอแนะนำให้ประชาชนทำกิจกรรมดีๆเพื่อพระองค์ท่าน  ทั้งในรูปแบบของจิตอาสาหรือทำความดีเท่าที่เราจะทำได้ทั้งต่อตนเอง คนรอบข้างและสังคมส่วนรวม เพื่อถวายแด่พระองค์ท่าน  ซึ่งตลอดพระชนม์ชีพพระองค์ทรงทำพระราชกรณียกิจเพื่อพวกเรามาแล้ว  ดังนั้นพวกเราต้องตั้งใจที่จะทำต่อ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนถึงลูกถึงหลาน   เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงทำมานั้นหากไม่มีใครสานต่อ  สิ่งนั้นก็จะค่อยๆหายไป   โดยหากประชาชนทุกคนช่วยกันสานต่อโดยเฉพาะโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่มีกว่า 4,600 โครงการ ทั้งเรื่องน้ำ ดิน สิ่งแวดล้อม การเกษตร การส่งเสริมอาชีพ การศึกษาเป็นต้น   ทุกโครงการล้วนมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อช่วยเหลือประชาชน ให้มีความกินดีอยู่ดี มีความผาสุกทั้งสิ้น

 

จึงเป็นโอกาสอันดี ที่ประชาชนจะยึดช่วงเวลานี้ ลงมือปฏิบัติ ก่อนที่จะถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิงในวันที่ 26 ตุลาคม 2560  โดยเปลี่ยนแปลงสรรสร้างสิ่งที่มีอยู่แล้ว ให้สอดรับตามโครงการฯหรือแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ที่เราสามารถทำได้   ก็ให้ทำคนละไม้คนละมือ  ใครมีอย่างที่ท่านทรงไว้ คือสิ่งที่ดีทีสุดที่จะรำลึกถึงพระองค์ท่าน  เช่นอาจปลูกมะม่วงพันธุ์มหาชนก ซึ่งเป็นมะม่วงนามพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 ซึ่งมีสารต้านมะเร็ง  ลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ เป็นต้น  สิ่งที่เราได้ลงมือทำนั้น จะเป็นเสมือนสัญลักษณ์แทนพระองค์และอยู่ใกล้เราตลอดเวลา   จะช่วยให้จิตใจเราสบายทุกครั้งที่เห็นและได้สัมผัสกับความงอกงาม  โดยไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องอื่น   อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว

อย่างไรก็ดีในห้วงเวลานี้ เป็นเวลาที่ประชาชนอาจเกิดความโศกเศร้าได้อีก  จึงขอให้ประชาชนตั้งใจ ตั้งสติของตนเอง ดำเนินชีวิตอย่างปกติ  ทำหน้าที่ของตนเองตามกำลังความสามารถ การที่เราจะร้องไห้และเกิดความเศร้าระลึกถึงพระองค์ท่าน  สามารถกระทำได้ เพื่อเป็นการระบายออก การเสียใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่จากนั้นขอให้รีบตั้งสติของตนเอง ให้ระลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์เพื่อเป็นแบบอย่าง  และตั้งคำถามกับตนเองว่าวันนี้ เราทำดี ปฏิบัติดี ในหน้าที่ของเรา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลอะไรแล้วบ้าง   ซึ่งจะเป็นการเตือนตนเองเสมอให้มีสติและตั้งใจประคับประคองตนเองและผู้อื่นด้วย  แต่หากยังมีความย้ำคิดบ่อยๆเกี่ยวกับการสูญเสียพระองค์ท่าน เกิดความเศร้า ร้องไห้ทั้งวันตลอดเวลา  รู้สึกสิ้นหวัง ท้อแท้ใจ ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ  ควรต้องปรึกษาคนใกล้ชิดและควรพบแพทย์ประจำหน่วยพยาบาลใกล้บ้านเพื่อรับการช่วยเหลือทันทีอธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว

ทางด้านนายแพทย์กิตต์กวี  โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ .นครพนมกล่าวว่า  เมื่อใดก็ตามที่การเปลี่ยนแปลงอันไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น หากเราไม่สามารถสกัดกั้นหรือบรรเทาลงได้ ขอแนะนำให้ประชาชนใช้วิธีจัดการกับจิตใจเพื่อลดผลกระทบทางใจดังนี้ 1. ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น  ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งหลัก ปรับตัวปรับใจพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างดีที่สุด  2. ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด  โดยให้ลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้ โดยเฉพาะการกระทำความดีต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม 3. มองในแง่บวก มองเห็นสิ่งดีๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน และสิ่งดีๆที่ซุกซ่อนอยู่ในการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ 4. มีสติ รู้เท่าทันตัวเอง  การมีสติ ระลึกรู้ใจที่กำลังอยู่กับความวิตกกังวล จะช่วยให้พาใจกลับคืนสู่ความปกติ 5.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ8 ชั่วโมง  6. รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ 7.ออกกำลังกายอย่าสม่ำเสมอ ซึ่ง3 ประการหลังนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนทุกวัยต้องไม่ละเลย เนื่องจากเป็นพื้นฐานของการมีพลังกายที่ดี


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 ต.ค. 2560 เวลา : 13:50:10
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 3:19 pm