การค้า-อุตสาหกรรม
การจดทะเบียนธุรกิจและการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า


นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้ นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจและการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือน มิถุนายน 2561 และครึ่งปีแรก 2561 (..-มิ..) โดยมีรายละเอียด ดังนี้

 


 

จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศในเดือนมิถุนายน 2561 จำนวน 6,514 ราย เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2561 จำนวน 5,865 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 649 ราย คิดเป็นร้อยละ 11 และเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 จำนวน 6,525 ราย ลดลงจำนวน 11 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.2

ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 595 ราย คิดเป็น ร้อยละ 9 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 394 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 195 ราย คิดเป็นร้อยละ 3

มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ ในเดือนมิถุนายน 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 24,589 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2561 จำนวน 21,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 3,499 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17 และเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 จำนวน 40,916 ล้านบาท ลดลงจำนวน 16,327 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 40

 


 

จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 1,392 ราย เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2561 จำนวน 1,014 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 378 ราย คิดเป็นร้อยละ 37 และเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 จำนวน 1,548 ราย ลดลงจำนวน 156 ราย คิดเป็นร้อยละ 10

ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 134 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 84 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจค้าสลาก จำนวน 57 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 ตามลำดับ

มูลค่าทุนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ในเดือนมิถุนายน 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 8,486 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2561 จำนวน 4,432 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 4,054 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 91 และเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 จำนวน 8,084 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 402 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5

ผลการจดทะเบียนธุรกิจ ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนมิถุนายน ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนมิถุนายน

จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศครึ่งปีแรก 2561 จำนวน 37,548 ราย เมื่อเทียบกับครึ่งปีหลัง 2560 จำนวน 38,575 ราย ลดลงจำนวน 1,027 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 และเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2560 จำนวน 35,942 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 1,606 ราย คิดเป็นร้อยละ 4

ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 3,458 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 2,211 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 1,006 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ

มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ ในครึ่งปีแรก 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 142,872 ล้านบาท เมื่อเทียบกับครึ่งปีหลัง 2560 จำนวน 355,409 ล้านบาท ลดลงจำนวน 212,537 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 60 และเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2560 จำนวน 164,281 ล้านบาท ลดลงจำนวน 21,409 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13

ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท มีจำนวน 36,862 ราย คิดเป็นร้อยละ 98.17 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 580 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.55 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 106 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.28 โดยมีธุรกิจที่ทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท มีจำนวน 18 ราย

จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 6,289 ราย เมื่อเทียบกับครึ่งปีหลัง 2560 จำนวน 14,963 ราย ลดลงจำนวน 8,674 ราย คิดเป็นร้อยละ 58 และเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2560 จำนวน 6,481 ราย ลดลงจำนวน 192 ราย คิดเป็นร้อยละ 3

ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 651 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.73 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 420 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.12 และธุรกิจค้าสลาก จำนวน 176 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.47 ตามลำดับ

มูลค่าทุนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ในครึ่งปีแรก 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 39,328 ล้านบาท เมื่อเทียบกับครึ่งปีหลัง 2560 จำนวน 70,259 ล้านบาท ลดลงจำนวน 30,931 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 44 และเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2560 จำนวน 31,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 7,796 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25

ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท จำนวน 5,907 ราย คิดเป็นร้อยละ 93.93 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 333 ราย คิดเป็นร้อยละ 5.29 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 49 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.78 โดยมีธุรกิจที่ทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท มีจำนวน 3 ราย

 


 

ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น ( วันที่ 30 มิ.. 61) ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน704,249 ราย มูลค่าทุน 17.78 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด / ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 184,302 ราย คิดเป็นร้อยละ 26.17 บริษัทจำกัด จำนวน 518,742 ราย คิดเป็นร้อยละ 73.66 และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,205 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.17 ธุรกิจจัดตั้งใหม่ครึ่งปีแรก 2561 (..-มิ..) ธุรกิจเลิกประกอบกิจการครึ่งปีแรก 2561 (..-มิ..) ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ เดือนมิถุนายน

ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท จำนวน 622,355 ราย คิดเป็นร้อยละ 88 รวมมูลค่าทุน 1.01 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 67,462 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 รวมมูลค่าทุน 1.81 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 14,432 ราย คิดเป็นร้อยละ 2 รวมมูลค่าทุน 14.96 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 84 ตามลำดับ

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (..- มิ..61) มีการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัท จำนวน 37,548 ราย เพิ่มขึ้น จำนวน 1,606 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (..-มิ..60) ซึ่งมีจำนวน 35,942 ราย ซึ่งมีทิศทางสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวอย่างชัดเจนจากภาคการส่งออก และภาคการท่องเที่ยว ส่วนในด้านการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มความเชื่อมั่นที่ดีจากการลงทุนที่กระจายตัวในแต่ละภูมิภาค หลังจากรัฐบาลเร่งรัดโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง และในด้านการบริโภคภาคเอกชนได้รับปัจจัยบวกจากโครงการต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ โครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐของกระทรวงพาณิชย์ที่จะกระจายเม็ดเงินจากการรับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแบบใช้โทรศัพท์มือถือ หรือแอพพลิเคชันถุงเงินประชารัฐจากเดิมที่ใช้จ่ายซื้อสินค้าที่มีเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) เท่านั้น โดยเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2561

ผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจในวงกว้างมากขึ้นในปีนี้ จะช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อย่างดี กรมจึงประมาณการการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจตลอดปี 2561 ไว้ที่ไม่น้อยกว่า 80,000 ราย

การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดือน มิถุนายน 2561

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เริ่มให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคล (ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด) ผ่านระบบ จดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) โดยการนำเทคโนโลยีมาให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคล ได้อย่างครบวงจร เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจให้ง่ายและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 เป็นต้นมา จนถึง วันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีผู้สมัครลงทะเบียน จำนวน 43,338 ราย ได้รับการอนุมัติและเข้าไปยืนยันการใช้ระบบ (Activate) จำนวน 22,916 ราย และมีการรับจดทะเบียนนิติบุคคล ทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) จำนวน 6,907 ราย

โดยกรมได้เชื่อมโยงระบบการจองชื่อนิติบุคคลกับระบบจดทะเบียนนิติบุคคลออนไลน์เป็นขั้นตอนเดียวกัน (จากเดิมมี 2 ขั้นตอน) โดยได้เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2561 เป็นต้นมา และเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561 กรมมีนโยบายที่จะออกชื่อผู้ใช้งาน และรหัสผ่าน (Username & Password) ให้แก่ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดที่จัดตั้งใหม่ทั้งระบบ e - Registration และ Walk In สามารถใช้รหัสผ่านนิติบุคคล เพื่อใช้แจ้งข้อมูลในระบบงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของDBD e - Registration การคาดการณ์ตลอดปี 2561

กรม เช่น การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e - Filing) การใช้บริการงานการอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์ (e - Permit) ซึ่งเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกและลดความยุ่งยากให้กับผู้ประกอบธุรกิจ

นอกจากนี้ กรมยังลดค่าธรรมเนียมให้นิติบุคคลที่จดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration ลงอีกร้อยละ 30 (3,850 บาท) เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ประชาชนและนิติบุคคลทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2558 เป็นต้นมา ในปีงบการเงิน 2560 นิติบุคคลที่ต้องส่งงบการเงินมี จำนวน 617,099 ราย โดยมีนิติบุคคลที่ส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ DBD e-Filing วันที่ 30 มิถุนายน 2561 จำนวน 463,528 ราย คิดเป็นร้อยละ 91 ของนิติบุคคลที่นำส่งงบการเงินแล้ว เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกรมได้เชื่อมโยงกับกรมสรรพากรให้นิติบุคคลที่ยื่นผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ DBD e - Filing กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นการส่งงบการเงินให้กรมสรรพากรโดยอัตโนมัติตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร วันที่ 27 เมษายน 2561

