การตลาด
สกู๊ป 'ซีพีเอ็น' ชูกลยุทธ์ Co-Create จากช้อปปิ้งเซ็นเตอร์สู่ Center of Life


ในยุค Digital Disruption ที่เกิดขึ้นทั่วโลกขณะนี้  ทำให้หลายธุรกิจต้องปรับตัว เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น  ซึ่งหนึ่งในบริษัทที่ออกมาปรับตัวในครั้งนี้ คือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) หรือซีพีเอ็น  โดยล่าสุดได้ออกมาเปิดตัววิสัยทัศน์ใหม่ 5 ปีต่อจากนี้ ภายใต้แนวคิด  “Co-Create Center of Life” เพื่อพาธุรกิจศูนย์การค้าเป็นศูนย์กลางที่ทุกคนมาใช้ชีวิตอย่างแท้จริง

จิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่ ซีพีเอ็น ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือ พันธมิตรธุรกิจ คู่ค้า และพาร์ทเนอร์  โดย ซีพีเอ็น จะผนึกกำลังกับพันธมิตรกันกล่าว  เพื่อร่วมกัน Co-Create สิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นจริงสู่ความสำเร็จในธุรกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ (1) Co-Creating Destination Concepts, (2) Co-Creating Digital Platform ที่ทำให้เกิด Seamless Experience และ (3) Co-Creating Partnerships”

 

 

นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การปรับตัวครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายของบริษัท  ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้บริษัทสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับลูกค้าเหมือนที่เคยทำมาตลอดระยะเวลา 38 ปี ซึ่งจากแผนการดำเนินงานดังกล่าว บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจจากการเป็นช้อปปิ้งเซ็นเตอร์สู่การเป็นเซ็นเตอร์ ออฟ ไลฟ์ ได้อย่างแน่นอนภายใน 5 ปีนับจากนี้

สำหรับ 3 กลยุทธ์หลักที่ ซีพีเอ็น นำมาเป็นกลยุทธ์หลักในการทำตลาดนับจากนี้อีก 5 ปี มีรายละเอียดดังนี้  1. Co-Creating Destination Concepts  คือ การทำให้ศูนย์การค้าเราเป็น Destination โดยการปรับพื้นที่เชื่อมโยงกับลูกค้าเพื่อดึงดูดกลุ่มคนที่มีความชอบคล้ายๆ กัน และจัดกลุ่มสินค้าและบริการที่ segment ตามไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ โดยจะเริ่มนำร่องด้วย 5 Destination Concepts ได้แก่

1. ‘Family Destination’ ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ที่กลับมาหาความเชื่อมโยงกันมากขึ้น สามารถให้คนทุก Generation มาร่วมกันใช้ชีวิตตามความสนใจ 

 2. ‘Food Destination’ ตอบโจทย์ทุกวัตถุประสงค์เกี่ยวกับอาหาร ครบครันด้วย Supermarket และร้านอาหารทุกรูปแบบ 

3. ‘Fashion Destination’ ศูนย์รวมสินค้าแฟชั่น พร้อมกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจ นำเสนอเทรนด์ใหม่ๆ ให้ได้สัมผัสและน่าค้นหาอยู่ตลอดเวลา 

4. ‘Co-Working Destination’ เป็นพื้นที่สำหรับความคิดสร้างสรรค์ แบ่งปันไอเดีย 

และ 5. ‘Sport Destination’ พื้นที่ของคนที่รักสุขภาพ ชอบการออกกำลังกาย รวมไปถึงสาย Sport Fashion ทั้งไลฟ์สไตล์แบบ Sport Geek, Sport Chic และ Sporty Connector  

กลยุทธ์ที่ 2 คือ Co-Creating Digital Platform ที่แข็งแกร่ง เชื่อมประสบการณ์ไร้รอยต่อหรือ Seamless Experience ใน 3 แนวทางคือ 

 

 

1 Real-Time Personalized Offer: โดยการใช้ Big Data เข้าถึงลูกค้ากว่า 12 ล้านคนจาก The 1 Card เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายสินค้าและบริการของคู่ค้าไปสู่ลูกค้าได้ โดยลูกค้าจะได้รับข้อมูลและโปรโมชั่นต่างๆ ตามความชอบ และความสนใจ 

2. Online Experience: เชื่อมมือถือของลูกค้าให้เข้าถึงบริการของผู้เช่าภายในศูนย์ฯ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วที่สุด เช่น การจองที่จอดรถล่วงหน้า จองคิวร้านอาหาร จองคิวร้านสปา หรือใช้บริการ Food Park โดยที่ไม่ต้องพกเงินสดอีกต่อไป

