การตลาด
สกู๊ป 'อันเดอร์อาร์เมอร์' เปิดเกมรุก 'รองเท้าวิ่ง' นำทัพไทยนั่งอันดับ 1 อาเซียน


หลังจากคนไทยหันมาให้ความสนใจออกกำลังกายกันมากขึ้น  ส่งผลให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเสื้อผ้า รองเท้าและอุปกรณ์กีฬาต่างๆมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด  โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวกับวิ่ง  เนื่องจากปัจจุบันคนไทยหันมาสนใจกีฬาประเภทวิ่งกันมากขึ้น   

 

  

 

จากความสนใจในกีฬาวิ่งที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ส่งผลให้ผู้ประกอบการแบรนด์กีฬาต่างๆ หันมาพัฒนารองเท้าวิ่งด้วยเทคโนโลใหม่ๆ กันมากขึ้น  เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้ที่รักการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง เช่นเดียวกับแบรนด์ Under Armour (อันเดอร์ อาร์เมอร์) ที่ล่าสุดขอออกมาเปิดเกมรุกกลุ่มสินค้ารองเท้าวิ่ง ด้วยการเปิดตัว HOVR (ฮัฟ เวอร์) เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดด้านรองรับแรงกระแทก (cushioning) 

 

จุดเด่นของเทคโนโลยีดังกล่าว คือ การได้พัฒนารองเท้าวิ่งร่วมกับแบรนด์นักประดิษฐ์ชั้นนำระดับโลกอย่าง  Dow Chemical  (ดาว เคมิคอล) จึงทำให้รองเท้าวิ่งรุ่น  HOVR  มีระบบรองรับแรงกระแทก  เนื่องจากตัวพื้นรองเท้าผลิตจากวัสดุโฟมชนิดพิเศษเอกสิทธิ์ของ Under Armor ให้ความรู้สึกถึงสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงและสัมผัสถึงแรงส่งได้อย่างชัดเจน 

 

 

 

การพัฒนาเทคโนโลยี  HOVR  เข้ามาทำตลาดในครั้งนี้  ถือเป็นการพัฒนารองเท้ารองรับแรงกระแทกรุ่นที่ 3 ของ Under Armour ต่อจากเทคโนโลยี  Micro G และ Charged Cushioning   ซึ่งในส่วนของเทคโนโลยี  HOVR  นี้ ในปีนี้ อันเดอร์ อาร์เมอร์  ได้มีการนำไปใช้ในรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่จำนวน   2 รุ่น ได้แก่ HOVR Phantom (ฮัฟ เวอร์ แฟนทอม) และ HOVR Sonic (ฮัฟ เวอร์ โซนิค) รองเท้าวิ่งที่มีเทคโนโลยีรองรับแรงกระแทกที่ให้พลังรุนแรงที่สุดให้ประสิทธิภาพการวิ่งนานขึ้น  การถีบตัวสูงขึ้น และเคลื่อนไหวอย่างเฉียบคมมากขึ้น

..ปริศนา ศิริสมถะ ผู้จัดการทั่วไป ยูเอ สปอร์ต ไทยแลนด์  ผู้บริหารแบรนด์อันเดอร์ อาร์เมอร์ กล่าวว่า  จากจุดเด่นของรองเท้าอันเดอร์ อาร์เมอร์รุ่น HOVR ที่สามารถรองรับแรงกระแทรกได้เป็นอย่างดี  บริษัทมั่นใจว่าหลังจากเปิดตัวสินค้ารุ่นดังกล่าวเข้าทำตลาดจะได้ผลการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย  เพราะนอกจากสินค้าจะมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของกลุ่มนักวิ่งแล้ว  ในด้านของราคายังจับต้องได้ง่าย  เนื่องจากในปี 2561 นี้  บริษัทมีแผนที่จะปรับลดราคารองเท้าในบางรุ่นลดลงอีกประมาณ 10%  ต่อเนื่องจากปี 2560 ที่มีการปรับลดราคาสินค้าบางกลุ่มไปบ้างแล้วประมาณ 5-15%  เพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้าให้หันมาซื้อสินค้ากีฬาของอันเดอร์ อาร์เมอร์มากขึ้น

