หากพูดถึงแบรนด์สินค้าแฟชั่นที่มีอายุยาวนาน “ยูนิโคล่” น่าจะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ใครหลายคนคิดถึง เพราะถ้าหากย้อนไปถึงวันที่แบรนด์ “ยูนิโคล่” เริ่มต้นธุรกิจจนถึงวันนี้ ก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 69 แล้ว ด้วยความยาวนานของการทำธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น จึงทำให้ “ยูนิโคล่” เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ย้อนกลับไปเมื่อเดือน มี.ค. 2492 “ยูนิโคล่” ได้ถือกำเนิดขึ้นจากบริษัทเล็กๆ บริษัทหนึ่งที่ตั้งอยู่ในจังหวัดยะมะงุชิ โอะโกะริ โชจิ ประเทศญี่ปุ่น ช่วงแรกของการดำเนินธุรกิจจะเน้นไปที่การขายเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายเป็นหลัก โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า "เมนส์ช็อปโอเอส" (Men's Shop OS) ต่อมาในเดือนพ.ค. 2527 ได้เริ่มมีการขยายกิจการด้วยการเปิดร้านขายเสื้อผ้าภายใต้คอนเซ็ปต์ made for all หรือเสื้อผ้าลำลองที่ทำมาเพื่อทุกคน คุณภาพดี ใส่สบาย ราคาถูก มีให้เลือกหลายสี และไม่ตามเทรนด์แฟชั่น เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยในฟุกุโระมาชิ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองนะกะกุ จังหวัดฮิโระชิมะ โดยในส่วนของแบรนด์สินค้าที่ได้จำหน่ายในช่วงเวลาดังกล่าวจะอยู่ภายใต้ชื่อ "ยูนีคโคลธิงแวร์เฮาส์" (Unique Clothing Warehouse) เวลาผ่านไปไม่นาน จากชื่อแบรนด์ "ยูนีคโคลธิง" ก็ได้ปลี่ยนชื่อเป็น "ยูนิโคล่" (uni-clo) ซึ่งตัวอักษรที่สะกดจะมีความแตกต่างไปจากปัจจุบัน
ต่อมาในปี 2531 “ยูนิโคล่” เริ่มมีการทำตลาดในต่างประเทศอย่างจริงจัง หนึ่งในตลาดที่ให้ความสำคัญ คือ ฮ่องกง จากการบริหารงานในสาขาที่พนักงานมักจะได้อ่านชื่อผิดจาก "ซี" (C) เป็น "คิว" (Q) ทำให้ตัวอักษรในการสะกดชื่อแบรนด์ในภาษาอังกฤษได้มีการปรับเปลี่ยน จาก "ยูนิโคล่" (uni-clo) เป็น "ยูนิโคล่" (uniqlo) หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทะดะชิ ยานะอิ ผู้บริหารของยูนิโคล่จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น "ยูนิโคล่" (uniqlo) ในประเทศญี่ปุ่นด้วย
หลังจากนั้นในเดือนก.ย. 2534 ชื่อบริษัทที่บริหารธุรกิจแบรนด์ “ยูนิโคล่” ได้ถูกเปลี่ยนจาก "โอะโกะริ โชจิ" (Ogori Sh?ji) เป็น "ฟาสต์รีเทลลิง"(Fast Retailing) และในเดือนเม.ย.2537 เพื่อให้รูปแบบของการบริการมีความหลากหลายและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบัน “ยูนิโคล่” มีร้านเปิดให้บริการทั่วโลกประมาณ 1,900 สาขา ใน 19 ประเทศ แบ่งเป็นในญี่ปุ่นประมาณ 850 สาขา ที่เหลือ1,050 สาขา อยู่ในตลาดต่างประเทศ
สำหรับประเทศไทยแบรนด์ “ยูนิโคล่” ได้เริ่มเข้ามาเปิดให้บริการในช่วงปี 2554 ประเดิมสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ หลังจากนั้นก็มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันร้านยูนิโคล่ มีจำนวนสาขาที่เปิดให้บริการทั่วประเทศไทยประมาณ 35 สาขา และในปีนี้มีแผนที่จะขยายร้านใหม่เพิ่มเติมอีกประมาณ 3 สาขา คือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า มหาชัย,ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า พิษณุโลก และร้านในรูปแบบสแตนอโลนบริเวณถนนพัฒนาการ
