การศึกษา-สิ่งแวดล้อม-สาธารณสุข
กรมสุขภาพจิต เผยผู้ต้องขังมีปัญหาสุขภาพจิตและป่วยทางจิตสูงถึงร้อยละ 46 !! เร่งพัฒนาระบบดูแล-ฟื้นฟู


กรมสุขภาพจิต เผยผลวิจัย พบผู้ต้องขังมีปัญหาสุขภาพจิตและป่วยทางจิตสูงถึงร้อยละ 46 สูงกว่าประชาชนทั่วไป 3 เท่าตัว ติดเหล้า ติดสารเสพติดอันดับ 1 พบร้อยละ 30   รองลงมาโรคซึมเศร้าพบร้อยละ 16 และมีความเสี่ยงฆ่าตัวตายร้อยละ16 เร่งเพิ่มคุณภาพดูแลเท่าเทียมผู้ป่วยจิตเวชทั่วไป  เน้นตรวจคัดกรองผู้ต้องขังรายใหม่ทุกคน   ขยายการตรวจรักษาด้วยระบบการแพทย์ทางไกลถึงเรือนจำ และพัฒนาโปรแกรมฟื้นฟูกายจิตสังคม อยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัย     

 

 

เช้าวันนี้ ( 15 มิถุนายน 2561  ) ที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เขตทวีวัฒนา กทม. นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง  ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เป็นประธานในพิธีถวายผ้าป่าสามัคคี สมทบทุนปรับปรุงอาคารบริการ และจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้บริการผู้ป่วยจิตเวชเนื่องในโอกาสครบรอบ 47  ปีของการเปิดสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ให้บริการดูแลรักษาผู้ต้องขังที่มีอาการป่วยทางจิตตั้งแต่พ.. 2514 เป็นต้นมา  และให้สัมภาษณ์ว่า ผลการดำเนินการพัฒนาระบบบริการรักษาผู้ต้องขังที่ป่วยทางจิตของสถาบันกัลยาณ์ฯในช่วง 47 ปีที่ผ่านมา มีความก้าวหน้าเป็นลำดับ  ปัจจุบันสามารถขยายการดูแลสุขภาพจิตผู้ต้องขังในเรือนจำ 142 แห่งร่วมกับกรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด  โดยมีโรงพยาบาลจิตเวช 13 แห่งทั่วประเทศเป็นแม่ข่าย  ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลมีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนผู้ป่วยจิตเวชทั่วไป สามารถป้องกันการก่อคดีซ้ำหลังพ้นโทษ และสร้างความปลอดภัยสังคม  ข้อมูลในปี 2561 มีผู้ต้องขังเข้าถึงบริการกว่า 4,000 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มี 3,300 คน จากผู้ต้องขังที่มีทั่วประเทศเกือบ 3 แสนคน  และได้รับการดูแลต่อเนื่อง ไม่มีปัญหากลับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลซ้ำหลังกลับไปสู่เรือนจำ เนื่องจากขาดการรักษา ซึ่งก่อนหน้านี้พบได้มากกว่าร้อยละ 50  

 

 

