แม้ว่าปีที่ผ่านมาตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคจะยังอยู่ในภาวะติดลบ แต่สำหรับตลาดขนมขบเคี้ยวประเทศไทยถือว่ายังเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง  โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา ตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 35,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2559  ที่ประมาณ 5.3% โดยตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด  คือ ตลาดมันฝรั่งทอดกรอบ มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 7.1% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดมีการเปิดตัวสินค้ารสชาติใหม่ และออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างต่อเนื่อง

สำหรับในส่วนของตลาดบิสกิต  ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มสินค้าขนมขบเคี้ยว  แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะมีอัตราการเติบโตน้อยกว่าตลาดมันฝรั่งทอดกรอบ  แต่ก็ถือว่ายังมีการขยายตัวที่ดีอยู่ในระดับ  3-5% ส่งผลให้ปี 2560 ที่ผ่านมาตลาดบิสกิตมีมูลค่าขึ้นมาอยู่ที่ 13,284-13,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีมูลค่า 12,897 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มีมูลค่า 12,258 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่มีมูลค่า 11,742 ล้านบาท

ในมูลค่าดังกล่าวของตลาดบิสกิต แบ่งเป็น ขนมขบเคี้ยวขนาดเล็ก 32% คุ๊กกี้  27%  เวเฟอร์ 24% และแครกเกอร์  17%  ซึ่งในส่วนของตลาดแครกเกอร์  แม้ว่าจะเป็นตลาดที่เล็กแต่ก็ถือว่าเป็นตลาดที่มีแนวโน้มสดใส  เนื่องจากมีอัตราการเติบโตที่ดีทุกปี เพราะผู้นำตลาดอย่าง บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด  มีการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง  เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาด  และในปีนี้ก็เช่นกัน  โดยแบรนด์สินค้าที่จะนำมาทำตลาด เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดแครกเกอร์ คือ ‘ริทซ์’ 

นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ริทซ์เป็นแบรนด์แครกเกอร์ชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาที่มีประวัติยาวนาน และได้มอบรสชาติความอร่อย เพื่อชีวิตที่ดีมากว่า 82 ปีแล้ว จากความเชื่อของแบรนด์ที่ว่า ‘การมีคุณภาพชีวิตที่ดีเกิดจากการออกแบบชีวิตด้วยตัวของเราเอง ร่วมแบ่งปันประสบการณ์กับคนที่เรารัก และใช้เวลากับสิ่งที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง’ และได้ถ่ายทอดมาเป็นรสชาติที่เข้มข้นในทุกคำของริทซ์ เพื่อเติมเต็มคุณค่าแห่งชีวิต ทำให้ริทซ์กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์แครกเกอร์ที่มีความโดดเด่นในสายตาของผู้บริโภคชาวไทย 

จากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว  ทำให้  ริทซ์  วางเป้าหมายในปีนี้ไว้ว่า  ต้องการที่จะครอบครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 9% เพื่อเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดบิสกิตกลุ่มแครกเกอร์ในประเทศไทยสำหรับธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรดภายในปี 2562 ด้วยการใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในตลาดที่มีมาอย่างยาวนานเป็นจุดแข็งในการทำการตลาดปีนี้และปีหน้า

หนึ่งในกลยุทธ์ที่จะนำมาทำการตลาดในปีนี้  คือ  การเปิดตัวสินค้าใหม่ 3 รสชาติเข้ามาทำตลาด  เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของแบรนด์ริทซ์ในกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน  รวมไปถึงช่วยขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่และครอบครัวรุ่นใหม่  ซึ่งในส่วนของสินค้า 3 รสชาติใหม่ ประกอบด้วย  รสชาติยอดนิยมอย่างรสข้าวสาลี รสสาหร่ายทะเล  และ รสชาติที่ไม่ซ้ำใครอย่างรสบาร์บีคิว 

ด้าน นายอนุรักษ์ อากาวัล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์บิสกิต บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  การเปิดตัว ริทซ์ แครกเกอร์ รูปแบบใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบผลิตภัณฑ์พร้อมด้วยนวัตกรรมที่ดีที่สุด  ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในประเทศไทย  และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ ริทซ์ได้เข้ามาสู่กลุ่มตลาดแครกเกอร์แบบมีรสชาติ (flavored cracker)  ซึ่งเป็นที่มาของการเติบโตของตลาดแครกเกอร์ทั้งหมดในปัจจุบัน 

สำหรับกลยุทธ์ที่บริษัท มอนเดลีช ฯ จะนำมาช่วยสร้างการรับรู้ให้กับ ริทซ์ แครกเกอร์ รูปแบบใหม่  มีด้วยการ 3 กลยุทธ์หลัก  คือ 1. การสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ในผลิตภัณฑ์ ด้วยการสื่อสารว่า ริทซ์ แครกเกอร์ รูปแบบใหม่ เป็นขนมแครกเกอร์ที่รับประทานได้ทุกช่วงเวลา สะดวก อร่อย และเพิ่มสารอาหารที่มีประโยชน์ โดยมีวางจำหน่ายใน 3 รสชาติ ได้แก่ รสข้าวสาลี รสสาหร่ายทะเล และรสชาติเฉพาะตัวอย่างรสบาร์บีคิว

กลยุทธ์ที่ 2 คือ การเข้าถึงผู้บริโภคทุกช่องทางที่เป็นไปได้ ริทซ์จะใช้ทั้งสื่อออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งรวมถึงโฆษณาโทรทัศน์ และสื่อ ณ จุดจำหน่ายในแคมเปญการสื่อสาร นอกจากนี้ เฟซบุ๊กยังจะมีบทบาทสำคัญจากการเป็นช่องทางดิจิทัลหลักที่ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายหลักได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  และกลยุทธ์ที่ 3 คือ  การกระตุ้นยอดขายด้วยกิจกรรมส่งเสริมการทดลองผลิตภัณฑ์ การจัดวางผลิตภัณฑ์ ณ ร้านค้าปลีกที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนและโดดเด่น รวมถึงการแจกผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสได้ลิ้มลอง ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

จากแนวทางการทำตลาดดังกล่าว บริษัท มอนเดลีชฯ  เชื่อมั่นว่าความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ริทซ์  ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายของรสชาติ ไส้แครกเกอร์ที่มีวางขายอยู่ในปัจจุบันอย่าง รสดั้งเดิม รสชีส และ รสมะนาว ไปจนถึงการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับรสชาติใหม่ 3 รสชาติในแพ็กเกจรูปแบบใหม่ พร้อมแคมเปญการตลาดที่ครอบคลุม จะช่วยยกระดับความสำเร็จของริทซ์ในประเทศไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ 

นอกจากนี้  ยังมั่นใจว่าการออกมาทำตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์ริทซ์  จะช่วยผลักดันการเติบโตของตลาดบิสกิตกลุ่มแครกเกอร์โดยรวมให้มีการขยายดีขึ้น  จากความมุ่งมั่นเหล่านี้ ทำให้บริษัท มอนเดลีชฯ มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันให้แบรนด์ริทซ์  มีส่วนแบ่งการตลาดขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในตลาดบิสกิตกลุ่มแครกเกอร์ สำหรับธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรดในประเทศไทย ภายในปี 2562 ได้อย่างแน่นอน