บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย เตรียมแผนการขยายสาขาเพิ่มอีก 6 แห่งในกัมพูชา พร้อมรายงานผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2561 รายได้โต 8% กำไร 215 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมติงบการเงินสำหรับรอบบัญชีสิ้นสุด 30/6/2561 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มีกำไรรวม 215 ล้านบาท  และยังเห็นชอบให้ขยายสาขาในกัมพูชาอีก 6 แห่งเพื่อรองรับการขยายธุรกิจเพิ่มเติมตามแผนที่จะให้มีสัดส่วนรายได้ในประเทศและต่างประเทศ เป็น 50:50 ภายในปี 2563 ปัจจุบันมีสาขาในกัมพูชาอยู่ 6 สาขาและจะเพิ่มอีก 6 สาขา รวมเป็น 12 สาขาภายในปีนี้” นางสาวปฐมากล่าว

นางสาวปฐมา กล่าวเพิ่มเติมว่าในปีที่ผ่านมาธุรกิจในต่างประเทศของ TK มีการเติบโตที่เร่งตัวเพิ่มขึ้น โดย ลูกหนี้เช่าซื้อใน 2 ประเทศ ทั้งกัมพูชาและลาว เติบโต 54% คือเพิ่มขึ้นจาก 397 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 เป็น 612 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีนี้ คิดเป็น 7% ของลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั้งหมด และมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจในทั้ง 2 ประเทศ โดยครึ่งปีแรกของปี 2561 สามารถทำกำไรได้ 41 ล้านบาท การที่จะบรรลุเป้าหมายให้มีสัดส่วนรายได้ในประเทศและต่างประเทศเป็น 50:50 ภายในปี 2563 จะต้องมีการขยายธุรกิจในประเทศทั้ง 2 ที่กำลังดำเนินธุรกิจอยู่ รวมทั้งต้องมองหาตลาดใหม่ในประเทศอื่นๆที่มีศักยภาพสำหรับธุรกิจให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจที่ TK เชี่ยวชาญ

สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศ ครึ่งปีแรกของปี 2561 มียอดขายรวม 934,747 คัน ลดลง 1.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2561 

นางสาวปฐมา เปิดเผยว่า TK ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง 10 ไตรมาสติดต่อกัน  ทั้งนี้เนื่องจากตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยได้รับอานิสงส์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยในครึ่งปีแรก รายได้เติบโตประมาณ 8% จาก 1,778 ล้านบาทในปี 2560 เป็น 1,924 ล้านบาทในปี 2561 ส่วนผลประกอบการโดยรวมนั้นยังคงสามารถทำกำไรได้ 215 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  TK มียอดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศเติบโตขึ้น 2.4% สวนทางกับยอดขายของตลาดในประเทศที่หดตัวลง 1.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา  ทั้งนี้เมื่อนับรวมสินเชื่อเช่าซื้อจากต่างประเทศด้วยแล้ว กลุ่มบริษัทจะมียอดคงค้างสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ขยายตัวขึ้น 4.9% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทฯเชื่อมั่นว่ายอดลูกหนี้สินเชื่อของกลุ่มจะยังคงสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% ในปี 2561