คืบหน้าไปมากพอสมควรสำหรับโครงการไอคอนสยาม หลังจากบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผนึกกำลังกับ MQDC แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ใช้งบก้อนโตสูงถึง 54,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ซึ่งทั้ง 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างหมายมั่นปั้นมือว่าจะให้โครงการดังกล่าวเป็นอภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคต สัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
แม้ว่าที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวจะมีความล่าช้าในการก่อสร้างไปบ้าง แต่ปลายปีนี้ในส่วนของพื้นที่ค้าปลีกบริษัท สยามพิวรรธน์ มั่นใจว่าพื้นที่ให้บริการจะก่อสร้างแล้วเสร็จอย่างแน่นอนในช่วงปลายปีนี้ และหนึ่งในพื้นที่ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์และจะเปิดให้บริการอย่างแน่นอน คือ การเปิดตัว ‘สุขสยาม’ หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของไอคอนสยาม ซึ่งบริษัทสยามพิวรรธน์ ได้ใช้งบลงทุนไปประมาณ 700 ล้านบาท
นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารโครงการไอคอนสยาม กล่าวว่า บริษัทได้จัดสรรพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 10 ไร่ บนชั้นล่างสุด (หรือชั้น G) ของไอคอนสยาม ให้เป็นเมืองมหัศจรรย์แห่งวิถีไทย ซึ่งใช้ชื่อว่า ‘สุขสยาม’ นำเสนอผลิตภัณฑ์และผลงานสร้างสรรค์จากภูมิปัญญาไทย งานศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีและวิถีชีวิตดั้งเดิมของแท้จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยไว้ในพื้นที่เดียวกัน โดยนำเสนอในรูปแบบใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ บันเทิงสร้างสรรค์ เข้าใจและเข้าถึงได้ ให้ความรู้สึกกลมกลืนเหมือนอยู่ในสถานที่จริง
ในส่วนของพื้นที่ ‘สุขสยาม’ จะประกอบไปด้วยร้านค้าและบริการหลากหลายมากกว่า 3,000 ผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งทุกร้านจะมีเอกลักษณ์และมีชื่อเสียงจากท้องถิ่นต่างๆ ของประเทศไทย ผ่านการนำเสนอในบรรยากาศแวดล้อมที่สะท้อนรูปแบบวิถีชีวิตพื้นบ้านอันงดงามในแต่ละภูมิภาค เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาสัมผัสอัตลักษณ์แห่งความเป็นไทยได้ในที่เดียว
นางชฎาทิพ กล่าวต่อว่า บรรยากาศภายใน ‘สุขสยาม’ ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงมั่นใจว่า ‘สุขสยาม’ จะแตกต่างจากบริการในศูนย์การค้าทั่วไป เพราะบริษัทจะนำเสนอความเป็นของแท้และต้นตำรับดั้งเดิมของความเป็นไทย
ดังนั้น ร้านค้าใน ‘สุขสยาม’ จะเป็นร้านค้าท้องถิ่นมีอยู่จริงในหมู่บ้านหรือในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย เป็นกิจการค้าขาย ของครอบครัวที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ มีชื่อเสียงอยู่ในท้องถิ่นต่างๆ หรือเป็นร้านค้าที่มีเรื่องราวพิเศษ เป็นรากที่หยั่งลึกแข็งแรงของชุมชนท้องถิ่น เพียงแต่กิจการร้านค้าเหล่านั้น ยังไม่มีโอกาสได้นำเสนอคุณค่าของภูมิปัญญาและคุณภาพของสินค้าอันน่าภาคภูมิใจ ให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศและระดับโลก
ทั้งนี้ เพื่อให้ ‘สุขสยาม’ มีความสมบูรณ์แบบ บริษัท สยามพิวรรธน์ จึงได้มีการดึงนางลักขณา นะวิโรจน์ ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องในฐานะผู้เชี่ยวชาญในการเลือกสรรสุดยอดสินค้าและอาหารที่ดีที่สุดของแท้ต้นตำรับจากทั่วประเทศไทย และเป็นนักพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นมากว่า 30 ปี มาทำหน้าที่บริหารพื้นที่ดังกล่าว
