การตลาด
อาลีบาบา กรุ๊ป ประกาศผลประกอบการไตรมาส สิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2561


อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (NYSE: BABA) ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2561 

อาลีบาบามีผลประกอบการที่โดดเด่นในไตรมาสที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนมาจากเติบโตของฐานลูกค้าและธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นในทั้งอีโคซิสเต็ม รวมทั้ง การขยายอย่างต่อเนื่องของบริษัทในตลาดค้าปลีกจีน ซึ่งเกิดจาก New Retail ซึ่งเป็นกลยุทธ์ค้าปลีกของบริษัทที่ผลักดันการสร้างรายได้และเพิ่มศักยภาพของพันธมิตรค้าปลีกของเราให้สามารถบริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้ง บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินการตามแผนที่จะเพิ่มคุณค่าและช่องทางสำหรับผู้ใช้งานในทุกธุรกิจ ด้วยบริการบันเทิงดิจิทัลและบริการท้องถิ่นที่เข้าถึงตลาดที่ศักยภาพสูงนอกเหนือจากธุรกิจหลัก” นาย แดเนียล จาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าว “เราจะยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในธุรกิจที่มีศักยภาพและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อคงความได้เปรียบทางการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

 

 

เรามีผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งไตรมาส ด้วยอัตราการเติบโตของรายได้ที่สูงถึง 61% รวมถึงการเติบโตที่ดีของกำไร ที่ไม่รวมรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวนี้ เรายินดีกับการเติบโตที่แข็งแกร่งและรวดเร็วของธุรกิจของเรา” แมกกี้ วู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าว “การเติบโตที่ดีในทุกภาคส่วนของธุรกิจหลักของเรา รวมทั้งคลาวด์คอมพิวติ้ง และสื่อดิจิทัลและบันเทิง ได้แสดงให้เห็นความสำเร็จในการลงทุนในด้านการสร้างประสบการณ์ลูกค้า ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่ออนาคต เรายังมั่นใจในความสามารถของเราในขยายความเป็นผู้นำในตลาดด้วยการให้บริการที่ดีล้ำหน้า สำหรับลูกค้า คู่ค้า และผู้บริโภค 

ข้อมูลที่น่าสนใจจากผลประกอบการไตรมาส สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีดังต่อไปนี้

 

· รายได้รวม 80,920 ล้านหยวน (12,229 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน

·  รายได้หลักจากธุรกิจการค้าปลีก-ค้าส่งเติบโตขึ้น 61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นรายได้ทั้งหมด 69,188 ล้านหยวน (10,456 ล้านเหรียญสหรัฐ)

· รายได้จากธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งเพิ่มขึ้น 93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นรายได้ทั้งหมด4,698 ล้านหยวน (710 ล้านเหรียญสหรัฐ)

· รายได้จากธุรกิจสื่อดิจิทัลและบันเทิงเติบโตขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นรายได้ทั้งหมด5,975 ล้านหยวน (903 ล้านเหรียญสหรัฐ)

· รายได้จากกลุ่มธุรกิจเชิงนวัตกรรมเพิ่มขึ้น 64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นรายได้ทั้งหมด1,059 ล้านหยวน (160 ล้านเหรียญสหรัฐ)

·  ช่องทางค้าปลีกของอาลีบาบาในประเทศจีน มีลูกค้าที่ซื้อสินค้าอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปีรวมกว่า 576 ล้านราย เพิ่มขึ้น 24 ล้านรายเมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561

·  ยอดผู้ใช้งานในประเทศจีนที่เข้าถึงช่องทางค้าปลีกของเราในแต่ละเดือนผ่านโทรศัพท์มือถือ สูงถึง 634 ล้านคนในเดือนมิถุนายน 2561 ซึ่งสูงกว่าในเดือนมีนาคมของปีเดียวกันถึง 17 ล้านคน 