โดยในปีนี้กรมพัฒนาระบบ DBD e - Filing ให้ง่ายและสะดวกในการใช้งานยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการนำส่งงบการเงินที่มีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น โดยกรมมีเป้าหมายให้นิติบุคคลนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์แทนการนำส่งในรูปแบบกระดาษ เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลที่มีแนวทางขับเคลื่อนประเทศทั้งส่วนราชการ และภาคธุรกิจด้วยเทคโนโลยีผ่านการบูรณาการในการทำงานตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล

การจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และได้รับเครื่องหมาย DBD Registered เพื่อยืนยันการมีตัวตนของผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ปัจจุบันมีผู้ได้รับเครื่องหมาย DBD Registered ( ปี 46 – มิ..61) จำนวน 35,580 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน (..61) จำนวน 1,375 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 ประกอบด้วยนิติบุคคล จำนวน8,325 ราย คิดเป็นร้อยละ 24 บุคคลธรรมดา จำนวน 27,255 ราย คิดเป็นร้อยละ 76 และมีร้านค้าออนไลน์ ที่ได้รับเครื่องหมาย DBD Registered จำนวน 38,935 ร้านค้า เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน (..61) จำนวน 1,444 ร้านค้า คิดเป็นร้อยละ 4 ธุรกิจที่ได้รับเครื่องหมาย DBD Registered สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจการแพทย์ สุขภาพ ยา สมุนไพร สปา จำนวน 7,098 ร้านค้า รองลงมาธุรกิจแฟชั่น/เครื่องแต่งกาย/เครื่องประดับ จำนวน 5,652 ร้านค้า และธุรกิจคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ ไอทีและซอฟแวร์ จำนวน 3,027 ร้านค้า ตามลำดับ

กรมได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับนโยบายการสนับสนุนธุรกิจ e - Commerce ดังนี้

- การสร้างโอกาสทางการตลาด (e-Commerce Booster) โดยการจัดงานส่งเสริมการค้าออนไลน์ต่างๆ

- การผลักดันเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ (e-marketplace) โดยกรมได้จัดทำเว็บไซต์ของดีทั่วไทยทำการคัดเลือกสินค้าประจำท้องถิ่นที่ดีเด่นดัง ขณะนี้มีจำนวน 125 ร้านค้า ( วันที่ 4 กรกฎาคม 2561) และได้คัดเลือกสินค้า OTOP ระดับพรีเมียมภายในงาน OTOP Mid Year 2018 จำนวน 255 ร้านค้า จากร้านค้าทั้งหมดภายในงานกว่า 1,900 ร้านค้าขึ้นเผยแพร่บนเว็บไซต์ และพัฒนาเว็บไซต์ให้เป็น e-marketplace เต็มรูปแบบ โดยร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย เชื่อมระบบ QR Payment ให้กับร้านค้า เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการชำระเงิน DBD e - Filing e – Commerce

การให้บริการตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคล ด้วยการค้นหาจากรายชื่อหรือเลขทะเบียนนิติบุคคล โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลทั่วไป งบการเงิน รายชื่อร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ข้อมูลสมาคมการค้า และหอการค้า รวมถึงข้อมูลการจดทะเบียนหลักประกันธุรกิจ เพื่อใช้ในการตรวจค้นข้อมูลการจดทะเบียนหลักประกัน เช่น ค้นหาตามทรัพย์สิน ลูกหนี้ และผู้ให้หลักประกัน เป็นต้น รวมทั้งมีบริการข่าวสาร กิจกรรม โครงการต่างๆ และสถานที่ให้บริการของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าผ่านมือถือ (Application: DBD e-Service) สามารถใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2557 เป็นต้นมา เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลได้ด้วยตนเอง สถิติผู้เข้าใช้บริการระบบสะสมจนถึง วันที่ 30 มิถุนายน 2561 รวมทั้งสิ้น 7,519,727 ครั้ง โดยในเดือนมิถุนายน 2561 มีผู้ใช้บริการ จำนวน 245,037 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน (..57 – ..61 = 7,274,690 ครั้ง) คิดเป็นร้อยละ 3

ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างพัฒนาระบบ DBD e-Service Application ให้สามารถรองรับการให้บริการขอหนังสือรับรอง รับรองสำเนา และถ่ายเอกสารผ่านทางอินเทอร์เน็ต (e-Service) เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งคาด

