จากการแข่งขันที่รุนแรงของตลาดน้ำดื่ม ส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจน้ำดื่มแต่ละแบรนด์ต้องออกมาเปิดกลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะจากจำนวนผู้เล่นที่มีมากขึ้น และแต่ละรายออกมาแข่งขันกันในด้านของราคาขายส่งผลให้ยอดขายที่จะได้รับทำได้ยากขึ้น

การแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าว ทำให้ “น้ำดื่มสิงห์” ต้องออกมาตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดน้ำดื่ม  ด้วยการมุ่งมั่นสร้างสิ่งใหม่ๆ และทำกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวแคมเปญ “A Part Of You” ภายใต้กลยุทธ์ Influencer Marketing สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับตลาดน้ำดื่ม ด้วยการดึง 5 ตัวแทนกลุ่มผู้นำความคิดและไลฟ์สไตล์ จากวงการภาพยนตร์ ดนตรี เน็ตไอดอล ได้แก่ ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์, เบเบ้-ธันย์ชนก ฤทธินาคา, วิโอเล็ต วอเทียร์ และวง South side มาเป็น “แบรนด์อินฟลูเอนเซอร์” ครั้งแรก เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์น้ำดื่มสิงห์ 

นอกจากนี้ ยังถือเป็นการเพิ่มความผูกพันแบรนด์ (Engagement) ระหว่างน้ำดื่มสิงห์และผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น ซึ่งหลังจากเปิดตัวกลยุทธ์ดังกล่าว น้ำดื่มสิงห์ ก็ได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และเพื่อตอกย้ำกลยุทธ์ Influencer Marketing ล่าสุด น้ำดื่มสิงห์ ได้สร้างกระแสในโลกออนไลน์ ด้วยการดึง “เจ้านาย” จิณเจษฎ์ วรรธนะสิน มาเป็นพรีเซ็นตอร์ พร้อมใช้วิธีการทำตลาดที่ “แตกต่าง” ออกไปจากเดิม โดยการลงพื้นที่ประชิดกลุ่มเป้าหมาย สร้างสิ่งที่ “เหนือความคาดหมาย” ความประทับใจให้กับผู้บริโภค

นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า  แนวทางการทำตลาดของน้ำดื่มสิงห์ ในตอนนี้จะเน้นไปที่การดึงผู้ทรงอิทธิพล (Influencer) มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งบุคคลนั้นจะต้องเป็นคนที่มีเสน่ห์ (engaging personality) คาแร็คเตอร์ ธรรมชาติ และเข้าถึงง่าย

พร้อมกันนี้  การเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ก็จะต้องมีความแตกต่างไปจากเดิม คือ ต้องคิดนอกกรอบ เพื่อสร้างความแตกต่าง ความแปลกใหม่ให้กับตลาด เพื่อให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเกิดการจดจำแบรนด์มากยิ่งขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันของตลาดน้ำดื่มที่มีทั้งแบรนด์เก่า และแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น การดึง  “เจ้านาย” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ให้กับน้ำดื่มสิงห์ และแบรนด์เปิดตัวด้วยการสร้างเซอร์ไพรส์ ณ จุดขายจริง รับกับกระแสฟีเวอร์ในตัวของเจ้านาย จึงเป็นกลยุทธ์ที่ น้ำดื่มสิงห์ เลือกนำมาใช้  เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายสำคัญ 2 ประการ คือ 1.การเพิ่ม Engagement กับผู้บริโภคคนรุ่นใหม่หรือเป็น Young Generation มากขึ้น จากเดิมน้ำดื่มสิงห์เจาะกลุ่มเป้าหมายครอบครัว ทุกเพศทุกวัยอยู่แล้ว และ 2. การสร้างความแตกต่างของแบรนด์ให้ฉีกออกจากคู่แข่งให้เป็นแบรนด์อันดับแรกในใจของผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อน้ำดื่มและการใช้เจ้านายเป็นพรีเซ็นเตอร์ ถือว่าสร้างสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เป็น Beyond expectation ให้ผู้บริโภคและตลาดได้จริง

นายธิติพร กล่าวต่อว่า บริษัทเชื่อมั่นว่า ในยุคนี้ความแปลกใหม่ ทันสมัย หรือความล้ำ (innovation) เป็นสิ่งสำคัญ  โดยตั้งแต่ต้นปี 2561 น้ำดื่มสิงห์จะให้เน้นนำเสนอความแปลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นด้านของตัวผลิตภัณฑ์, การสื่อสารการตลาด อย่างที่ได้เริ่มเห็นกันไปแล้วจากกิจกรรม on ground to online ของพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดนี้ และยังมีกิจกรรมต่อเนื่อง ซึ่งอยากให้ติดตามกัน รวมถึงการจัดรายการส่งเสริมการขายรูปแบบใหม่  บน Platform ใหม่ๆ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องโดนใจวัยรุ่น รวมทั้งกลุ่มแมสด้วย

