แม้ว่าตลาดชูกำลังของไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมายังไม่มีแนวโน้มว่าจะกลับมาเติบโตเป็นบวก เนื่องจากภาพรวมกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมายหลักที่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มรากหญ้ายังไม่ฟื้นตัว แต่เครื่องดื่มคาราบาวแดงก็ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่เป้าหมายที่วางไว้ว่าภายในปี 2563 จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยให้ได้ จากปัจจุบันอยู่อันดับ 2 ด้วยการมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 25-26%  ขณะที่ผู้นำตลาดอย่างเอ็ม 150 มีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 40%  ซึ่งหากคาราบาวแดงสามารถขึ้นเป็นผู้นำตลาดได้ตามแผนธุรกิจที่วางไว้ ในช่วงเวลาดังกล่าว  คาราบาวแดง จะต้องมีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังไม่ต่ำกว่า 35%

จากเป้าหมายที่วางไว้ดังกล่าวทำให้ คาราบาวแดง ต้องออกมาปรับกลยุทธ์การทำตลาดให้มีความเข้มข้นมากขึ้น ด้วยการเอ็กซเรย์กลุ่มเป้าหมายและกลยุทธ์ที่จะนำไปทำการตลาดใหม่ทั้งหมด เพื่อให้การตลาดที่ทำไปเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างตรงจุด เริ่มจากการเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตัวแทนจำหน่ายระดับจังหวัดและอำเภอ รวมไปถึงการเพิ่มรายละเอียดการทำตลาดผ่านสาวบาวแดง

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ คาราบางแดง เลือกนำมาใช้ คือ การเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาเสริมทัพ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น และสินค้าที่เลือกนำเข้ามาทำตลาดในครั้งนี้ คือ การนำเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมจากประเทศอังกฤษอย่าง เครื่องดื่ม Energy Drink  “Carabao Can กลิ่น Green Apple” เข้ามาทำตลาด

นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า เพื่อตอกย้ำการเป็นสินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก บริษัทจึงขอสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอีกครั้ง  ด้วยการยกระดับแบรนด์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนในยุค 4.0  โดยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Carabao Can กลิ่น Green Apple“ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Don’t Say Can’t, Carabao CAN” เข้ามาทำตลาด

เหตุผลที่ทำให้เลือกที่จะใช้คอนเซ็ปต์ดังกล่าวในการทำตลาด เพราะอยากให้ผู้บริโภคอย่าบอกตัวเองว่าทำไม่ได้  และหันมาแสดงออกถึงความกล้า ท้าทาย ไม่กลัวที่จะลงมือทำ พร้อมสนุกไปกับการใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ ซึ่งตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน

นายเสถียร กล่าวว่า  เครื่องดื่มชนิดนี้ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จอย่างมากในประเทศอังกฤษ ทั้งยังได้รับการรับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ และรสชาติดีเยี่ยม ( Superior Taste ) จากสถาบันรับรองด้านรสชาติ และคุณภาพอาหารนานาชาติ ( ITQI ) ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำของโลกที่ทุ่มเทให้กับการทดสอบ และการส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีรสชาติดีเลิศ อีกด้วย

สำหรับแผนการทำตลาด Carabao Can กลิ่น Green Apple ในช่วง 3 เดือนนับจากนี้ จะเน้นไปที่การทำตลาดแบบเอ็กซ์คลูซีฟในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในราคา 25 บาท ซึ่งหลังจากนำสินค้าดังกล่าวเข้าทำตลาดในวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า ลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ดี เพื่อให้ Carabao Can กลิ่น Green Apple เป็นที่รู้จักมากขึ้น นายเสถียร ได้ออกมาแย้มแผนการตลาดว่า จะเน้นทำการตลาดผ่านสื่อออฟไลน์ และออนไลน์  ซึ่งในส่วนของสื่อออนไลน์ที่จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือ โซเชียลมีเดีย และอินฟลูเอ็นเซอร์ระดับโลกอย่าง นักเตะเชลซี รวมถึง ไอคอนของคนรุ่นใหม่ ตลอดจนการทำกิจกรรมต่างๆ ที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ เช่น  ดนตรี  งานศิลปะ กราฟฟิตี้ และการใช้พรีเซนเตอร์ที่กำลังมาแรง อย่าง TwoPee Southside (Rapper ชื่อดังของเมืองไทย)

