นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 มีจำนวน 6,833,645.93 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 41.80 ของ GDP โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 5,551,356.52 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ 937,778.13 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน* (รัฐบาลค้ำประกัน) 336,643.42 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 7,867.86 ล้านบาท
โดยมีรายละเอียด ดังนี้
หนี้รัฐบาล จำนวน 5,551,356.52 ล้านบาท มีรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้
• เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 22,600 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นไปตามแผนการกู้เงินที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 และแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2562 ซึ่งเป็นการกู้เงินเพื่อพัฒนาประเทศ
สร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจ รวมถึงการออกพันธบัตรออมทรัพย์เพื่อเป็นการส่งเสริมการออมที่มั่นคงของประชาชนเป็นสำคัญ
• การกู้เพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ถึงกำหนดการเบิกจ่ายตามแผนงาน และความก้าวหน้าของโครงการจากแหล่งเงินกู้ในประเทศเพิ่มขึ้นสุทธิ 4,119.13 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่ (1) การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 1,797.64 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น จำนวน 1,227.92 ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางคู่ ช่วงมาบกะเบา- ชุมทางถนนจิระ จำนวน 198.58 ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางคู่ ช่วงนครปฐม - ชุมพร จำนวน 174.48 ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย จำนวน 121.17 ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางคู่ ช่วงลพบุรี -ปากน้ำโพ จำนวน 38.27 ล้านบาท และโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต จำนวน 37.22 ล้านบาท
และ (2) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยซึ่งเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 2,321.49 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี จำนวน 1,335.82 ล้านบาท สายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จำนวน 671.87 ล้านบาท และสายสีน้ำเงิน จำนวน 313.80 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อโครงการต่างๆ แล้วเสร็จคาดการณ์ว่าจะสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือ โครงการลงทุนของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยและการรถไฟแห่งประเทศไทยเมื่อแล้วเสร็จจะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจประมาณร้อยละ15.13 และร้อยละ 15.72 ของมูลค่าการลงทุนของโครงการตามลำดับ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการขนส่งทางรถไฟ
ลดระยะเวลาการเดินทาง กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม
หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 1,000 ล้านบาท
หนี้ต่างประเทศ ลดลงสุทธิ 309.89 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนหนี้สกุลเงินเหรียญสหรัฐและสกุลเงินเยนเป็นสำคัญ
หนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 937,778.13 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก
หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน เพิ่มขึ้นสุทธิ 204.36 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการเบิกจ่ายเงินกู้ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เพิ่มขึ้นสุทธิ 1,491.19 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากหนี้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 336,643.42 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 1,614.93 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากหนี้ที่ลดลงของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 7,867.86 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 597.56 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนหนี้เงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 500 ล้านบาท
หนี้สาธารณะ คงค้าง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561 จำนวน 6,833,645.93 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ในประเทศ 6,578,857.80ล้านบาทหรือร้อยละ 96.27 และหนี้ต่างประเทศ 254,788.13 ล้านบาท (ประมาณ7,778.38ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 3.73 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมดและหนี้สาธารณะคงค้างแบ่งตามอายุคงเหลือ สามารถแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,970,360.85 ล้านบาท หรือร้อยละ 87.37 และหนี้ระยะสั้น 863,285.08 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.63 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด
ข่าวเด่น