การศึกษา-สิ่งแวดล้อม-สาธารณสุข
กรมสุขภาพจิต ชี้ พวกชอบ "โชว์ของลับ" ในที่สาธารณะ เป็นคนป่วย !!! แนะวิธีสยบพฤติกรรม เห็นแล้ว "อย่ากรี๊ด"


กรมสุขภาพจิต เผยผู้ชายที่ชอบโชว์ของลับอวดสาว/ คนแปลกหน้า เป็นผู้ป่วยทางจิตเวช  มักจะพบในกลุ่มอายุ 15-25 ปี  สาเหตุเกิดจากความผิดปกติในสมอง ความรู้สึกปมด้อยเรื่องเพศตัวเอง  พบผู้มีปัญหาเข้ารับการรักษาน้อยเพียงร้อยละ  25 เท่านั้น  แนะผู้ที่เป็นให้รีบพบจิตแพทย์ ชี้โรคนี้รักษาได้ อย่าอายหมอ ระบุหากไม่รักษาจะมีพฤติกรรมติดตัวไปตลอดชีวิต  พร้อมแนะวิธีการสยบพฤติกรรมโชว์ หากประชาชนโดยเฉพาะสาวๆพบเห็น อย่ากรีดร้อง หรือแสดงอาการตกใจกลัว เพราะยิ่งเพิ่มความสุข เพิ่มความมั่นใจทางเพศ   ขอให้นิ่งเฉย จะช่วยลดพฤติกรรมโชว์ได้

 

 

 นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง  ไตรเรืองวรวัฒน์  อธิบดีกรมสุขภาพจิต  กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาที่มีผู้ชายชอบลักขโมยชุดชั้นในผู้หญิงหรือโชว์อวัยวะเพศในที่สาธารณะ ซึ่งปรากฏเป็นข่าวอยู่เนืองๆว่า    ผู้ที่มีพฤติกรรมเหล่านี้จัดเป็นผู้ป่วยโรคทางจิตเวชประเภทหนึ่งเรียกรวมๆว่า กามวิปริต ( Sexual perversion)   มักเกิดกับเพศชาย พบได้บ่อยที่สุดในช่วงอายุ 15-25 ปี  ไม่สามารถประมาณการผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้ชัดเจน  แต่มีการศึกษาพบว่าร้อยละ 20 ของหญิงสาว จะมีประสบการณ์เจอผู้ที่มีปัญหากามวิปริตมาแล้ว ขณะที่ผู้ชายที่มีปัญหานี้ส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมกามวิปริต 3-5 อย่าง เช่น โชว์อวัยวะเพศ โทรศัพท์ลามกอนาจาร พฤติกรรมถ้ำมองคนอื่นในห้องน้ำ  เป็นต้น

 อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวว่า สาเหตุของพฤติกรรมนี้เชื่อว่าเกิดมาจากปริมาณฮอร์โมนเพศชายมีมากกว่าปกติ และอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติในสมอง  รวมทั้งเกิดมาจากปัจจัยทางจิตใจ ที่สำคัญคือปมด้อย(inferiority)ใน เรื่องเพศของตนเอง เช่นเรื่องขนาด  การมีเพศสัมพันธ์   ทำให้ไม่มีความมั่นใจหรือไม่มีความสุขจากการมีเพศสัมพันธ์   เมื่อมีแรงขับทางเพศเกิดขึ้น จึงเลือกระบายออกโดยโชว์อวัยวะเพศต่อผู้อื่น เพื่อสร้างความมั่นใจในระดับจิตใต้สำนึก  เมื่อคนที่เห็นแสดงอาการตกใจ กรีดร้อง จะเป็นการเพิ่มความมั่นใจทางเพศให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้