นอกจากนี้ อันเดอร์ อาร์เมอร์  ยังจะเดินหน้าพัฒนาสินค้าในกลุ่มรองเท้า  เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ชอบเล่นกีฬาประเภทอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง  หลังจากที่ผ่านมาได้มีการได้นำรองเท้า Spieth 2 (สปีธ ทู) ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนารองเท้าจากประสบการณ์ของแชมป์กอล์ฟสามสมัย Jordan Spieth (จอร์แดน สปีธ) Spieth 2 เข้ามาจำหน่ายเป็นรองเท้ารุ่นที่ 2 ที่พัฒนามาจากรองเท้าซิกเนเจอร์รุ่นแรกของ  จอร์แดน สปีธ  ซึ่งหลังจากเปิดตัวไปในปี 2560ที่ผ่านมาได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี   เนื่องจากตัวรองเท้ามีโครงสร้างของเทคโนโลยี GORE-TEX®  ทำให้มีคุณสมบัติกันน้ำได้ 100%  หนังรองเท้าที่นุ่มขึ้น  และหน้าผ้าแบบทอที่มีความชาญฉลาดมากขึ้น ระบายอากาศได้ดี มีความทนทาน น้ำหนักเบา ขณะที่วัสดุ TPU ไฟเบอร์ ช่วยล็อคเท้าให้ความมั่นคงยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี แม้ว่า อันเดอร์อาร์เมอร์ จะให้ความสนใจทำตลาดรองเท้ามากขึ้น  แต่รายได้หลักที่ทำได้ยังคงมาจากการจำหน่ายกลุ่มสินค้าเสื้อผ้า  โดยในปีที่ผ่านมา อันเดอร์ อาร์เมอร์  มีสัดส่วนรายได้หลักมาจากกลุ่มสินค้าเสื้อผ้าประมาณ 65% ตามด้วยรองเท้า 28% และแอคเซสเซอรี่  17%  ซึ่งหลังจากหันมารุกทำตลาดรองเท้ามากขึ้น คาดการณ์ว่าปี 2020  หรือประมาณปี 2563  อันเดอร์ อาร์เมอร์  จะมีสัดส่วนยอดขายรองเท้าปรับเพิ่มเป็น  32%   ส่วนยอดขายจากกลุ่มสินค้าเสื้อผ้าคาดว่าจะปรับลดลงเหลือ  60%   และแอคเซสเซอรี่ 18%

สำหรับแผนการทำตลาดในปี 2561 นี้ อันเดอร์ อาร์เมอร์  ยังคงให้ความสำคัญกับอีเวนต์และกิจกรรมกีฬาประเภทต่างๆ โดยกิจกรรมสำคัญในปีนี้  ประกอบด้วย ทัวร์นาเมนต์กอล์ฟยิ่งใหญ่แห่งปีรายการ LPGA Thailand 2018 ในเดือนก..นี้  การแข่งขันกีฬาบาสเก็ตบอล 3x3 U18 ระดับเยาวชน  เดือนมี..   การแข่งขันฟังก์ชั่นนอลฟิตเนสรายการ  Test of Will 2018 (เทสต์ ออฟ วิลล์ 2018) เดือนเม..  การแข่งขันมาราธอนรายการต่างๆ  รวมไปถึงการสานต่อ UA Run Crew (ยูเอ รัน ครูว์) คอมมูนิตี้ฝึกฝนฝีเท้าสำหรับนักวิ่งทุกระดับโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และการจัดคลาสออกกำลังกายแบบเอ็กซ์คลูซีพกับยิมที่เป็นพาร์ทเนอร์อย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี

 

  

นอกจากนี้  ยังมีแผนที่จะเปิดร้านอันเดอร์ อาร์เมอร์ด้วยตัวเองอีก 3 แห่ง ภายใต้งบลงทุนสาขาละ 10 ล้านบาท ประกอบด้วย  สาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์  สาขาศูนย์การค้าไอคอนสยาม  และเอาท์เลทอันเดอร์ อาร์เมอร์ สาขาพัทยา  จากปัจจุบันอันเดอร์ อาร์เมอร์ มีจำนวนร้านเปิดให้บริการทั่วประเทศทั้งหมด 15 สาขา แบ่งเป็น  ร้านในรูปแบบแบรนด์เฮ้าส์ 7 สาขา  ช็อป อิน ช็อป 6 สาขา และเอาท์เลท 2 สาขา  

..ปริศนา กล่าวว่า   แนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าวถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้อันเดอร์ อาร์เมอร์ ประเทศไทย ก้าวไปสู่ความสำเร็จ  ด้วยการมียอดขายขึ้นเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2020 หรือปี 2563  จากปัจจุบัน อันเดอร์ อาร์เมอร์ ประเทศไทยมียอดขายอยู่ในอันดับที่ 3 รองจากประเทศมาเลเซียที่เป็นอันดับ 2 และประเทศสิงคโปร์  ที่ปัจจุบันมียอดขายเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  

 

จากแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เดินหน้าขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย เชื่อว่าแบรนด์สินค้ากีฬาอันเดอร์ อาร์เมอร์ น่าจะเข้าไปอยู่ในใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายวงกว้างในเร็วๆนี้ได้อย่างแน่นอน  เพราะนอกจากสินค้าจะโดนใจแล้ว อันเดอร์ อาร์เมอร์ยังพยายามปรับลดราคาสินค้าให้ลูกค้าคนไทยได้ทดลองซื้อไปใช้  เพื่อกลับมาเป็นลูกค้าประจำในอนาคต


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 ก.พ. 2561 เวลา : 16:35:07
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 8:13 pm