การตลาด
สกู๊ป 'พีเอฟพี' เปิดเกมรุก 360 องศาหวังดันรายได้สิ้นปีโตเข้าเป้า 11%


จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปของไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ เพราะนอกจากจะจำหน่ายในตลาดต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นแล้ว ในส่วนของตลาดต่างประเทศก็ปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าง ส่งผลให้กลุ่มบริษัท พีเอฟพี มีแผนที่จะขยายธุรกิจส่งออก และขยายฐานลูกค้าในประเทศให้กว้างขึ้น  ด้วยการให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดำเนินธุรกิจ เริ่มจากการใช้งบ 200 ล้านบาท ลงทุนขยายโรงงาน  ควบคู่ไปกับการปรับปรุงเครื่องจักร

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะทำการตลาดในรูปแบบออนไลน์  ด้วยการใช้สื่อออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ เข้ามาช่วยในการทำตลาด และทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย  เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น 

 

 

 

นายธวัชชัย รัตนะพิสิฐ กรรมการบริหารกลุ่มบริษัท พีเอฟพี กล่าวว่า ในส่วนของแผนการทำตลาดต่างประเทศในปีนี้  บริษัทจะเดินหน้าขยายฐานลูกค้าและช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น ด้วยการนำผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งและอาหารพร้อมทานเข้าไปทำตลาดมากขึ้น  ซึ่งตลาดที่จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษในปีนี้  คือ ประเทศจีน และยุโรป  เนื่องจากตลาดดังกล่าวยังมีช่องว่างให้บริษัทส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดได้อีกมาก

ส่วนตลาดในประเทศ พีเอฟพี จะใช้แนวคิด เข้าใจ ใกล้ชิด มอบสิ่งดี  เป็นกลยุทธ์หลักในการทำตลาด ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจในรูปแบบดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง  ด้วยการจัดแคมเปญการตลาดออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายให้มีความเข้าใจถึงการสร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นด้านไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่เน้นความสะดวกสบายแบบสินค้าพร้อมทาน ความง่ายในการหาซื้อด้วยช่องทางจำหน่ายที่หลากหลายและมากขึ้น เช่น  ก้ามปูหิมะของพีเอฟพี ที่วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น 

 

นอกจากผลิตภัณฑ์ที่รสชาติดีและสะดวกต่อการทานแล้ว พีเอฟพี  ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าที่ต้องมีประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงรูปแบบของการเข้าถึงผู้บริโภคจะต้องเป็นไปแบบตรงใจและเหมาะสมตามกลุ่มเป้าหมายใกล้ชิด ด้วยการขยายช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์ โมเดิร์นเทรด รวมถึงการเพิ่มสาขาพีเอฟพีช้อปจากปัจจุบันมี 9 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลมากขึ้น

นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่บริษัทจะให้ความสำคัญ คือ การมอบสิ่งที่ดี ด้วยวัตถุดิบที่มีคุณภาพ กระบวนการผลิตและเทคโนโลยีที่ทันสมัย บุคลากร ตลอดจนหน่วยงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่ร่วมกันพัฒนาเพื่อให้พีเอฟพีเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการ ทั้งเรื่องรสชาติและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ทุกเพศ ทุกวัย

.. ปิยกาญจน์ ปิยะพัฒนา กรรมการบริหารกลุ่มบริษัท พีเอฟพี กล่าวเสริมว่า ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เข้าสู่ยุค 4.0 ซึ่งเป็นการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทไลฟ์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มคนเมืองที่นิยมใช้เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย ซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค รวมถึงบริการต่างๆผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้บริษัทต้องปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเมื่อเดือนเม..ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัว PFP TASTY SHOP ซึ่งเป็นร้านค้าออนไลน์ ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของพีเอฟพี

สำหรับสินค้าที่นำมาจำหน่ายใน PFP TASTY SHOP  เบื้องต้นจะเน้นไปที่สินค้าในกลุ่มพร้อมทาน (Ready to Eat)  เช่น แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลา พะโล้เต้าหู้ปลา ต้มยำซีฟู้ดส์ ผัดกะเพราปลา และคั่วกลิ้งปลา  ซึ่งช่องทางออนไลน์หลักที่ พีเอฟพี เลือกเป็นช่องทางขาย คือ แอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก(Facebook) อินสตาแกรม(Instagram) LINE@(ไลน์แอด)  และลาซาด้า(Lazada) 

เหตุผลที่ทำให้ พีเอฟ เลือกใช้ช่องทางดังกล่าวในการทำตลาด เพราะกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ ให้ความสนใจในสื่อดังกล่าว เนื่องจากมีความสะดวกและรวดเร็วโดนใจคนรุ่นใหม่

 

 

อย่างไรก็ดี เพื่ออุ่นเครื่องก่อนเปิดเกมรุกอย่างจริงจังทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ พีเอฟพี ได้ทำการอุ่นเครื่องทำการตลาดผ่านงาน THAIFEX 2018 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 .. – 2 มิ.. นี้ ด้วยการเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งในกลุ่มอาหารแช่แข็ง ได้แก่ ห่อหมกปลา แกงกะหรี่ลูกชิ้นปลา โครเก้ต์ปลารสชาติใหม่ กลุ่มอาหารพร้อมทานที่มีปลาทูต้มหวานเป็นไฮไลท์ เมนูพื้นบ้านรสชาติไทยแท้ ด้วยปลาทูตัวใหญ่ก้างนิ่ม ทานง่าย เหมาะสำหรับคนทุกวัยเข้ามาทำตลาด

นอกจากนี้  ยังได้มีการแตกไลน์กลุ่มสินค้าของหวาน ธัญพืชห้าสีในน้ำตาลจากดอกมะพร้าว ที่มีคุณประโยชน์จากถั่ว 5 ชนิด ได้แก่ ถั่วขาว ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเขียว และลูกเดือย เข้ามาทำตลาด เพื่อให้สินค้ามีความครบวงจรครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า โดยในเดือนมิ..นี้ พีเอฟพี  จะนำปลาทูต้มหวานเข้าจำหน่ายใน PFP TASTY SHOP พร้อมกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ว่าจะเพิ่มการจำหน่ายให้ครบภายในสิ้นปีนี้

จากแผนการดำเนินธุรกิจดังกล่าวที่ พีเอฟพี ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะตลาดในต่างประเทศ เนื่องจากสินค้าที่นำเข้าไปทำตลาดได้ผลการตอบรับที่ดีโดยเฉพาะตลาดเอเชีย

 

 

นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท พีเอฟพี กล่าวว่า ภาพรวมผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาถือว่าดีเกินเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะตลาดเอเชีย และกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทไม่สามารถผลิตสินค้าได้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในประเทศดังกล่าว  

แนวโน้มที่ดีดังกล่าว ทำให้ พีเอฟพี คาดหวังว่าสิ้นปี 2561 นี้น่าจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 5,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11% จากปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นรายได้จากการส่งออก 1,300 ล้านบาท เติบโต 14% และตลาดในประเทศ 3,700 ล้านบาท เติบโต 10% โดยปัจจุบัน พีเอฟพี มีส่วนแบ่งตลาดที่ 25% ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ พีเอฟพี  ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี หลักๆ น่าจะมาจากการพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย ขณะเดียวกันก็มีการควบคุมคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานตรงกับความต้องการของลูกค้า เห็นได้จากปัจจุบันนอกจากกลุ่มสินค้าประเภทอาหารคาวแล้วยังมีกลุ่มสินค้าอาหารหวานไว้คอยจำหน่าย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 พ.ค. 2561 เวลา : 13:13:29
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 3:22 pm