การตลาด
สกู๊ป 'กลุ่มเซ็นทรัล' เปิดเกมรุกอาเซียนกางแผน 5 ปีกวาดรายได้ 8 แสนล้าน


หลังจากแนวโน้มเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ก็ออกมาประกาศแผนเชิงรุกระยะยาว 5 ปีทันที  เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่กำลังจะเติบโตเพิ่มขึ้น  ซึ่งแนวทางธุรกิจที่จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษในอีก 5 ปีนับจากนี้(2561-2565) กลุ่มเซ็นทรัลจะให้ความสำคัญทั้งการขยายธุรกิจตลาดในประเทศและต่างประเทศ  เพื่อผลักดันรายได้ในอีก 5 ปีทะลุ 8 แลนล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 3.8  แสนล้านบาท

 

  

สำหรับตลาดต่างประเทศภูมิภาคที่จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษนับจากนี้ คือ อาเซียน เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 5%  เช่นเดียวกับปี 2560 ที่ผ่านมา  ซึ่งอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียนมีการขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 5%  และในปี 2561 นี้คาดว่าจะมีการขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 5.1% 

 

ทั้งนี้  ในส่วนของประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงสุด คือ พม่า  โดยในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีเศรษฐกิจขยายตัวสูงถึง 8% สูงกว่าปี 2560 ที่เติบโตเพียง 7% ตามด้วยกัมพูชาเติบโตที่ 7.1% เท่ากับปี 2560  ลาวเติบโตที่ 7% สูงกว่าปี 2560 ที่เติบโต 6.9% ฟิลิปปินส์ เติบโตที่ 6.7% สูงกว่าปี 2560 ที่เติบโต 6.5% เวียดนามเติบโตที่ 6.5% สูงกว่าปี 2560 ที่เติบโต 6.3% มาเลเซียเติบโตที่ 5.4% เท่ากับปี 2560 อินโดนีเซียเติบโตที่ 5.3% สูงกว่าปี 2560 ที่เติบโต 5.1% และไทยคาดว่าจะเติบโตที่ประมาณ 3.6% สูงกว่าปี 2560 ที่เติบโต 3.5%

จากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว กลุ่มเซ็นทรัลเลยจะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน โดยประเทศที่เริ่มเข้าไปทำธุรกิจแล้ว  และกำลังจะเดินหน้าต่อ คือ เวียดนาม  เนื่องจากเป็นประเทศที่มีประชากรมากกว่า 90 ล้านคน นอกจากนี้ ยังเป็นประเทศที่กำลังซื้อดี  มีประชากรคนรุ่นใหม่จำนวนมาก จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้น

 

 

อย่างไรก็ดี หลังจาก กลุ่มเซ็นทรัล  เข้าไปทำธุรกิจในประเทศเวียดนามมาเป็นระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2556-2560) กลุ่มเซ็นทรัล มียอดขายในประเทศเวียดนามเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ  340%  จากการเข้าไปลงทุนใน 5 ธุรกิจสำคัญ ได้แก่ ธุรกิจศูนย์การค้า 31 แห่ง  ภายใต้แบรนด์  บิ๊กซี  ธุรกิจอาหาร 59 แห่ง  ภายใต้แบรนด์ บิ๊กซี และลานชีมาร์ท  ธุรกิจแฟชั่น 49 แห่ง ภายใต้แบรนด์ โรบินส์, เดลาลา, ซูเปอร์สปอร์ต และ มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์  ธุรกิจฮาร์ดไลน์ 78 แห่ง ภายใต้แบรนด์ เหงียนคิม  และบีทูเอส  ธุรกิจออนไลน์  3  แพลตฟอร์ม   ภายใต้ เว็บไซต์ NguyenKim.vn, Robins.vn และ B2S.com.vn

