เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
กนอ.เอ็มโอยูกฟน.ทีโอทีSME D Bankพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล


กนอ.เอ็มโอยู กฟน. ทีโอที SME D Bankพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล-พลังงานอัจฉริยะในนิคมฯสมาร์ทปาร์ค


 
 
 
 
 
กนอ.ผนึก กฟน.-ทีโอที-SME D Bank ร่วมเดินหน้าโครงการความร่วมมือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค  มุ่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ ทั้งระบบโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง พลังงานอัจฉริยะ ศูนย์การให้บริการด้านข้อมูลอัจฉริยะและการสนับสนุนการให้บริการทางการเงิน กับผู้ประกอบการ เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน อุตสาหกรรมไทย ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง

 
 
 
 
 
ดร.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)เปิดเผยว่ารัฐบาลได้กำหนดนโยบายที่ชัดเจน ในการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันโดยเน้นการต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมไปสู่อุตสาหกรรมที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการผลิตและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี โดยกนอ.มีบทบาทในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค ซึ่งในวันนี้(23 มกราคม 2562)ได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือกับพันธมิตร 3 ฝ่าย ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)หรือทีโอทีและธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ในการศึกษา“โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบดิจิทัลและสื่อสารโทรคมนาคมอัจฉริยะ (Smart Digital/Telecommunication) และบันทึกความร่วมมือโครงการพัฒนาพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy)”  ในนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการระบบสาธารณูปโภคอัจฉริยะก้าวไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในอนาคต ทั้งในด้านการวางระบบโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ระบบให้บริการธุรกรรมทางการเงิน การใช้พลังงานอัจฉริยะที่สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0

“ความร่วมมือในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค ในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือในการต่อยอดภาคการผลิต         เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้สอดคล้องเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงระบบการผลิตของไทยด้วยนวัตกรรมที่จะเชื่อมโยงความเจริญไปสู่ภูมิภาค”ดร.สมจิณณ์ กล่าว

สำหรับเป้าหมายของความร่วมมือในโครงการดังกล่าว กนอ. กฟน. ทีโอทีและSME D Bankจะร่วมกันพัฒนา          นิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค ในด้านต่างๆให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมร่วมกัน ประกอบด้วย 1.การพัฒนาพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ที่จะนำไปใช้ในพื้นที่ทั้งในด้านการใช้พลังงานทดแทน (Renewable Energy) และการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency) เพื่อการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

2.การให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับบริการระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทั้งในการวางระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียม ระบบการสื่อสารไร้สาย รวมทั้งDigital Solution Platformที่ประกอบด้วยการให้บริการด้านการเก็บรักษาข้อมูลให้กับผู้ประกอบการโดยใช้ระบบศูนย์กลางการเก็บข้อมูลหรือData Center ด้วยรูปแบบการให้บริการในระบบต่างๆ อาทิ คลาวด์แพลตฟอร์ม (Cloud Platform )ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์และจัดการข้อมูล สามารถตอบโจทย์การทำงานของธุรกิจได้เป็นอย่างดี Internet of Things หรือ IoT Platform เป็นการเชื่อมโยงข้อมูล ด้วยระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน Cyber Securityหรือระบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันการเจาะข้อมูลเข้าสู่ระบบ Big Data หรือระบบศูนย์ข้อมูลกลางที่สามารถนำไปประมวลผลเพื่อประโยชน์การผลิตและวางแผน และ AI Platform หรือระบบประมวลผลอัจฉริยะเป็นต้น

3.การสนับสนุนทางด้านแหล่งเงินทุน องค์ความรู้ทางการตลาด การจัดการผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ที่ควบคู่กับการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมที่เข้ามาใช้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค 
 
 

 
 
 
 
นายกีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)กล่าวว่าสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้กฟน.ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินโครงการเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารโทรคมนาคมอัจฉริยะ และโครงการพัฒนาพลังงานอัจฉริยะ(Smart Energy)ในนิคมอุตสาหกรรม ร่วมกับกนอ.และทีโอที ซึ่งบทบาทของกฟน.จากพิธีลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ คือ การร่วมกับกนอ.พัฒนาพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ในนิคมอุตสาหกรรมโดยศึกษาและพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เกี่ยวข้องด้านพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) พลังงานทดแทน (Renewable Energy)       
การบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency)อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการนำไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City)ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศมุ่งเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) โครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค ตามแนวนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะส่งเสริมให้นิคมอุตสาหกรรมมีความทันสมัย ชุมชนในนิคมอุตสาหกรรมมีคุณภาพชีวิตที่ดี
 

 
 
 
 
 
ด้านนายมนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที กล่าวว่าเป้าหมายของความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทีโอที ต้องขอขอบคุณ กนอ. ธพว.และกฟน.ที่ให้ความไว้วางใจ ทีโอที ในการที่จะร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารโทรคมนาคมสู่ดิจิทัล 4.0 เพื่อเพิ่มศักยภาพขององค์กรและของบุคลากร รวมถึงสนับสนุนด้านโทรคมนาคมและดิจิทัลให้กับผู้ประกอบในนิคมอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต New S-Curve โครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค และรวมถึงผู้ประกอบการ SMEs ในการพัฒนาเพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่ Digital Transformation ด้วยการดำเนินงานที่ใช้ดิจิทัลเป็นbaseและพัฒนาธุรกิจไปสู่ดิจิทัล 4.0 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และพัฒนาขยายตลาดสร้างรายได้เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่จะเข้ามาลงทุนในอนาคตต่อไป

“ทั้งนี้ในวันนี้(23 มกราคม 2562)กฟน.และทีโอที ได้ร่วมลงนามความร่วมมือเพื่อร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้าและการสื่อสารที่จะนำไปสู่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) อันจะเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐในการจัดสร้างและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้า และการสื่อสารสำหรับนิคมอุตสาหกรรมเพื่อลดการลงทุนซ้ำซ้อน และปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในนิคมอุตสาหกรรมให้สวยงามเป็นระเบียบ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานภาครัฐเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร            และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศได้อย่างยั่งยืน”นายมนต์ชัยกล่าว

อย่างไรก็ตามโครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์คพัฒนาอยู่บนพื้นที่ 1,500 ไร่ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve ประกอบด้วย 1.หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม (ROBOTICS) 2.อุตสาหกรรมการบิน และโลจิสติกส์ (AVIATION AND LOGISTICS) 3.อุตสาหกรรมดิจิทัล (DIGITAL) 4.อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (BIOFUELS AND BIOCHEMICALS) 5.อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (MEDICAL HUB)

 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 ม.ค. 2562 เวลา : 13:51:21
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 1:41 pm