ทั้งนี้ จากการที่ช่วงเดือนมิ.ย.- ก.ค. เป็นช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก คาราบาวแดง จึงได้มีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย  เพื่อเป็นการต้อนรับมหกรรมฟุตบอลโลก 2018 ด้วยการใช้งบ 50 ล้านบาท  ร่วมมอบความสุขให้คนไทยด้วยการผนึกกำลังกับภาครัฐ สนับสนุนการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ทั้ง 64 นัด  พร้อมทั้งจัดกิจกรรม  “สวัสดีบอลโลก ลุ้นโชคกับคาราบาว” เชียร์ทุกวัน ลุ้นทุกแมทช์ มอบรางวัลมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.- 15 ก.ค.นี้  

นายเสถียร กล่าวว่า ลูกค้าของคาราบาวแดง สามารถร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีจากกิจกรรม  “สวัสดีบอลโลก ลุ้นโชคกับคาราบาว” เพียงแอดไลน์ (LINE) สมาชิก “คาราบาวแดง” แล้วส่งรหัสใต้ฝา 7 หลัก พร้อมระบุชื่อทีมชาติที่คุณเชียร์อยากให้เป็นแชมป์บอลโลก เพื่อลุ้นรับรถยนต์ TOYOTA C-HR HV H1 สี Rediant green metallic รุ่นใหม่ล่าสุด มูลค่า 1,159,000 บาท จำนวน  1 รางวัล และสามารถร่วมเชียร์ทุกวันไปตลอดทุกนัด เพื่อลุ้นเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ  Huawei P20 Pro มูลค่า 27,900 บาท จำนวน 62 รางวัล 

สำหรับนัดชิงชนะเลิศ  คาราบาวแดง พร้อมมอบของรางวัลพิเศษ รถมอเตอร์ไซค์ Honda MSX มูลค่า 78,000 บาท จำนวน 1 รางวัล และในนัดชิงชนะเลิศที่ 3 ยังร่วมมอบของรางวัลพิเศษ Samsung TV UHD LED มูลค่า 42,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมทั้งหมด 65 รางวัล มูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,009,790 บาท จากแนวทางดังกล่าว คาราบาวแดงคาดหวังว่าสิ้นปี 2561 นี้น่าจะมียอดขายในประเทศเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%

ส่วนแผนการทำตลาดต่างประเทศในปีนี้นั้น คาราบาวกรุ๊ป มีแผนที่จะนำสินค้าเข้าไปทำตลาดในยุโรปเหนือ และฝรั่งเศส รวมไปถึงเม็กซิโก และกลุ่มประเทศที่อยู่ในคาบสมุทรคาริเบียน ส่วนประเทศจีนก็มีแผนที่จะนำสินค้าเข้าไปทำตลาดในมณฑลต่างๆ และทำกิจกรรมส่งเสริมการขายให้มากขึ้น เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก ซึ่งจากข้อมูลทางการตลาดระบุว่าในอีกไม่กี่ปีเครื่องดื่มชูกำลังที่ขายในประเทศจีนจะมีสัดส่วนคิดเป็น 50% ของโลก บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสทางการตลาดดังกล่าว

นายเสถียร กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินธุรกิจในอีก 5 ปีนับจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะก้าวเข้าสู่การเป็น "เดอะ เวิลด์ คลาส โพรดักส์ ,เวิลด์ คลาส แบรนด์" ด้วยการวางเป้าหมายจะขยายตลาดส่งออกในยุโรปได้ไม่ต่ำกว่า 20 ประเทศ จากทั้งหมด 30 ประเทศ และมีส่วนแบ่งการตลาดชูกำลังในประเทศจีนไม่ต่ำกว่า 20%

ปัจจุบันเครื่องดื่มคาราบาวแดงได้มีการส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ซึ่งหลังจากเดินหน้าขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น  คาราบาวกรุ๊ป คาดว่าในอีก 3 ปีนับจากนี้จะมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากตลาดต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 80% ในประเทศ 20% จากปี 2560 ที่ผ่านมามีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศอยู่ที่ 60% และในประเทศ 40% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีสัดส่วนต่างประเทศอยู่ที่ 40% ในประเทศ 60% ส่วนภาพรวมรายได้จากต่างประเทศในสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30%