·  กำไรจากการดำเนินการ 8,020 ล้านหยวน (1,212 ล้านเหรียญสหรัฐลดลง 54% ซึ่งเกิดจาก รายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว คือการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์พนักงานจากการเพิ่มขึ้นมูลค่าหุ้นของ แอนท์ ไฟแนนเชียล ซึ่งเกิดจากการเพิ่มทุนครั้งล่าสุด (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก รายการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์พนักงานที่เกี่ยวกับมูลค่าหุ้น และกลยุทธ์ธุรกิจล่าสุด-ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ แอนท์ ไฟแนนเชียล ด้านล่าง) หากไม่รวมรายการพิเศษที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์พนักงานจากการเพิ่มขึ้นมูลค่าหุ้นของ แอนท์ ไฟแนนเชียลนี้แล้ว รายได้จากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้น 9% และกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและรายการตัดจ่ายทางบัญชีอื่นๆที่ปรับปรุงแล้ว เพิ่มขึ้นถึง13% เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือเท่ากับ 26,502 ล้านหยวน (4,005 ล้านเหรียญสหรัฐ)

·        กำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและรายการตัดจ่ายทางบัญชีอื่นๆที่ปรับปรุงแล้วของธุรกิจการค้าปลีก-ค้าส่งคิดเป็น 32,797 ล้านหยวน (4,956 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีอัตรามาร์จิน47% อัตรามาร์จินของธุรกิจการค้าปลีก-ค้าส่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆเหล่านี้ 1) สัดส่วนประเภทของรายได้ที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปสู่ ธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ ซึ่งรับรู้ทั้งรายได้ขั้นต้น และต้นทุนสินค้าคงคลังด้วย 2) งบการเงินรวมนี้ได้รวมเอาผลประกอบการของ ไช่เหนี่ยว เน็ตเวิร์ค (Cainiao Network) ซึ่งเป็นธุรกิจเทคโนโลยีสำหรับงานโลจิสติคส์ด้วย 3) งบการเงินรวมนี้ได้รวมเอาผลการลงทุนในธุรกิจในประเทศ เช่น การเข้าซื้อกิจการซื้อ Ele.meด้วย 4) การขยายธุรกิจไปในภูมิภาคนี้เช่นในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากไม่รวมผลกระทบจากการลงทุนระยะยาวต่างๆแล้ว กำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและรายการตัดจ่ายทางบัญชีอื่นๆที่ปรับปรุงแล้วของธุรกิจการค้าปลีก-ค้าส่งของเรายังรักษาระดับเช่นเดิมกับปีที่ผ่านมา

· กำไรสุทธิสำหรับงวดให้แก่ผู้ถือหุ้นคือ 8,685 ล้านหยวน (1,313 ล้านเหรียญสหรัฐ) กำไรสุทธิเท่ากับ 7,650ล้านหยวน ( 1,156 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งลดลง 41% และ 45% ตามลำดับเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากมีรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว คือการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์พนักงาน ที่เนื่องมาจากมูลค่าหุ้นของ Ant Financial จำนวน 11,180 ล้านหยวน รายละเอียดแสดงไว้ที่หัวข้อกำไรจากการดำเนินงาน หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวกำไรสุทธิในไตรมาสนี้จะเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

· กำไรสุทธิที่ไม่ได้คำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไปเท่ากับ 20,101 ล้านหยวน (3,038 ล้านเหรียญสหรัฐ) กำไรต่อหุ้นปรับลดเท่ากับ 3.30 หยวน (0.50 เหรียญสหรัฐ) และกำไรที่ไม่ได้คำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไปต่อหุ้นปรับลดเท่ากับ 8.04 หยวน (1.22 เหรียญสหรัฐ)

· เงินสดสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 36,117 ล้านหยวน (5,458 ล้านเหรียญสหรัฐขณะที่กระแสเงินสดที่ไม่ได้คำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไป อยู่ที่ 26,358 ล้านหยวน (3,983 ล้านเหรียญสหรัฐ)


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 ส.ค. 2561 เวลา : 14:58:42
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 1:42 pm