 “อาการของกามวิปริตนี้ รักษาให้หายขาดได้   ผู้ที่มีญาติป่วยหรือมีเพื่อนฝูงคนรู้จักป่วยเป็นโรคนี้ สามารถพาไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชทุกแห่ง   อย่าอายหมอ เพราะหากไม่ได้รับรักษา ผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมนี้ไปตลอดชีวิต  ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าผู้ที่เป็นโรคกามวิปริตเข้ารับการรักษาน้อยมาก เพียง 1 ใน 4 หรือประมาณร้อยละ 25 ของผู้ป่วย แสดงว่าในสังคมยังมีผู้ป่วยโรคนี้อีกร้อยละ 75 ที่ยังไม่รับการรักษา   ดังนั้นจึงขอแนะนำประชาชน หากพบเห็นผู้ที่มีพฤติกรรมโชว์อวัยวะเพศในที่สาธารณะ  ขอให้ตั้งสติ  ให้นิ่งเฉย ไม่ควรแสดงอาการตกใจ หวาดกลัว กรีดร้อง    โดยปฏิกิริยาของการนิ่งเช่นนี้ จะมีผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถสร้างความสุขทางเพศหรือเพิ่มความมั่นใจทางเพศของตนเองได้ และหากผู้ป่วยขาดแรงเสริมจูงใจบ่อยๆ จะมีผลให้พฤติกรรมชอบโชว์ลดลงได้    ” อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว 

 ทางด้านนายแพทย์ธิติพันธ์ ธานีรัตน์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์ .นครสวรรค์กล่าวว่า  โรคกามวิปริตที่พบได้บ่อยๆในสังคมไทย เช่น  โรคเอ็กซ์ฮิบิชั่นลิซึม   ( Exhibitionism)  ชอบอวดอวัยวะเพศกับคนแปลกหน้าโรคเฟติสชิซึม ( Fetishism)  คือโรคสำเร็จความใคร่ด้วยสิ่งของของเพศตรงข้าม เช่น ชุดชั้นใน ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว  รองเท้าส้นสูง เป็นต้น  , โรคฟรอตตัวริซึม ( Frotteurism)   เป็นโรคที่มีความสุขกับการถูไถอวัยวะเพศกับบุคคลแปลกหน้า  ,โรคโวเยียวริซึม ( Voyeurism) เป็นโรคมีความสุขกับการถ้ำมองคนอื่นเปลือยกายหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าโรคโทรศัพท์ลามกอนาจารหรือที่เรียกว่า เทเลโฟน สแก็ตโตโลเจีย (Telephone Scatologia)  เป็นต้น 

โดยเฉพาะผู้ที่ชอบโชว์อวัยวะเพศในที่สาธารณะ เมื่อมีคนเห็นและแสดงอาการตกใจ หวาดกลัว กรีดร้อง  จะทำให้ผู้ป่วยประเภทนี้  เกิดความรู้สึกตื่นเต้น พึงพอใจทางเพศอย่างมาก และจะทำพฤติกรรมเช่นนี้บ่อยขึ้น   โดยโรคนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของตนเองได้  จึงควรพาผู้ป่วยไปปรึกษากับจิตแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม  ผู้ป่วยก็จะสามารถลดพฤติกรรมและใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วไป ” นายแพทย์ธิติพันธ์กล่าว 

          นายแพทย์ธิติพันธ์กล่าวต่อไปว่า  การรักษาผู้ป่วยกามวิปริต หลักๆ จะมี 3 ด้าน ได้แก่ 1. การรักษาทางด้านจิตใจ เน้นการปรับเปลี่ยนกระบวนการคิดและพฤติกรรม ให้ผู้ป่วยมองเห็นด้านบวกและชีวิตทางเพศของตนเองมากขึ้น  โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนความเชื่อผิดๆ ที่มักพบในกลุ่มผู้ชายไทย  เช่นอวัยวะเพศใหญ่ให้ความสุขมากกว่าของเล็ก  ต้องเป็นจอมลีลาเวลามีเพศสัมพันธ์  ต้องไม่ล่มปากอ่าว เป็นต้น  2.การรักษาทางด้านร่างกาย   โดยเฉพาะการใช้ยารักษาฮอร์โมนเพศชายคือเทสโตสเตอโรน (Testosterone) ที่มีส่วนทำให้เกิดพฤติกรรมทางเพศ และ 3. การรักษาทางด้านสังคม ซึ่งกรอบ กฎระเบียบทางสังคม สามารถใช้ควบคุมพฤติกรรมชอบโชว์ทางอ้อมได้  เช่นเพื่อนฝูง  คนในครอบครัว  ช่วยกันลดโอกาสเกิดพฤติกรรม  หากิจกรรมให้ทำแทนการคิดหมกมุ่นเรื่องเพศ      ลดสิ่งกระตุ้นทางเพศ เช่น การดูสื่อลามกต่างๆ หรือการพูดคุยที่หมิ่นเหม่ต่อการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศในที่สาธารณะ


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 12 พ.ย. 2560 เวลา : 12:44:10
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 5:37 pm