การศึกษา-สิ่งแวดล้อม-สาธารณสุข
กรมสุขภาพจิต ประสบผลสำเร็จพัฒนาเครื่องตรวจวินิจฉัยภาวะ 'ออทิสติก' เด็กไทย ชุดแรกของประเทศ!!


กรมสุขภาพจิตวิจัยพัฒนาเครื่องตรวจวินิจฉัยภาวะออทิสติกในเด็กไทยโดยเฉพาะเป็นผลสำเร็จ สามารถพบความผิดปกติของเด็กได้เร็วกว่าเดิมตั้งแต่อายุ1-2 ขวบ ให้การรักษาฟื้นฟูได้เร็วขึ้นและให้ผลดีมากทั้งพัฒนาการและไอคิว จดลิขสิทธิ์เป็นภูมิปัญญาของประเทศแล้ว เตรียมนำเสนอในเวทีโลกที่อังกฤษวันที่ 27-28 ..นี้ คาดใช้ทั่วไทยในปีหน้า เผยสถานการณ์ล่าสุดพบเด็กป่วยออทิสติกรายใหม่ปีละเกือบ5,000 คน เฉลี่ยวันละ 13 คน  แนวโน้มป่วยเพิ่มขึ้น

 

 

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง  ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิตให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหาการเจ็บป่วยทางจิตในเด็กเล็กที่กรมสุขภาพจิตเร่งดำเนินการป้องกันแก้ไขขณะนี้คือออทิสติก ( Autism Spectrum Disorder)    ซึ่งพบมากในอันดับต้นๆของเด็กไทย สาเหตุเกิดจากความผิดปกติการทำงานของสมองตั้งแต่กำเนิด เด็กกลุ่มนี้ลักษณะภายนอกจะไม่ผิดปกติร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงน่ารัก แต่เด็กจะมีพัฒนาการบกพร่อง 2 ด้านหลักคือ ไม่สามารถใช้ภาษาสื่อสารปฏิสัมพันธ์กับสังคมได้ และมีพฤติกรรมความสนใจที่มีลักษณะแคบจำกัดหรือเป็นแบบแผนพฤติกรรมซ้ำๆ   ซึ่งประชาชนทั่วไปมักจะเข้าใจผิดว่าเกิดมาจากการเลี้ยงดูหรือถ่ายทอดมาจากบุคลิกของพ่อแม่ ไม่ได้เป็นอะไร ทำให้เด็กไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง กลายเป็นผู้ที่มีความพิการตลอดชีวิต  สถานการณ์ของภาวะออทิสติกในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นมาก ผลสำรวจของกรมสุขภาพจิตล่าสุดในปี2558 พบเด็กไทยอายุ 0-5 ปีมีอัตราป่วย 6 ต่อ1,000 คน เพิ่มขึ้น 6เท่าตัวในรอบ 11 ปี คาดว่าทั่วประเทศมีประชาชนไทยทุกวัยเป็นออทิสติกประมาณ 400,000 คน มีรายใหม่เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5,000 คน เฉลี่ยวันละ 13 คน เข้าถึงบริการรักษาฟื้นฟูแล้วร้อยละ 44

 

 

อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวต่อว่า เด็กที่เป็นออทิสติกนี้สามารถรักษาได้ แม้ไม่หายขาดแต่จะทำให้เด็กสามารถใช้ชีวิตได้เช่นเดียวกับเด็กปกติ  เรียนหนังสือ และทำงานได้เช่นเดียวกันคนทั่วไป  โดยผลการรักษาจะดีที่สุดเมื่ออายุต่ำกว่า 3 ขวบ แต่ที่ผ่านมาการรักษาส่วนใหญ่จะเริ่มหลังอายุ 3 ขวบไปแล้ว เนื่องจากเครื่องมือที่ใช้ในปัจจุบันเป็นของต่างประเทศ บางส่วนไม่เหมาะกับบริบทของเด็กไทย จึงได้เร่งพัฒนาระบบการดูแลรักษา โดยในปีนี้สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ .เชียงใหม่ ได้วิจัยและพัฒนาเครื่องมือในการตรวจวินิจฉัยหาความผิดของเด็กที่เป็นออทิสติกได้ตั้งแต่อายุ 12-48 เดือนเป็นผลสำเร็จ เรียกว่า ทีดาส ( Thai Diagnostic Autism Scale :TDAS ) เป็นเครื่องมือตรวจวินิจฉัยสำหรับเด็กไทยโดยเฉพาะ จากการทดลองใช้ทั้ง 4 ภาคพบว่ามีความแม่นยำสูงได้มาตรฐานเทียบเท่าเครื่องมือระดับนานาชาติ ได้ยื่นจดลิขสิทธิ์จากกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อให้เป็นเครื่องมือวินิจฉัยภาวะออทิสติกเครื่องมือแรกของประเทศ และเตรียมนำเสนอความสำเร็จนี้ในเวทีประชุมออทิสติกโลก ( International Conference on Autism)ซึ่งจัดที่ประเทศอังกฤษในวันที่ 27-28 กันยายน  2561 นี้ด้วย คาดว่าจะนำใช้ทั่วประเทศในปี 2562 นี้  มั่นใจว่าจะช่วยเด็กที่เป็นออทิสติกได้รับการรักษาเร็วขึ้นตั้งแต่ยังเล็ก  จะคลายทุกข์ใจให้พ่อแม่ได้อย่างมาก   

 

 