ปัจจุบัน กลุ่มเซ็นทรัล มีห้างร้านกระจายอยู่ทั่วประเทศเวียดนามรวมทั้งสิ้น  217  ร้าน ครอบคลุมพื้นที่กว่า  7 แสน ตรม. ใน 37 จังหวัด โดยตั้งเป้าในอีก 5 ปีข้างหน้า (2565) คาดว่าจะมีร้านค้าทั้งหมดเปิดให้บริการรวมกว่า 753 ร้าน ครอบคลุมพื้นที่กว่า  2.5 ล้านตรม. ใน 57 จังหวัดทั่วประเทศ

นอกจากนี้  ในปีนี้ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปในตลาดอาเซียนอีก 1 แห่งในช่วงไตรมาส 4 คือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ไอซิตี้ ศูนย์การค้าแห่งแรกของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) หรือซีพีเอ็น  ในประเทศมาเลเซีย  ถือเป็นโครงการนำร่องของซีพีเอ็น ในก้าวแรกของการรุกตลาดต่างประเทศ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการค้าปลีกระดับภูมิภาค และการมีพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น  เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ และประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศที่เราบุกเบิกได้อย่างแท้จริง

สำหรับจุดเด่นของโครงการเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ นั้น จะเป็นศูนย์การค้าแบบ ไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ที่ดีที่สุดในเมืองกลัง และชาห์อลัม ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากกัวลาลัมเปอร์ เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ แห่งนี้จะช่วยเสริมความโดดเด่นด้านไลฟ์สไตล์ให้กับโครงการไอ-ซิตี้ อัลตร้าโพลิส ด้วยนวัตกรรมและประสบการณ์ที่แปลกใหม่ระดับเวิลด์คลาสภายหลังจากใช้งบลงทุนไปไม่ต่ำกว่า 8,500 ล้านบาทในการก่อสร้าง

ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจประเทศไทย กลุ่มเซ็นทรัล จะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยในส่วนของตลาดต่างจังหวัดจะเน้นไปที่ภูมิภาคที่มีศักยภาพ  โดยเฉพาะภาคตะวันออก เนื่องจาก โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี ของภาครัฐเริ่มเห็นเป็นรูปธรรม

ขณะที่ตลาดในกรุงเทพฯ กลุ่มเซ็นทรัล มี 2 โครงการใหญ่ที่อยู่ระหว่างการศึกษาและรอการพัฒนา คือ โครงการมิกซ์ยูสบนถนนสีลม-พระราม 4 ที่จะพัฒนาร่วมกับกลุ่มดุสิตธานี  และโครงการมิกซ์ยูส ที่จะทำการพัฒนาบริเวณสถานฑูตอังกฤษ  ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีพื้นที่รอการพัฒนาแปลงละประมาณ 23 ไร่

 

 

 นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า  โครงการมิกซ์ยูสที่สถานฑูตอังกฤษ และบนถนนสีลม-พระราม 4 คาดว่าจะใช้งบลงทุนอยู่ที่โครงการละประมาณ 25,000 ล้านบาท  ไม่นับรวมงบลงทุนที่บริษัทได้เตรียมไว้ในปีนี้ที่ประมาณ  47,500 ล้านบาท  และในอีก 5 ปีที่คาดว่าจะใช้งบลงทุนเฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 30,000-40,000 ล้านบาท  ซึ่งหลังจากบริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจในเครืออย่างต่อเนื่องคาดว่าสิ้นปี 2561 นี้จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 397,308 ล้านบาท  หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 14%  เมื่อเทียบกับปี 2560

ปัจจัยที่ทำให้ กลุ่มเซ็นทรัล มั่นใจว่าปีนี้น่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 14% นั้น นอกจากจะได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวแล้ว  การลงทุนขยายธุรกิจที่ทำไปก่อนหน้านี้ที่จะเริ่มเห็นในปีนี้ก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าในยุโรป  หรือในประเทศหลังจากปี 2560 ที่ผ่านมาพลาดเป้าไปเล็กน้อย


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 มี.ค. 2561 เวลา : 12:35:52
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 4:26 pm