การตลาด
'วินท์คอมฯ' ทุ่มงบเกือบ 200 ล้านซื้อธุรกิจ I-SECURE เสริมทัพให้บริการลูกค้าครบวงจร


วินท์คอม เทคโนโลยีทุ่มงบเกือบ 200 ล้าน ซื้อธุรกิจ I-SECURE ผู้ให้บริการเฝ้าระวังระบบรักษาความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย หวังเพิ่มช่องทางด้านการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร พร้อมขยายฐานลูกค้าไปยังองค์กรชั้นนำของประเทศเพิ่มขึ้น ด้านณรงค์ อิงค์ธเนศระบุหนุนสัดส่วนรายได้ด้านบริการขยับเพิ่มเป็น 40% จากเดิม 35% มั่นใจรายได้ทั้งปีแตะ 1,600 ล้าน 

คณะกรรมการ บริษัท วินท์คอม เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ VCOM ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับการใช้งานในระดับองค์กร มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท ไอ-ซีเคียว จำกัด(I-SECURE) คิดเป็น 100% ของทุนชำระแล้วของ I-SECURE มูลค่ารวมประมาณ 196.5 ล้านบาท

 

 

นายณรงค์ อิงค์ธเนศ ประธานกรรมการ บริษัท วินท์คอม เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ในการซื้อหุ้นสามัญของ I-SECURE ครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นว่า จะสามารถต่อยอดและขยายขอบเขตการให้บริการไปสู่การดำเนินการเฝ้าระวังระบบรักษาความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย อันจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัท โดยเฉพาะรายได้ค่าบริการ และลดการพึ่งพิงรายได้หลักในปัจจุบันที่มาจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Oracle 

นอกจากนี้ เชื่อว่าจะทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน ทั้งด้านการแนะนำลูกค้า การถ่ายทอดองค์ความรู้ ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญจากผู้ขายที่อยู่ในธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมทั้งยังเพิ่มฐานลูกค้าที่เป็นบริษัทหรือองค์กรขนาดใหญ่ได้จำนวนมาก ขณะเดียวกันผลการดำเนินงานของ I-SECURE สามารถสร้างรายได้ และผลการดำเนินงานที่ดีให้แก่บริษัทในระยะยาว รวมทั้งสร้างโอกาสการได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนอีกด้วย

ทั้งนี้ I-SECURE ยังเป็นผู้นำด้านการดำเนินธุรกิจการเฝ้าระวังระบบรักษาความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย หรือบริการ MSSP (Managed Security Service Provider) ระดับชั้นนำของประเทศ ให้บริการศูนย์เฝ้าระวังระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย หรือ Security Operation Center (SOC) ให้บริการและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ ระบบสารสนเทศ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ฝึกอบรมระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และความปลอดภัยของข้อมูลแบบครบวงจร

การซื้อ I-SECURE ครั้งนี้ เป็นการเพิ่มช่องทางการให้บริการมีความหลากหลายมากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เช่น Big Data การนำข้อมูลต่าง เก็บไว้บนระบบคลาวด์ (Cloud) ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวจำเป็นต้องใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูล หรือระบบรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม จึงจำเป็นต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยบนระบบเครือข่าย (Network Security) ที่ดีในการป้องกันการถูกเจาะระบบเข้ามาทำลายข้อมูลขององค์กรต่าง ด้วยนายณรงค์กล่าว   

หลังจากนี้ บริษัทจะเริ่มให้บริการเฝ้าระวังระบบรักษาความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่าย หรือบริการ MSSP กับกลุ่มลูกค้าของ VCOM เอง และยังใช้ฐานลูกค้าของ I-SECURE ในการต่อยอดธุรกิจตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับบริษัทฯในอนาคต  

นายณรงค์ กล่าวเพิ่มว่า สำหรับเม็ดเงินที่นำมาใช้ซื้อหุ้นสามัญของ I-SECURE ในครั้งนี้ มาจากกระแสเงินสดของบริษัท ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งมาจากหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท โดยจะขออนุมัติการเพิ่มทุนต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งได้กำหนดจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 ในวันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม .. 2561 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวตามที่ได้เผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณชนผ่านเวบไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯไปแล้ว

หลังจากการเข้าซื้อกิจการ บริษัทประมาณการณ์ไว้ว่า สัดส่วนรายได้จากค่าบริการจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากเดิม 35% ของรายได้ทั้งหมด และคาดว่ารายได้รวมของปีนี้จะแตะที่ระดับ 1,600 ล้านบาท  นายณรงค์กล่าวเสริม

ด้านนายวีระยุทธ์ เพริดพราว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอ-ซีเคียว จำกัด (I-SECURE) กล่าวเพิ่มเติมว่า I-SECURE  เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ โดยเริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2549 เพื่อประกอบธุรกิจบริการ MSSP (Managed Security Service Provider) เป็นรายแรกในเมืองไทย และให้บริการเป็น Outsource เกี่ยวกับการให้คำปรึกษาและบริหารจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ให้กับองค์กรต่าง

ตลอด 12 ปีที่ผ่านมาทาง I-SECURE มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาคุณภาพบริการเพื่อให้ลูกค้าสามารถไว้วางใจได้มากที่สุดในการดูแลด้าน Cybersecurity โดยบริษัทได้มีการพัฒนาระบบเพื่อเฝ้าระวัง และจัดการกับปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์ ตลอดจนให้บริการศูนย์เฝ้าระวังด้านความมั่นคงปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย หรือ Security Operation Center (SOC) รวมไปถึงบริการให้คำปรึกษาและออกแบบระบบให้แก่องค์กรต่าง เพื่อให้สามารถรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีมาตรฐาน โดยบริษัทผ่านการรับรองมาตรฐานสากล ISO/IEC 27001: 2013 และ ISO/IEC 20000:2011

สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีการใช้บริการของ I-SECURE เช่น หน่วยงานภาครัฐที่ให้บริการประชาชน องค์กรเอกชนชั้นนำ ที่ประกอบธุรกิจการให้บริการทางการเงินต่างๆ อาทิ ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บริษัทประกันภัย บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจการผลิตต่างๆ รวมถึงธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของประเทศ โดยมีอายุสัญญาตั้งแต่ 1-5 ปี เป็นต้น สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2560 ของบริษัทฯมีรายได้ 125.63 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 9.24 ล้านบาท  


LastUpdate 18/09/2561 16:09:56 โดย : Admin
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 12:03 am