เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
พาณิชย์เร่งแก้ปัญหาการขาดแคลนธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในไทย


พาณิชย์เร่งแก้ปัญหาการขาดแคลนธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในไทยหลังพบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุโตไม่ทันความต้องการของตลาด คาดปี 2563ผู้สูงอายุในประเทศไทยทะลุ13ล้านคน หรือร้อยละ20ของประชากรทั้งประเทศ


กระทรวงพาณิชย์เร่งแก้ปัญหาธุรกิจดูแลผู้สูงอายุขาดแคลน - ไม่ได้มาตรฐาน หลังพบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุโตไม่ทันความต้องการของตลาด และไม่สอดคล้องกับจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้น เบื้องต้นเน้นพัฒนาให้ธุรกิจมีการบริหารจัดการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐาน พร้อมสร้างแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจลงทุนในธุรกิจดูแลผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น รองรับความต้องการใช้บริการที่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด คาดปี 2563 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุทะลุ 13 ล้านคน หรือร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ มั่นใจ...ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า“ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ(Aging Society)อย่างเต็มรูปแบบในอีก 1-2 ปีข้างหน้านี้ โดยคาดว่าในปี2563ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปี ราว 13 ล้านคนหรือร้อยล 20ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ (ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว ผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป ประเทศในกลุ่มนอร์ดิก เช่น ไอซ์แลนด์ และฟินแลนด์ เป็นต้น”

"จึงเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทยเนื่องจากมีความพร้อมและมีความได้เปรียบหลายด้าน เช่น คนไทยมีหัวใจรักบริการ ค่าใช้จ่ายมีความสมเหตุสมผล มีสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหลากหลาย นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีสถานบริการทางการแพทย์และสถานบริการสุขภาพที่ครบครัน ซึ่งจากองค์ประกอบที่ครบถ้วนนี้ทำให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุของไทยสามารถตอบโจทย์ผู้สูงอายุจากทั่วทุกมุมโลกได้ครบทุกมิติ”

“อย่างไรก็ตามปัญหาสำคัญของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทย คือการขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้และทักษะการจัดการบริการ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยการพยาบาล นักกายภาพบำบัด นักโภชนาการและนักกิจกรรมบำบัด อีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญ คือสถานบริการบางแห่งยังไม่ได้มาตรฐาน การดำเนินงานยังคงพบปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆ เช่น ผู้ให้บริการไม่รับผิดชอบดูแลผู้สูงอายุให้เพียงพอฯลฯหรือในกรณีผู้สูงอายุเสียชีวิต ณ สถานประกอบการ ควรต้องดำเนินการอย่างไร เนื่องจากยังไม่มีเกณฑ์มาตรฐานสถานดูแลผู้สูงอายุที่จะให้คำตอบเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบและเกิดความเสียหายแก่ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในระยะยาว”

อธิบดี กล่าวเพิ่มเติมว่า“กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เข้ามาดูแลเรื่องมาตรฐานการบริหารจัดการธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ โดยเน้นการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจให้มีมาตรฐานคุณภาพการบริหารจัดการธุรกิจ ประกอบด้วย 1) การสร้างองค์ความรู้ และเสริมสร้างศักยภาพด้านการบริหารจัดการ 2) พัฒนาธุรกิจบริการสู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพตามแนวทางของรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award : TQA) และ 3) สร้างโอกาสทางการตลาดและเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจดูแลผู้สูงอายุที่มีศักยภาพกับตลาดผ่านแพลทฟอร์มหรือช่องทางการตลาดของกลุ่มStartupที่เกี่ยวข้อง”

“นอกจากนี้กรมฯยังได้ร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สร้างโอกาสทางการตลาดให้แก่ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ โดยการนำเสนอธุรกิจในงานแสดงธุรกิจ STYLE 2019 ที่กำลังจะจัดขึ้นในเดือนเมษายน 2562 นี้ ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Virtual Reality หรือ VR ในการนำเสนอธุรกิจบริการสุขภาพ (สปา นวดเพื่อสุขภาพ และธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ) จำนวน 50 ราย เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการนำเสนอธุรกิจบริการให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนได้ไปเยือนสถานที่จริง ก่อนตัดสินใจเดินทางไปใช้บริการ ณ สถานที่จริง ซึ่งนอกจากจะมีการนำเสนอธุรกิจในงานฯ ดังกล่าวแล้ว ธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการยังสามารถนำสื่อ VR ไปต่อยอดในการทำการตลาดออนไลน์ของตนเองได้อีกด้วย”  

ทั้งนี้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทยแบ่งได้ออกเป็น 5 รูปแบบ คือ 1) บ้านพักคนชรา (residential Home)  2) สถานบริการช่วยเหลือในการดำรงชีวิต (Assisted Living) 3) สถานบริบาล (Nursing Home) 4) สถานดูแลระยะยาวในโรงพยาบาล (Long-term Care Hospital) และ 5) สถานดูแลระยะสุดท้าย (Hospice Care)

ข้อมูลจากมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทยและกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทย จำนวนทั้งสิ้น 800 ราย แบ่งเป็น นิติบุคคล จำนวน 273 ราย คิดเป็นร้อยละ 34.12 ทุนจดทะเบียนรวม 1,534.30 ล้านบาทและบุคคลธรรมดา จำนวน 527 ราย คิดเป็นร้อยละ 65.88

LastUpdate 25/01/2562 09:48:09 โดย : Admin
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 9:24 am