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการขอหนังสือรับรอง รับรองสำเนา และถ่ายเอกสารผ่านทางอินเทอร์เน็ต (e - Service) ในปี 2549 เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการรับเอกสารทางทะเบียนนิติบุคคล งบการเงินและรายชื่อ ผู้ถือหุ้น โดยร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ให้ผู้ใช้บริการสามารถขอรับเอกสารผ่านช่องทาง Walk in EMS Delivery โดยชำระเงินผ่านช่องทาง Internet Banking ตู้ ATM และเคาน์เตอร์ธนาคาร

โดยตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อมกราคม 2549 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีผู้ใช้บริการ จำนวน 1,760,265 ราย มีผู้ใช้บริการช่องทาง EMS จำนวน 969,090 ราย Walk in จำนวน 584,865 ราย และDelivery จำนวน 206,310 ราย

สำหรับเดือนมิถุนายน 2561 มีผู้ใช้บริการ จำนวน 17,310 ราย แบ่งเป็น กรุงเทพฯ จำนวน 15,794 ราย คิดเป็นร้อยละ 91 ส่วนภูมิภาค จำนวน 1,516 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น จำนวน 621 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 และช่องทางการรับเอกสารที่ผู้ใช้บริการใช้มากที่สุด คือ EMS คิดเป็นร้อยละ 58 รองลงมา Walk in คิดเป็นร้อยละ 22 และDelivery คิดเป็นร้อยละ 20 ตามลำดับ

ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างพัฒนายกระดับการให้บริการขอหนังสือรับรอง รับรองสำเนา และถ่ายเอกสารผ่านทาง อินเทอร์เน็ต (e-Service) โดยใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลดิจิทัล

กรมได้เปิดให้บริการออกหนังสือรับรองและรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate) ผ่านธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2555 โดยให้บริการผ่านธนาคาร 9 ธนาคาร ได้แก่ กรุงเทพ กรุงไทย ออมสิน กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ธนชาต มิซูโฮ กรุงศรีอยุธยา และเกียรตินาคิน มีสาขาให้บริการ จำนวน 4,043 สาขา DBD e - Service Application e - Certificate e - Service

จนถึง วันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีสถิติผู้ใช้บริการ จำนวน 856,281 ราย โดยแบ่งเป็นให้บริการหนังสือรับรอง จำนวน 813,037 ฉบับ และรับรองสำเนาเอกสาร จำนวน 374,766 แผ่น

โดยในเดือนมิถุนายน 2561 มีผู้ใช้บริการ จำนวน 18,382 ราย โดยแบ่งเป็นการให้บริการหนังสือรับรอง จำนวน 17,226 ฉบับ และรับรองสำเนาเอกสาร จำนวน 10,764 แผ่น

แนวโน้มการขยายตัวในการให้บริการในปี 2561 (..-มิ..) มีการให้บริการ เพิ่มขึ้นจำนวน 19,722 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากธนาคารได้เพิ่มการประชาสัมพันธ์และรวมบริการ e-Certificate ควบคู่ไปกับบริการอื่นๆ ของธนาคาร

ตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาคำขออนุญาตของทางราชการ .. 2558 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 21/2560 การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ข้อที่ 17 มีเจตนารมณ์ให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานรัฐ เพื่อให้การทำธุรกรรมกับภาครัฐได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น โดยการยกเลิกการขอสำเนาเอกสารทางราชการ (Zero Copy) จากประชาชนในการทำธุรกรรมหรือการติดต่อราชการ เพื่อสร้างความโปร่งใสในการบริหารราชการที่รวดเร็ว เป็นการอำนวยความสะดวกลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาให้กับประชาชนในการติดต่อราชการทั่วประเทศ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และภาคธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐ ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา วันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีหน่วยงานที่เชื่อมโยงข้อมูลเพื่อไปใช้ประโยชน์ในทางราชการและบริการประชาชนจำนวนทั้งสิ้น 65 หน่วยงาน


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 ก.ค. 2561 เวลา : 14:52:16
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 8:46 pm