หนึ่งในสาขาใหม่ที่น่าจับตามอง คือ การเปิดร้านยูนิโคล่ในรูปแบบสแตนอโลน เพราะถือเป็นสาขาแรกของประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะเปิดให้บริการร้านในรูปแบบดังกล่าว ซึ่งในส่วนของรูปแบบร้านดังกล่าวจะมีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่เรียกว่า โรดไซด์ สโตร์ (Roadside Store) หรือ ร้านในทำเลติดถนน
นายโอกูริ โทโมโยชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การที่บริษัทเลือกทำเลในย่านพัฒนามาเปิดร้านยูนิโคล่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ โรดไซต์ สโตร์ ก็เพราะว่า บนถนนพัฒนาการเป็นย่านที่คึกคัก เนื่องจากมีหมู่บ้านอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ประชากรที่อยู่อาศัยในย่านดังกล่าวยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อบริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการนำร้านยูนิโคล่เข้าไปเปิดให้บริการในวันที่ 23 มี.ค.นี้
ยูนิโคล่ โรดไซด์ สโตร์ บนถนนพัฒนาการจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ไลฟ์แวร์ (LifeWear) ของยูนิโคล่อย่างครบถ้วน ตั้งแต่สินค้าสำหรับผู้ชายและผู้หญิงไปจนถึงสินค้าสำหรับเด็ก พร้อมกับนำประสบการณ์ใหม่ในการช็อปปิ้ง พร้อมความสะดวกสบายมาสู่ลูกค้าในประเทศไทยผ่านร้านรูปแบบใหม่ของยูนิโคล่บนพื้นที่ 1,440 ตร.ม.
นอกจากจะมีพื้นที่ช้อปปิ้งที่กว้างขวางแล้ว รูปแบบของ ร้านยูนิโคล่ โรดไซด์ สโตร์ ยังจะมีที่จอดรถที่สะดวกสบายเพียงพอสำหรับลูกค้าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ นอกจากนี้ ยูนิโคล่ ยังจะเน้นการทำธุรกิจที่คำนึงถึงสังคม ด้วยการออกแบบร้านที่คำนึงถึงความต้องการของผู้มาใช้บริการเป็นสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมา ร้านยูนิโคล่ โรดไซด์ สโตร์ มีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของยูนิโคล่ในประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว และในอนาคตอันใกล้นี้ ยูนิโคล่ มั่นใจว่าการเปิดร้านยูนิโคล่ โรดไซด์ สโตร์ จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในประเทศอื่นๆไม่ว่าจะเป็น เกาหลี ไต้หวัน หรือประเทศไทย
นายโอกูริ กล่าวต่อว่า นอกจากร้านยูนิโคล่ โรดไซด์ สโตร์ จะให้ความสำคัญกับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการแล้ว ยังคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอย่างแท้จริง ด้วยการมอบความสะดวกสบายผ่านบริการและผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของยูนิโคล่ เช่น มีพื้นที่สำหรับผู้มาคอย และโซนสำหรับเด็กๆ เป็นต้น
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ ยูนิโคล่ ให้ความสำคัญไม่แพ้ไปจากการเปิดร้านใหม่ คือ การโฟกัสกับการทำตลาดในรูปแบบออนไลน์ เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก ดังนั้น การทำตลาดของ ยูนิโคล่ จึงจะต้องให้ความสำคัญกับการทำตลาดออนไลน์ควบคู่ไปกับออฟไลน์ เพื่อให้การทำตลาดครอบคลุมทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และเข้าถึงแบรนด์ยูนิโคล่ได้ง่ายขึ้น
แนวทางดังกล่าวถือเป็นการเติมเต็มความสำเร็จในการทำธุรกิจของ “ยูนิโคล่” ที่ต้องการจะพาแบรนด์ก้าวไปสู่การเติบโต และก้าวไปสู่เป้าหมายใหญ่ที่อยากจะให้แบรนด์ “ยูนิโคล่” กลายเป็นแบรนด์เลิฟในใจของคนไทยอันดับ 1 ในปีนี้ จากปีที่ผ่านมาแบรนด์ “ยูนิโคล่” อยู่ในอันดับที่ 7 แบรนด์เลิฟของคนไทย ส่วนรายได้ของ “ยูนิโคล่” ในสิ้นปี 2560 ที่ผ่านมามียอดขายอยู่ที่ 8,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มียอดขายอยู่ที่ 6,889 ล้านบาท
ข่าวเด่น