แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงเดือน ต.ค. ภาพรวมตลาดเบียร์จะอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคหลักในตลาดระดับกลางและล่างยังอยู่ในภาวะกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว แต่พอก้าวเข้าสู่เดือน พ.ย. ภาพรวมตลาดเบียร์ก็เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น เพราะเป็นช่วงเวลาของการเฉลิมฉลอง เห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการในธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ออกมาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าทำตลาดกันอย่างคึกคัก
จากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจเบียร์เริ่มมีความหวังว่าภาพรวมตลาดเบียร์ในสิ้นปี 2561นี้ น่าจะติดลบน้อยลง หลังจากพบว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมาตลาดเบียร์ในประเทศไทยมีการขยายตัวติดลบสูงถึง 10% จากปัจจุบันตลาดเบียร์ในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ในมูลค่าดังกล่าวแบ่งเป็นตลาดเมนสตรีม หรือตลาดระดับล่าง อย่างเช่น ช้าง และลีโอ เกือบ 80% อีกเกือบ 20% เป็นตลาดพรีเมียม เช่น สิงห์ ไฮเนเก้น และอีกเกือบ 1% เป็นตลาดซูเปอร์พรีเมียม อย่างเช่น คราฟต์เบียร์
สัญญานการฟื้นตัวของตลาดเบียร์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ "บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)" เล็งเห็นโอกาส ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เบียร์ใหม่ 2 แบรนด์เข้ามาทำตลาด ประกอบด้วย แบรนด์ฮันทส์แมน (HUNTSMAN) และ แบรนด์ แบล็ค ดราก้อน (Black Dragon) เข้ามารุกทำตลาดเบียร์รับไฮซีซั่น
นายโฆษิต สุขสิงห์ กรรมการผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์ ฮันทส์แมน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทนับจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสานต่อความสำเร็จในการเป็นผู้นำด้านธุรกิจเครื่องดื่มในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งผู้บริโภคสมัยใหม่ในทุกวันนี้มักจะมองหาอะไรที่ท้าทายอยู่เสมอ
ทั้งนี้ จากการที่ผู้บริโภคชาวไทยเป็นประเทศที่เปิดรับนวัตกรรมหรือสินค้าใหม่ๆ สูงกว่าประเทศอื่น จึงทำให้ ไทยเบฟ เล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคที่มองหาความแตกต่าง ความเป็นเอกลักษณ์ ความโดดเด่น ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง จึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เบียร์น้องใหม่ฮันทส์แมน และแบล็ค ดราก้อน เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เพื่อสร้างสีสันและกระตุ้นตลาดเบียร์ให้มีความคึกคักในช่วงปลายปี
ในส่วนของฮันทส์แมนจัดอยู่ในประเภทของ คลาวดี้ วีท เบียร์ (Cloudy Wheat Beer) ในสไตล์เบลเจี้ยน (Belgian Style)โดยมีส่วนผสมสำคัญคือ วีท มอลต์ (Wheat Malt) บาร์เลย์ มอลต์ (Barley Malt) และ โคลฟ (กานพลู) ส่วนผสมดังกล่าวถือเป็นการสร้างความแตกต่างไปจากแบรนด์อื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด
ด้าน น.ส.ศุภสิริ เด่นชาติพันธ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ฮันทส์แมน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของ ฮันทส์แมน คือ คาแรกเตอร์ของแบรนด์ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหมาป่า ทำให้ค่ำคืนแห่งการเปิดตัวของแบรนด์นั้นมีความพิเศษมากยิ่งขึ้นภายใต้การตกแต่งที่จำลองบรรยากาศของป่าอันลึกลับ ที่ให้ผู้มาร่วมงานได้สวมบทบาทคาแรกเตอร์ประหนึ่งเป็นหมาป่านักล่าที่จะได้ใช้โสตประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ รูป-การนำเสนอผลิตภัณฑ์อย่างตื่นเต้น ภายใต้การตกแต่งที่อลังการสวยงาม ที่ร้านวังหิ่งห้อย
สำหรับช่องทางการทำตลาดของเบียร์ ฮันทส์แมน ในช่วงแรก ไทยเบฟ ได้วางกลยุทธ์การจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่นกว่า 10,000 สาขา ทั่วประเทศ ในราคาที่จับต้องได้ ก่อนจะขยายไปยังช่องทางการจัดหน่ายในช่องทางอื่นๆ เพิ่มเติมในเดือนก.พ. 2562 เป็นต้นไป
สำหรับ เบียร์ แบล็ค ดราก้อน จะเป็นเบียร์แดงจากลมหายใจมังกร มีจุดเด่นในด้านของรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ตัวน้ำเบียร์ยังมีสีแดงเข้ม และมีปริมาณแอลกอฮอล์ที่ 4% ทำให้ประสบการณ์การดื่มเบียร์แตกต่างออกไปจากเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ประเทศไทยจะเน้นจำหน่ายเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ เบียร์ แบล็ค ดราก้อน ยังมีคุณลักษณะเด่น 3 ประการด้วยกัน คือ 1. เป็นผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่น ด้วยการผลิตเป็น เรด เอล (Red Ale) 2.ใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีภาพลักษณ์พรีเมียม ด้วยวัสดุที่มีผิวสัมผัสแบบด้าน ทำให้ภาพลักษณ์มีความเป็นระดับสากล และ 3.จำหน่ายในราคาที่จับต้องได้ มีความสมเหตุสมผล ซึ่งในประเทศไทยขณะนี้ ยังไม่มีเบียร์ประเภทนี้จำหน่ายมาก่อน
น.ส. ศุภสิริ กล่าวต่อว่า นอกจากตัวของน้ำเบียร์ที่มีสีแดงที่โดดเด่นแล้ว เบียร์ แบล็ค ดราก้อน ยังถือว่าเป็นเบียร์ที่จะเข้ามาเพิ่มสีสันให้กับตลาดเบียร์ เนื่องจากเบียร์แบล็ค ดราก้อน ถูกจัดว่าอยู่ในเบียร์ประเภท ACCESSIBLE CRAFT BEER เรียกได้ว่าเป็นการเปิดประเภทของเบียร์ใหม่ในตลาดเบียร์ในประเทศไทยเลยก็ว่าได้
แนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ถือเป็นเดินตามวิสัยทัศน์ 2020 ที่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้เคยประเทศไว้ ว่าจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจเครื่องดื่มของเอเซีย ซึ่งจากข้อมูลที่น่าสนใจว่าตลอดทั้งปี 2560 ที่ผ่านมา ไทยเบฟ มียอดขายเครื่องดื่มนำมาเป็นลำดับที่ 5 ของเอเชีย และอันดับที่ 1 ของอาเซียน ด้วยการมียอดขายเครื่องดื่มรวม 8,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 290,400 ล้านบาท
แม้ว่า ปัจจุบัน ไทยเบฟ จะขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มในอาเซียนแล้ว แต่ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจต่อเนื่อง เพื่อครองความเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรในอาเซียนอย่างยั่งยืน ภายใต้ 5 กลยุทธ์หลักที่จะนำมาใช้ คือ 1.Growth เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ 2.Diversity ความหลากหลายของสินค้า 3.Brand ตราสินค้าที่โดนใจ 4.Reach การกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง และ 5.Professionalism ความเป็นมืออาชีพด้วยการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร
ข่าวเด่น