ไปครึ่งทางสำหรับการลงทุนโครงการฟิวเจอร์ซิตี้ ของบริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด หลังจากใช้พื้นที่ในการพัฒนาไปแล้ว 350 ไร่ จากทั้งหมด 650 ไร่ โดยโครงการที่พัฒนาเสร็จสิ้นพร้อมเปิดให้บริการไปเรียบร้อยแล้ว คือ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ศูนย์การค้าสเปล โรงภาพยนตร์เมเจอร์ โฮมโปร และ โรงพยาบาลเปา รังสิต เป็นต้น ซึ่งในส่วนของบริการต่างๆ ที่เกิดขึ้นดังกล่าวบริษัท รังสิต พลาซ่า ได้มีการจับมือร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนาที่ดินไปประมาณ 20,000 ล้านบาท จากเป้าหมายการลงทุนจนเสร็จสิ้นโครงการฟิวเจอร์ซิตี้ที่คาดว่าจะใช้ประมาณ 100,000 ล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าของโครงการในปีนี้ บริษัท รังสิตพลาซ่า ยังคงเดินหน้าพัฒนาแม่เหล็กใหม่ๆ ให้กับโครงการฟิวเจอร์ซิตี้อย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของโปรเจกต์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ คือ การพัฒนาสปอร์ตฮับศูนย์รวมการออกกำลังกายขนาดใหญ่และสปอร์ตรีเทลช้อปชั้นนำ ประกอบด้วย “ฟิวเจอร์ อารีน่า” ซึ่งจะตั้งอยู่บนพื้นที่ 20 ไร่ ภายในมีสนามฟุตบอล-ฟุตซอล, สนามแบตมินตัน คลับเฮาส์และร้านอาหาร
นอกจากนี้ ยังมีบริการครบวงจรและลานจอดรถกว่า 300 คัน พร้อมด้วยศูนย์การเรียนรู้ด้านฟุตบอล และแบดมินตันในลักษณะอะคาเดมี รวมไปถึงบริการ Sport Magnet และ Sport Activity อย่างเช่น สกี, ไอซ์สเก็ต, ฟิตเนส, โยคะ, โรงเรียนฝึกสอนมวยไทย, โรงเรียนเทควันโด, trampoline Jump และร้านสปอร์ตรีเทลชั้นนำ เพื่อสร้างความเป็นสปอร์ตฮับอย่างแท้จริงและสมบูรณ์แบบ
อีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่ บริษัท รังสิตพลาซ่า นำมาให้บริการ เพื่อให้โครงการฟิวเจอร์ซิตี้ มีความครบวงจรมากขึ้น คือ ศูนย์รวมรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักธุรกิจระดับภูมิภาคที่ต้องการเดินทางไปติดต่อธุรกิจในภาคอื่นๆ เช่น ภาคเหนือ และอีสาน เนื่องจากสถานที่ตั้งของโครงการฟิวเจอร์ซิตี้อยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง
ด้วยเหตุนี้ บริษัท รังสิตพลาซ่า จึงได้จับมือร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจพัฒนาโรงแรมขึ้นมาใหม่จำนวน 2 โครงการ คือ โรงแรมระดับ 4 ดาว พื้นที่ 9 ไร่ อาคารสูง 11 ชั้น ประกอบด้วยห้องพัก 227 ห้อง, ห้องประชุมสัมนา, สระว่ายน้ำ และลานจอดรถ 151 คัน และโรงแรมระดับ 2 ดาว พื้นที่ 1 ไร่ เป็นอาคารสูง 7 ชั้น 79 ห้อง (ที่พักราคาประหยัด) มีลานจอดรถ 35 คัน ซึ่งทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะใช้งบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2563
นางรัตนา อนันทนุพงศ์ ผู้อำนวยการด้านการตลาด บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด กล่าวว่า แนวคิดของการที่จะพัฒนาที่ดินจำนวน 650 ไร่บริเวณโดยรอบฟิวเจอร์พาร์ค ให้เป็นฟิวเจอร์ซิตี้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Center of Premium lifestyle and activity : ศูนย์รวมการใช้ชีวิตอย่างมีระดับของกรุงเทพฯ ตอนเหนือ” ที่ประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและศูนย์รวมการค้าปลีกที่สมบูรณ์ ได้แก่ศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้าน,ศูนย์ออกกำลังกายขนาดใหญ่, ซูเปอร์ริจินัลมอลล์โรงพยาบาลเปาโล, โรงแรมและสปอร์ตฮับ โดยเปิดกว้างการลงทุนในลักษณะพันธมิตรทางธุรกิจ ถือเป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท
