นอกจากธุรกิจเครื่องดื่มจะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในช่วงหน้าร้อนแล้ว ในส่วนของธุรกิจค้าปลีกก็มีการแข่งขันที่รุนแรงเช่นกัน เห็นได้จากการที่ห้างค้าปลีกแต่ละแห่งออกมาเปิดตัวแคมเปญส่งเสริมการขายกันอย่างคึกคัก เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงหน้าร้อนหรือซัมเมอร์  ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหน้าการขายสินค้า เพราะเป็นช่วงปิดเทอมและหน้าการท่องเที่ยว

ปัจจัยที่ทำให้ห้างค้าปลีกกล้าที่จะออกมาใช้งบการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงซัมเมอร์นี้ หลักๆ น่าจะมาจาก ภาพรวมเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาส่งสัญญาณสดใสมาอย่างต่อเนื่อง  ส่งผลให้การเติบโตของดัชนีค้าปลีกมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3.8 – 4%  ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศและการส่งออก  จึงทำให้บรรยากาศโดยรวมของประเทศเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อก้าวเข้าสู่หน้าร้อน 

นางรัตนา อนันทนุพงศ์  ผู้อำนวยการด้านการตลาดศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ กล่าวว่า  ช่วงซัมเมอร์เป็นช่วงเวลาหนึ่งของการช้อปปิ้งที่มีแข่งขันดุเดือด เนื่องจากร้านค้าต่างๆ ผลัดกันออกคอลเลคชั่นสินค้าใหม่ทั้งเสื้อผ้า และอาหารเพื่อมาสร้างสีสันเรียกกำลังซื้อ ทั้งยังมีการจัดแคมเปญรับลมร้อนมากมาย ประกอบกับเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน รวมถึงเป็นช่วงปิดภาคเรียน  ซึ่งเป็นฤดูกาลเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นกลุ่มครอบครัว ผู้ปกครองพาบุตรหลานมาหลบร้อนใช้ชีวิตในศูนย์การค้าซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคต่างๆ

ดังนั้น ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค จึงได้เตรียมกิจกรรมต่างๆ ไว้รองรับ เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งลูกค้าและร้านค้าโดยได้ใช้งบประมาณ 60 ล้านบาท จัดกิจกรรมกว่า 50 งาน ทั้งบิ๊กอีเวนต์และรายการส่งเสริมการขายต่อเนื่องตลอดซัมเมอร์ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค.-พ.ค. นี้  เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย

สำหรับไฮไลต์ของการจัดงานจะอยู่ในช่วงวันสงกรานต์ ด้วยการออกมาจัดแคมเปญ  Zanook Fest ระหว่างวันที่ 13 - 15 เม.ย.  หลังจากนั้นจะต่อด้วยงาน  Future Park Junior Talent Award 2018  เพื่อต้อนรับปิดเทอม ในวันที่ 20 เม.ย.– 2 พ.ค.  ต่อด้วยงาน  Food Fever  : Fin ทุกวีค Peak ทุกสัปดาห์  ในวันที่ 29 เม.ย. – 23 ธ.ค.  และงาน Grand Splendor ลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ทั้งศูนย์การค้าฯ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. – 31 ก.ค. ซึ่งจากกิจกรรมที่จะจัดขึ้นดังกล่าวศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค  และสเปลล์  คาดว่าจะช่วยกระตุ้นความสนใจให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นจากปกติไม่ต่ำกว่า 7 % ในส่วนของ เดอะมอลล์ ก็ออกมาใช้กลยุทธ์ Digital Marketing Platform เพื่อตอบโจทย์กับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุค 4.0  ด้วยการเพิ่มสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

น.ส.วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด เดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัดกล่าวว่า กลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับซัมเมอร์ปีนี้  บริษัทจะเน้นการทำตลาดผ่านทางกลยุทธ์ Digital Marketing Platformเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุค 4.0 ที่สามารถเข้าถึงสินค้า บริการอย่างรวดเร็วได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งปัจจุบัน การสร้างความแตกต่าง การทำโปรโมชั่นพิเศษอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากผู้บริโภคต้องการความแปลกใหม่ด้านประสบการณ์มากขึ้น

นอกจากนี้ ยังใช้กลยุทธ์ Unique Customer Experience เพื่อสร้างการจดจำในแบรนด์และอยากมาใช้บริการอย่างต่อเนื่องนำเสนอสินค้า บริการ โปรโมชั่นโดย Personalized Offers ให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมทั้งแชร์ประสบการณ์ความประทับใจผ่านทางสื่อออนไลน์ Facebook , Instagram และโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น  การทำกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าร่วมเดินแฟชั่นโชว์คอลเลคชั่นซัมเมอร์จากแบรนด์ดังต่างๆ โดยคัดเลือกลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์   เป็นต้น

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ เดอะมอลล์ ให้ความสำคัญ คือ Consumer Engagement  ด้วยการสร้าง engagement ผ่านสินค้าและบริการกับลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่องในทุกมิติทั้งออนไลน์และออฟไลน์  โดยเฉพาะเน้นการทำ CRM กับกลุ่มลูกค้าสมาชิกบัตร M Card ที่ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวนกว่า 3.8 ล้านคน  ซึ่งช่วงที่มีการทำแคมเปญดังกล่าวคาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นจากปกติ 10%

ด้าน นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน)หรือ ซีพีเอ็น กล่าวว่า  ช่วงซัมเมอร์ของทุกปีถือเป็นช่วงที่ตลาดมีสีสันมากที่สุด ด้วย PRODUCT VARIETY อย่าง SUMMER MENU & FASHION COLLECTION ลูกค้าจะอยากออกจากบ้านมาหลบร้อน อัพเดทเทรนด์ หรือเลือกซื้อสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อเตรียมตัวไปเที่ยวในช่วงหน้าร้อนและเทศกาลสงกรานต์กันอย่างคึกคัก ซึ่งในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทได้เพิ่มความพิเศษกว่าเดิม ด้วยการมุ่งเน้นการเพิ่มความพึงพอใจและการมีส่วนร่วมของลูกค้าผ่านกลยุทธ์ MICRO LOCATION + MICRO MOMENT เพิ่มแพลตฟอร์มในการสื่อสารกับลูกค้าให้รวดเร็วและสื่อสารโปรโมชั่นให้เจาะจงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่มากขึ้น

บริการดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกของธุรกิจศูนย์การค้าที่ดึง QR CODE มาเป็นเครื่องมือสำคัญที่สื่อสารแบบ INTEGRATED ข้อมูลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสินค้า SUMMER NEW COLLECTION หรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ สินค้าลดราคาพิเศษ, สินค้าLIMITED EDITION โดยเมื่อลูกค้าสแกน SUMMER QR สีสันสดใสที่กระจายอยู่ทั่วทุกศูนย์ฯ ก็จะได้พบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนอัพเดททุกวัน

นายณัฐกิตติ์ กล่าวต่อว่า  จากกิจกรรมและบริการต่างๆ ที่บริษัทได้จัดขึ้น  คาดว่าจะสามารถดึงทราฟฟิกเพิ่มขึ้นได้ถึง20% และมียอดใช้จ่ายโดยเฉพาะในธุรกิจร้านอาหาร สินค้าแฟชั่นและอุปกรณ์ไอทีจะเพิ่มขึ้นกว่า 10% จากช่วงเวลาปกติ