นอกจากการช่วยให้ยอดฝีมือคนไทยได้มีพื้นที่นำเสนอผลงานแล้ว อีกจุดมุ่งหมายที่บริษัท สยามพิวรรธน์ จะเดินไป คือ การช่วยอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของไทย และวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของไทยที่กำลังจะเสื่อมสลายไปอย่างรวดเร็ว ช่วยสืบสานและส่งต่อให้คงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน โดย ‘สุขสยาม’ จะเป็นเวทีที่สร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจในโลกปัจจุบันและแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่อยากจะสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับมาจากบรรพบุรุษให้ดำรงอยู่ต่อไปและสร้างให้เป็นร้านค้าหรือกิจการที่ใหญ่ขึ้น ด้วยการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยเหลือ
ที่ผ่านมาบุคคลเหล่านี้ไม่มีโอกาสในการขยับขยายธุรกิจ หรือไม่ได้เข้ามาอยู่ในระบบนิเวศทางการค้า (commercial ecosystem) ที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากไม่มีผู้สนใจสนับสนุนผลงานของศิลปินและช่างฝีมือเหล่านี้ ส่งผลให้ทายาทรุ่นต่อไปเริ่มละทิ้งอาชีพดั้งเดิม แล้วหันไปทำอาชีพอื่น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวสุดท้ายแล้ว มรดกทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ไทยที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปีจะสูญหายไปอย่างถาวร ด้วยเหตุนี้ บริษัท สยามพิวรรธน์ จึงเล็งเห็นโอกาส ด้วยการทำให้ ‘สุขสยาม’ กลายเป็นศูนย์กลางที่รวบรวมองค์ความรู้ในทุกมิติของประเทศไทย (Knowledge Hub) ทั้งอาหาร เวชศาสตร์ ศิลปะ ประเพณี วัฒนธรรม หัตถกรรม ที่ครบครันที่สุดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
นางชฎาทิพ กล่าวว่า ‘สุขสยาม’ ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของคอนเซ็ปต์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘Co-Creation’ หรือการร่วมกันรังสรรค์ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไอคอนสยามซึ่งบริหารงานโดยสยามพิวรรธน์ ยึดถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาและออกแบบไอคอนสยามทั้งโครงการ เพราะคนที่เกี่ยวข้องกับไอคอนสยาม ไม่ว่าจะสถาปนิก มัณฑนากร นักวิชาการ และศิลปินแขนงต่างๆ ทั่วประเทศไทย ได้เข้ามามีส่วนร่วมคิด ร่วมวางแผน แลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกันทำงานตั้งแต่กระบวนการออกแบบและการพัฒนาโครงการตลอดระยะ 4 ปีที่ผ่านมา จนเรียกได้ว่าไอคอนสยามถูกเนรมิตขึ้นจากความร่วมมือของผู้มีความรู้ความสามารถ
สำหรับ ‘สุขสยาม’ ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของแนวคิด ‘Co-Creation’ เพราะสิ่งพิเศษทั้งหมดที่จะถูกนำเสนอใน ‘สุขสยาม’ ล้วนเป็นแนวคิดใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์ของคนไทยผู้มีฝีมือทั้งสิ้น ด้วยการร่วมรังสรรค์กับเจ้าของกิจการร้านค้าและเจ้าของผลงานเหล่านี้
นอกจากนี้ บริษัท สยามพิวรรธน์ ยังทำหน้าที่เป็น ‘Curator’ คือ ‘ร่วมเลือกสรร’ สินค้าและบริการต่างๆ ที่จะนำเสนอ ณ ‘สุขสยาม’ ซึ่งมีวิธีการนำเสนอผลงานนั้นๆ ให้ออกมาน่าตื่นเต้นและดึงดูดใจ ผ่านการทำ Story Telling คือบอกเล่าเรื่องราวของภูมิปัญญาแต่ละเรื่องให้สะท้อนถึงคุณค่าของสินค้าและบริการนั้นๆ ได้อย่างน่าประทับใจ เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมีความสุขทุกมิติใน 7 สุข คือ สุขเสน่ห์ สุขแซ่บ สุขสนุก สุขสร้างสรรค์ สุขสัมพันธ์ สุขสืบสาน และสุขสมหวัง
นางชฎาทิพ กล่าวอีกว่า ในส่วนของภาพรวมการก่อสร้างศูนย์การค้าไอคอนสยามตอนนี้ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก บริษัทมั่นใจว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 ได้อย่างแน่นอน โดยขณะนี้พื้นที่เช่าได้ถูกส่งมอบให้กับบรรดาผู้เช่า เพื่อให้เข้ามาเริ่มทำการตกแต่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้มาเยี่ยมเยือนโครงการไอคอนสยามได้ปีละไม่ต่ำกว่า 21.9 ล้านคน
ข่าวเด่น