และ 3 Integrated Market Platform: จับมือกับ Central JD ที่จะเพิ่มช่องทางการขายให้ seamless ยิ่งขึ้น โดยคนที่ขายออนไลน์อยู่แล้วสามารถมาเปิด physical store ในศูนย์การค้ากับ ซีพีเอ็น ได้  

ส่วนกลยุทธ์ที่ 3 คือ Co-Creating Partnership ต้องอาศัยคามเชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยได้ร่วมทุนกับบริษัทที่มีชื่อเสียง เช่น I-Berhad สร้างศูนย์การค้าไอ-ซิตี้, ดุสิตธานี สร้าง Mix-Use Project ยิ่งใหญ่ใจกลางเมือง, และ IKEA เสริมแกร่งความเป็น Super Regional Mall ของเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต รวมไปถึงการร่วมกับพาร์ทเนอร์ร้านค้าผู้เช่า เพื่อสร้าง Business Initiative ใหม่ๆ เช่น Co-Working Space ใน Café Amazon, พื้นที่ Think Space ภายในร้าน B2S และ Starbucks สาขาใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ CentralWorld รวมไปถึง การทดลองตลาดใหม่ด้วย Pop-up Store ตามสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ และการทำ Marketing Campaign ต่างๆ

 

 

นอกจากนี้ ซีพีเอ็น ยังได้เตรียมแผนการสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ ด้วยการเตรียมงบลงทุนสูงถึง 1 แสนล้านบาท ขยายธุรกิจภายใน 5 ปีนับจากนี้ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้าง ‘The New Landscape’ ของวงการรีเทล และตอกย้ำการเป็น Global Player  โดยในปีนี้ ซีพีเอ็น  มีไฮไลท์ 5 โครงการสำคัญที่จะทำให้การ ‘Co-Create Center of Life’ เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่  เซ็นทรัลเวิลด์ โฉมใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Central to Your World ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนพ..นี้  โดยจะช่วยสะท้อนภาพ Co-Create Center of Life ที่ชัดเจน ทั้ง Destination Concept ที่หลากหลายที่สุด การสร้าง Digital Platform ที่จะเกิดขึ้นเป็นศูนย์แรกๆ และการสร้าง Business Initiative อีกมากมายร่วมกับร้านค้า

โครงการที่ 2 คือ เซ็นทรัล ภูเก็ต  ซึ่ง ซีพีเอ็น จะผลักดันให้เป็น A Global Must-Visit Destination ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ทั้งแบบ Luxury และ Leisure อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด พร้อม Attraction ระดับโลกที่ไม่เคยมีมาก่อน ได้แก่ไตรภูมิ ธีมปาร์ค รูปแบบใหม่ครั้งแรกของโลกที่จะสร้างประสบการณ์ผจญภัยแบบ 3D walkthrough และ ‘Aquaria’ ซึ่งจะเป็น อควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมด้วย Food Destination ที่ตอบโจทย์ทั้งคนภูเก็ตและนักท่องเที่ยวทั่วโลก

สำหรับโครงการที่ 3  คือ เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ โครงการศูนย์การค้าในต่างประเทศแห่งแรกของซีพีเอ็น ในโลเคชั่นศักยภาพสูงของมาเลเซีย ใกล้กัวลาลัมเปอร์ ตั้งอยู่ใน Mix-Use Project ขนาดใหญ่ที่ภาครัฐของมาเลเซียผลักดันให้เป็น Destination แห่งการท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบที่สุดของมาเลเซีย โครงการที่ 4 เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา ไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นแห่งใหม่ของอยุธยา ที่ผสมผสานเอกลักษณ์กลิ่นอายของจังหวัดอยุธยาเมืองมรดกโลกเข้ากับความร่วมสมัย โดยจะเป็นแลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดและศูนย์กลางการใช้ชีวิต และเป็นจุดแวะพักที่ดีที่สุด คาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2562

ปิดท้ายที่โครงการที่ 5  เซ็นทรัล วิลเลจ แพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดของซีพีเอ็นในรูปแบบลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทยเพื่อตอบรับกระแสการเป็นเมืองหลวงแห่งการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ ตอบรับเทรนด์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่รู้จักเลือกใช้สินค้า ซึ่งแพลตฟอร์มเอาท์เล็ตทั่วโลกมีการเติบโตอย่างมาก และเป็นสถานที่ must visit ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

จากแนวทางการทำธุรกิจดังกล่าว ซีพีเอ็น คาดว่าในอีก 5 ปีนับจากนี้จะต้องมีรายได้เติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 13% ส่วนรายได้ในสิ้นปี 2561 นี้ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 20% จากปี 2560 ที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 30,875 ล้านบาท  ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่มีรายได้ประมาณ 21,234 ล้านบาท 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 พ.ค. 2561 เวลา : 13:25:05
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 4:04 pm