ทางด้านแพทย์หญิงกาญจนา คูณรังษีสมบูรณ์  รักษาการผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ .เชียงใหม่กล่าวว่า   เด็กที่เป็นออทิสติกที่พบ โดยทั่วไปร้อยละ 50 จะไม่สามารถพูดสื่อสารได้  อีกประมาณร้อยละ 50 จะมีระดับไอคิวต่ำด้วย  ในช่วงขวบปีแรกเด็กมักจะไม่สบตา  หน้าตาเฉยเมย เรียกชื่อก็ไม่หันมอง          ไม่ยิ้มตอบ  ไม่หัวเราะ ไม่ชอบให้อุ้ม ไม่แสดงท่าทีเรียกร้องความสนใจใดๆ ไม่มีภาษาท่าทางเพื่อการสื่อสาร เช่นการชี้นิ้วบอกความต้องการ  ค่อนข้างเงียบ ไม่ส่งเสียง ซึ่งเป็นอาการที่ตรงกันข้ามกับเด็กปกติ  ประชาชนทั่วไปมักจะพูดว่าเป็นเด็กเลี้ยงง่าย เพราะไม่ค่อยงอแง อาการผิดปกติจะเริ่มเห็นชัดขึ้นในขวบปีที่ 2 เด็กจะพูดเป็นคำๆไม่ได้ และพูดภาษาต่างดาวที่ไม่มีความหมายหรือที่เรียกว่าภาษาจากอน ( Jagon) ที่ตัวเองเข้าใจคนเดียว

 

 

เครื่องมือทีดาส สำหรับตรวจวินิจฉัยเด็กที่เป็นออทิสติกของไทยชุดนี้ จะใช้ในระดับโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลเฉพาะทาง  เพื่อตรวจวินิจฉัยขั้นยืนยันในกลุ่มเด็กอายุ 12 -48 เดือน ที่ตรวจพบว่ามีพัฒนาการล่าช้าผิดปกติ   โดยบุคลากรสหวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเด็กได้แก่จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กุมารแพทย์ จิตแพทย์ พยาบาล นักกิจกรรมบำบัด นักจิตวิทยา และนักแก้ไขการพูดสามารถใช้ได้ด้วย ซึ่งหลักการวินิจฉัยเด็กที่เป็นออทิสติกจะต้องใช้เครื่องมือประเมินเพื่อสังเกตอาการและพฤติกรรมของเด็กที่แสดงออกประกอบการพิจารณาของแพทย์ด้วย  ช่วยให้วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ รวดเร็วก่อนอายุ 3ขวบและได้รับการรักษาฟื้นฟูต่อเนื่อง ซึ่งเป็นช่วงที่เซลล์ประสาทในสมองกำลังพัฒนาการทำงาน  สมองก็จะได้รับการกระตุ้นและกลับมาทำงานได้ดีขึ้น  ความบกพร่องทางพัฒนาการด้านต่างๆของเด็กจะน้อยลงรวมทั้งมีผลต่อไอคิวด้วย จะฉุดไอคิวขึ้นมาทัดเทียมกับเด็กที่มีพัฒนาการปกติ    หากเด็กได้รับการฝึกให้สื่อสารใช้ภาษาได้เร็ว จะลดพฤติกรรมก้าวร้าวได้ดีด้วย      

 

 

ทางด้านแพทย์หญิงดวงกมล ตั้งวิริยะไพบูลย์ กุมารแพทย์เชี่ยวชาญประจำสถาบันพัฒนาการเด็กฯกล่าวว่า โครงการวิจัยฯนี้ดำเนินการระหว่างพ..2559-2561ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ชุดเครื่องมือตรวจวินิจฉัย จะมีชุดอุปกรณ์ของเล่นกระตุ้นประสาทสัมผัสของเด็กซึ่งได้จากการวิจัยทั้งหมด 12 รายการ ได้แก่รถยนต์ ลูกบอล หุ่นรูปสัตว์ บล็อกไม้ โทรศัพท์ของเล่น ตุ๊กตาเด็ก ของเล่นเสริมทักษะพัฒนาการ 5 ด้านคือการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กหยิบจับ  พัฒนาการภาษา การมอง การใช้มือและการได้ยิน  พัดลมตั้งโต้ะจิ๋ว กล่องใส ชุดเป่าฟองสบู่  ชุดเครื่องครัวและอาหารจำลอง และผ้าสี่เหลี่ยม  รวม 47 ชิ้น ใช้ต้นทุนผลิต 10,500 บาท การใช้จะต้องใช้ 2 ส่วนประกอบกันคือ1.การสัมภาษณ์ผู้ปกครองครอบคลุมทั้งด้านความบกพร่องในการสื่อสารปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของเด็กในหลายๆสถานการณ์ และด้านพฤติกรรมความสนใจของเด็ก และ2.การสังเกตพฤติกรรม โดยบุคลากรจะสังเกตเด็กขณะเล่นชุดเครื่องมือใน 6 กิจกรรมทดสอบ ได้แก่ 1. กิจกรรมการเล่นอิสระ 2. กิจกรรมการเรียกชื่อ 3.กิจกรรมเก็บของเล่นใส่กล่อง 4.กิจกรรมเป่าฟองสบู่ 5. กิจกรรมทำอาหาร 6.กิจกรรมจ้ะเอ๋ และปูไต่  ใช้เวลาประมาณ 45 นาที

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 29 ก.ย. 2561 เวลา : 17:33:27
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 12:37 pm