เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
PwC คาดเศรษฐกิจโลกปีนี้ชะลอตัวจากปีก่อนคาดจีดีพีสหรัฐฯโตแค่2.3%


PwCคาดเศรษฐกิจโลกปี 62 ชะลอตัว หลังมองเศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตเพียง 2.3% ในปีนี้จาก 2.8% ในปีก่อน ด้านตลาดแรงงานกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วตึงตัว ส่งผลให้ค่าแรงเพิ่ม ขณะที่ขนาดเศรษฐกิจ “อินเดีย-ฝรั่งเศส”ใหญ่แซงหน้าสหราชอาณาจักรในปีนี้ ส่วนเศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตราว 3.7-3.9% แต่ต้องจับตาเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ การปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน


รายงานGlobal Economy Watchฉบับล่าสุด ระบุว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี2562จะชะลอตัว โดยอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจกลุ่มประเทศG7จะกลับสู่การเติบโตในระดับปกติ ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยในระยะยาว

นายศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วนบริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยว่าโดย PwC คาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้วตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2559 ถึงช่วงต้นของปี 2561 นั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยหลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯได้รับแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นทางการคลังของภาครัฐฯ ในช่วงก่อนหน้า

“มาในปีนี้คาดว่าจะค่อยๆเริ่มอ่อนแรงลง ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นน่าจะส่งผลทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง ขณะที่การแข็งค่าของเงินดอลลาร์จะส่งผลกระทบต่อการส่งออก ซึ่งPwCคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯในปี 2562จะเติบโตได้ในระดับปานกลางที่ 2.3% จาก2.8%ในปี 2561”

สำหรับเศรษฐกิจของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปีนี้ จะยังคงชะลอตัวเปรียบเทียบกับปี 2561 แม้ว่า รัฐบาลจีนจะได้มีความพยายามที่จะทำให้เศรษฐกิจของตนชะลอตัวน้อยที่สุด แต่ผลกระทบจากการกีดกันด้านภาษีของสหรัฐฯ และความต้องการในการควบคุมระดับหนี้ น่าจะส่งผลให้การเติบโตลดลงพอสมควรในปี 2562

ด้านตลาดแรงงานในกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วคาดว่าจะตึงตัว โดยอัตราการว่างงานจะลดลงต่อเนื่อง แม้ว่าการสร้างงานจะชะลอตัว ซึ่งนี่จะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ค่าจ้างแรงงานสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่กำลังมองหาพนักงานที่มีทักษะมาทดแทนแรงงานที่ขาดแคลน PwC คาดการณ์ว่า ในปี 2562 การว่างงานในสหรัฐอเมริกาและเยอรมนีจะลดลงเล็กน้อย ในขณะที่อัตราการสร้างงานยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

ขณะที่ นาย บาร์เร็ต คูเปเลียน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของPwC กล่าวว่า“ข่าวที่ดูเหมือนเป็นข่าวใหญ่ทางด้านเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาเห็นจะเป็นเรื่องของการจ้างงานในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว จำนวนกว่า 4.5 ล้านงาน

“ดังนั้นเราคาดว่ากระแสของการจ้างงานในปีนี้จะแผ่วลง หลังประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเยอรมนีเริ่มแตะเพดานโครงสร้างการว่างงานแล้ว และอัตราค่าจ้างแรงงานน่าจะค่อยๆ เริ่มสูงขึ้น หากเบร็กซิทเรียบร้อยตามแผนที่ได้วางไว้

เราคาดว่าจะเห็นอัตราการว่างงานในสหราชอาณาจักรลดลงอย่างชัดเจน ในทางตรงกันข้าม หากเบร็กซิทไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ อาจนำไปสู่อัตราการว่างงานที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน”

นอจากนี้รายงานของ PwC ยังระบุอีกว่าอันดับของสหราชอาณาจักรจะปรับตัวลดลงในการจัดอันดับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก โดยทั้งอินเดียและฝรั่งเศสน่าจะแซงหน้าสหราชอาณาจักร โดยในปี 2562 อันดับขนาดเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจะตกลงจากอันดับที่ 5 สู่อันดับที่ 7

ทั้งนี้อันดับของสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสมีการสลับกันไปมามาโดยตลอด เนื่องจากทั้งสองประเทศมีระดับของการพัฒนาและจำนวนประชากรที่ใกล้เคียงกัน ในส่วนอันดับของอินเดียที่ไต่สูงขึ้น มีแนวโน้มที่จะขึ้นถาวร โดย PwC คาดการณ์ว่า ในปี 2562 อัตราการเติบโตของจีดีพีที่แท้จริง (Real GDP growth) ของสหราชอาณาจักรจะมีการเติบโตอยู่ที่ 1.6% ฝรั่งเศสเติบโต 1.7% และอินเดียเติบโตที่ 7.6%

ด้าน นาย ไมค์ เจคแมน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ของ PwC กล่าวว่า “อินเดียถือเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยจำนวนประชากรที่มหาศาล และมีศักยภาพสูงที่จะโตได้อีก เนื่องจากจีดีพีต่อหัวที่ยังคงไม่ได้สูงมากนัก และน่าจะทำให้อินเดียสามารถไต่อันดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในตารางอันดับจีดีพีโลกในช่วงทศวรรษหน้าได้

“ในส่วนของสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ไม่แพ้กันและแข่งขันกันอย่างคู่คี่สูสีมาโดยตลอด แต่การเติบโตที่ลดลงของสหราชอาณาจักรในปีที่ผ่านมาและต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ น่าจะส่งผลให้ฝรั่งเศสกลับมามีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่า โดยความแข็งแกร่งของสกุลเงินยูโรเทียบกับเงินปอนด์ ยังถือเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการปรับขึ้นของฝรั่งเศสด้วย”

นาย ศิระ กล่าวทิ้งท้ายว่าสำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2562นั้น น่าจะเติบโตประมาณ 3.7-3.9% จากปีที่ผ่านมา โดยยังคงได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายและการบริโภคภายในประเทศ ขณะที่การท่องเที่ยวน่าจะเริ่มฟื้นตัวจากปีนี้ หลังสำนักวิจัยหลายแห่งคาดว่า นักท่องเที่ยวจีนจะกลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยตามปกติ แต่ภาคการส่งออกยังคงเผชิญกับการชะลอตัวตามแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศหลักที่เติบโตช้าลง รวมถึงได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าอีกด้วย อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ต้องติดตามต่อในปีนี้คือ เสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และปัจจัยภายนอก

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 ม.ค. 2562 เวลา : 19:48:37
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 10:49 am