ส่วนการพัฒนาที่ดินเพื่อเป็นอาณาจักรฟิวเจอร์ซิตี้ ด้านอื่นๆ นั้น ขณะนี้บริษัท รังสิตพลาซ่า อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรธุกิจมืออาชีพหลายกลุ่ม เพื่อร่วมสร้างความสมบูรณ์แบบบนที่ดินแห่งนี้ และเพื่อรองรับการลงทุนใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต บริษัท รังสิตพลาซ่า ได้ทำการปรับถนนภายในโครงการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ และรองรับโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้น
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์นับจากนี้ บริษัท รังสิตพลาซ่า จะเน้นทำการตลาดแบบเจาะรายเซกเมนท์ ด้วยการแบ่งลูกค้าออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ ครอบครัว วัยรุ่น และสูงอายุ ด้วยการมุ่งให้ศูนย์การค้าเป็น “EXTRAODINARY EVERYDAY” ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ เพื่อให้คนทุกวัยมาใช้ชีวิตได้ทุกวัน และเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า 3 กลุ่มดังกล่าว บริษัท รังสิตพลาซ่า จึงมีแผนที่จะทำให้เกิดคอมมูนิตี้ของแต่ละกลุ่มชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มความถี่ในการจัดแคมเปญและกิจกรรมการตลาดทุกสัปดาห์
นางรัตนา กล่าวต่อว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทจะก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว ด้วยการทำการตลาดในรูปแบบ Internet of thing โดยการเสริมศักยภาพด้านบริการด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้น เช่น การปรับประสิทธิภาพบริการ FREE WIFI ความเร็วสูง 50 Mbps สนองตอบความสะดวกด้านการสื่อสารแบบเรียวไทม์ ของลูกค้าในทุกพื้นที่ โดยร่วมกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
นอกจากนี้ ยังมีการดึงพันธมิตรกลุ่มธนาคาร 8 ธนาคารชั้นนำ ได้แก่ กรุงเทพ, ไทยพาณิชย์, กสิกรไทย, กรุงศรีอยุธยา, ออมสิน, ทหารไทย และธนชาติ อำนวยความสะดวกด้วยการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มช่องทางการชำระสินค้า ระหว่างร้านค้าและลูกค้า ในรูปแบบ QR Code ให้สอดคล้องกับนโยบายสังคมไร้เงินสดของภาครัฐ ซึ่งจะเริ่มช่วงเดือนก.ย.นี้ เบื้องต้นมีร้านค้าที่ร่วมโครงการช่วงแรกคิดเป็นสัดส่วน 60% ของจำนวนร้านค้าทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ยังมีการติดตั้ง iBox ตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ โดยร่วมกับไปรษณีย์ไทย อำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มนักช้อปออนไลน์ ที่ไม่สะดวกรับพัสดุที่บ้าน ซึ่ง iBox คือ ตู้ล็อกเกอร์ที่สามารถนำจ่ายพัสดุให้แก่ผู้รับ โดยมีระบบตรวจสอบยืนยันความถูกต้องด้วยรหัสผ่าน OTP หรือ One time password ซึ่งจากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว บริษัทรังสิตพลาซ่า มั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าได้เพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ เช่นเดียวกับยอดการใช้จ่ายภายในศูนย์การค้าทั้ง 2 แห่งที่น่าจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยจากปัจจุบันมีอัตราเฉลี่ยที่ 2,200-2,300 บาทต่อครั้ง
ข่าวเด่น