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ทิศทางการดำเนินงานในช่วงจากนี้ไป มีนโยบายพัฒนาฐานข้อมูลผู้ต้องขังในเรือนจำที่ป่วยทางจิตเวชระดับประเทศ เพื่อเพิ่มคุณภาพบริการเท่าเทียมกับประชาชนทุกคน ผลการวิจัยของสถาบันกัลยาณ์ฯในปี 2560-2561 ในกลุ่มผู้ต้องขังทั้งชายและหญิงจำนวน 600 คนที่อยู่ในเรือนจำ/ทัณฑสถานที่มีความมั่นคงปานกลาง-สูงสุด 10 แห่ง พบว่ามีปัญหาสุขภาพจิตและโรคทางจิตเวชร้อยละ 46 สูงกว่าประชาชนทั่วไปถึง 3 เท่าตัว โดยผู้ชายมีปัญหาร้อยละ 47 ผู้หญิงร้อยละ35 โรคที่พบมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ติดเหล้าและสารเสพติดร้อยละ 30  รองลงมาโรคซึมเศร้าร้อยละ 16 และความเสี่ยงฆ่าตัวตายร้อยละ 16  โดยผู้ต้องขังเกือบ 1 ใน 4 มีโรคทางจิตเวชร่วมด้วย 2 โรคขึ้นไป  เช่นใช้สารเสพติดและป่วยเป็นโรคจิตเภท เป็นต้น  ซึ่งกรมสุขภาพจิตจะร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์อย่างใกล้ชิด  เน้นที่การตรวจคัดกรองสุขภาพจิตผู้ต้องขังรายใหม่ทุกคน เพื่อแยกกลุ่มการดูแลอย่างเหมาะสม และในปีนี้ได้ให้สถาบันกัลยาณ์ฯทดลองระบบการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านกาย จิต สังคมแก่ผู้ต้องขังที่ป่วยทางจิตเป็นครั้งแรก  เพราะหัวใจของการรักษาผู้ป่วยจิตเวชไม่ได้อยู่ที่ยาหรือการรักษาด้วยเครื่องมืออย่างเดียว แต่อยู่ที่การฟื้นฟูสมรรถนะด้านต่างๆที่จำเป็นในชีวิตประจำวันเพื่อคืนความเป็นมนุษย์ให้ผู้ป่วย  ให้สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้ 

ทางด้านนายแพทย์ศรุตพันธุ์ จักรพันธุ์ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์กล่าวว่า ในการพัฒนาระบบบริการผู้ต้องขังในปี 2561-2562 เน้น 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1. การวิจัยรูปแบบการบำบัดฟื้นฟูผู้ต้องขังที่ป่วยจิตเวชและผู้ต้องขังสูงอายุ  โดยสถาบันฯได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาโปรแกรมการจัดกิจกรรมฟื้นฟู

 ซึ่งเป็นนวตกรรมบริการ โดยจะเน้นความสอดคล้องตามบริบทของเรือนจำ  ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัย คาดว่าจะนำร่องที่เรือนจำพิเศษธนบุรี  หากแล้วเสร็จจะสามารถใช้เป็นโปรแกรมต้นแบบระดับประเทศขยายผลใช้ในเรือนจำทั่วประเทศได้

เรื่องที่2. การจัดระบบการตรวจรักษาผู้ต้องขังด้วยการแพทย์ทางไกลหรือเทเลเมดดิซีน (Telemedicine)  โดยจิตแพทย์เชี่ยวชาญกับสถานพยาบาลกรมราชทัณฑ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ไม่มีจิตแพทย์   ซึ่งมีผลดี สามารถดูแลผู้ต้องขังที่เรือนจำได้เลย  ไม่ต้องพาไปที่โรงพยาบาลซึ่งต่อรายจะต้องเสียค่าใช้จ่ายการดูแล และลดความเสี่ยงการหลบหนี  ขณะนี้สามารถดำเนินการในโรงพยาบาลจิตเวช 5 แห่ง ได้แก่ สถาบันกัลยาณ์ฯ รพ.จิตเวชนครพนมราชนครินทร์  รพ.สวนปรุง รพ.พระศรีมหาโพธิ์ และรพ.จิตเวชนครสวรรค์  จะขยายเพิ่มที่เหลืออีก 8 แห่ง และเรื่องที่ 3. ได้ร่วมมือกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ  จัดทำหลักสูตรการดูแลสุขภาพผู้ต้องขังในเรือนจำทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เพื่อใช้เป็นคู่มือสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่พยาบาลในเรือนจำและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำเรือนนอนหรืออสน.  ในเบื้องต้นเน้น 5 โรค  ได้แก่ โรคจิต  โรคซึมเศร้า ยาเสพติด  ภาวการณ์ฆ่าตัวตาย  และภาวการณ์ถอนสุรา  เพื่อดำเนินการตรวจคัดกรองสุขภาพจิตผู้ต้องรายใหม่ทุกคน พร้อมจัดระบบขึ้นทะเบียนการดูแลตั้งแต่ต้น และมีระบบการส่งต่อในพื้นที่หลังพ้นโทษไปแล้วอย่างต่อเนื่อง


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 มิ.ย. 2561 เวลา : 11:40:04
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 1:01 pm