ในด้านของช่องทางการจัดจำหน่ายและระบบการจัดจำหน่าย  ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ น้ำดื่มสิงห์ ให้ความสำคัญเพราะการทำการตลาดในยุค Digital ในปัจจุบันนี้  การเพิ่มความพึงพอใจให้ความสะดวกสบายในการจัดส่งเป็นสิ่งสำคัญ  เพราะการส่งสินค้าต้องถึงมือผู้บริโภคอย่างรวดเร็วและน่าเชื่อถือต้องง่ายแค่ปลายนิ้ว  

ด้วยเหตุนี้  แนวทางการทำตลาดของน้ำดื่มสิงห์  ในปี 2561  น้ำดื่มสิงห์ จึงมีแผนที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ  เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย และหนึ่งในช่องทางจำหน่ายที่ น้ำดื่มสิงห์ จะให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น คือ การจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์

สำหรับภาพรวมตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดในปี 2560 มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 43,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็นเชิงปริมาณ 4,300 ล้านลิตร มีอัตราการเติบโตประมาณ 10% แบ่งตามบรรจุภัณฑ์เป็นน้ำดื่มขวด PET 90% มีอัตราการเติบโต 11.5% แบบขวดแก้ว 10% แนวโน้มตลาดหดตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากธุรกิจร้านอาหารในปีนี้มีอัตราการเติบโตที่ลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัว

แต่อย่างไรก็ดี  แม้ว่าตลาดน้ำดื่มแบบขวดแก้วจะหดตัว ซึ่งน้ำดื่มสิงห์ ก็มีสินค้าแบบขวดแก้วเข้าทำตลาด แต่ภาพรวมของน้ำดื่มสิงห์ตลอดปี 2560 ก็ยังมียอดขายเติบโตในทิศทางที่ดี  โดยปี 2560 น้ำดื่มสิงห์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดโดยรวม 21% แบ่งตามบรรจุภัณฑ์ แบบขวด PET มีส่วนแบ่งทางการตลาด 20% และแบบขวดแก้วมีส่วนแบ่งตลาด  45.2%  จากการทำตลาดต่อเนื่องในปี 2560 และจะทำการตลาดต่อเนื่องไปจนถึงปี 2561 น้ำดื่มสิงห์ มั่นใจว่าสิ้นปี 2561 จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มเป็น 23% ได้อย่างแน่นอน  

นายธิติพร กล่าวอีกว่า ตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องปีละ 10% จากกระแสผู้บริโภครักสุขภาพ น้ำดื่มสิงห์ มีสโลแกนติดหูว่า “น้ำดื่มสะอาด น้ำดื่มสิงห์” เราชูจุดขายในเรื่องของความสะอาดและแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ อยู่คู่ครอบครัว และเป็นส่วนหนึ่งของคนไทยมาอย่างยาวนาน อีกทั้งน้ำดื่มสิงห์ยังได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลกจากสถาบัน NSF International สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะช่วยเสริมความแกร่งให้กับแบรนด์ด้านความน่าเชื่อถือ ตอกย้ำกลยุทธ์ Functional Marketing อีกด้านเรามุ่งสร้างความพึงพอในตราสินค้า (Brand Preference) และเพิ่ม Engagement กับกลุ่มคนรุ่นใหม่  ซึ่งกลยุทธ์การทำตลาดเหล่านี้จะทำให้น้ำดื่มสิงห์เป็นผู้นำตลาดอย่างยั่งยืน 

กลยุทธ์การตลาดที่น้ำดื่มสิงห์งัดมาใช้ในปี 2560 และต่อเนื่องถึงปี 2561  คาดว่าคู่แข่งที่เห็นกลยุทธ์การทำตลาดของน้ำดื่มสิงห์ น่าจะไม่อยู่เฉย เชื่อว่าต้นปี 2561 นี้คู่แข่งในตลาดต้องออกมาเปิดตัวกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ๆ อย่างแน่นอน  เพราะคงไม่มีแบรนด์ไหนที่จะปล่อยให้คู่แข่งมาชิงส่วนแบ่งการตลาดไปอย่างง่ายๆ โดยเฉพาะผู้เล่นที่มีส่วนแบ่งการตลาดใกล้เคียงกับน้ำดื่มสิงห์  และเคยก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดในตลาดน้ำดื่มแทนสิงห์มาแล้วครั้งหนึ่งอย่าง “คริสตัล”