การตลาด
สกู๊ป "ซีอาร์จี" ลั่นกลองรบ ชูกลยุทธ์ "ทรานส์ฟอร์ม" สู้ศึก "ธุรกิจร้านอาหาร"


นับวันการแข่งขันของธุรกิจร้านอาหารจะมีความรุนแรงมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ ซีอาร์จี จึงขอออกมางัดกลยุทธ์ Transform from Operator to Innovator เร่งรายได้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยการเดินหน้ารุกบริการ Multi-brand Delivery เต็มรูปแบบ ต่อยอด “1312” สู่ช่องทาง Omni Channel ด้วยแอพพลิเคชั่นเหนือชั้น “CRG 1312” สั่งอาหาร จองร้าน เบ็ดเสร็จในแอพเดียว พร้อมกับเดินหน้าเปิดตัวร้านอาหารแบรนด์น้องใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง

 
 
 
 
 
จากการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจร้านอาหาร ส่งผลให้คาดการณ์กันว่าปี 2562 นี้ ธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยน่าจะขยายตัวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3-5% ต่อปี เนื่องจากผู้เล่นทุกค่ายเก่าและผู้ประกอบการหน้าใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารเครือข่าย (Food chain restaurant) ที่มีสัดส่วน 1 ใน 3 ต่างออกมางัดกลยุทธ์การแข่งขันเชิงรุกอย่างร้อนแรง เพื่อเจาะตลาดหวังขยายฐานลูกค้าทุกเซกเมนต์

นายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ ซีอาร์จี กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2562 นี้ บริษัทจะเร่งเดินหน้ารุกสมรภูมิธุรกิจร้านอาหารที่มีเม็ดเงินมากกว่า 410,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ได้กำหนดแผนงาน Let’s Make The Jump ต่อยอดจากปี 2561 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงจากแผนงาน Let’s Success Together สามารถผลักดันรายได้เติบโตรายได้สูงประมาณ 10% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจร้านอาหารเครือข่าย ซึ่งเติบโตเพียง 4-5% เนื่องจากบริษัทมีการเร่งขยายสาขา ออกสินค้าใหม่ การพัฒนาบริการและการทำการตลาดเพิ่มยอดขาย

สำหรับกลยุทธ์ Transform from Operator to Innovator ที่ ซีอาร์จี จะหันมาให้ความสำคัญเป็นพิเศษในปีนี้ เพราะต้องการออกจากกรอบการเป็นผู้รับสิทธิ์บริหารแฟรนไชส์สู้การเป็นอินโนเวเตอค์ ด้วยการมุ่งมั่นพัฒนาแบรนด์ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ พัฒนา new product line เพื่อสร้างยอดขาย และเพิ่มโอกาสการบริโภคใหม่ๆ รวมไปถึงการพัฒนารูปแบบร้านค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เช่น ร้านค้าขนาดเล็กสไตล์คาเฟ่ และร้านสไตล์ Mobile unit ที่เข้าถึงลูกค้าง่ายขึ้นและเคลื่อนย้ายตามจุดทำเลที่มีศักยภาพได้ตลอดเวลา

ปัจจุบัน ซีอาร์จี มีแบรนด์ร้านอาหารในเครือ 11 แบรนด์ ได้แก่ มิสเตอร์ โดนัท, เคเอฟซี, อานตี้ แอนส์, เปปเปอร์ ลันช์, ชาบูตง, โคล สโตน ครีมเมอรี่, เดอะ เทอเรส, โยชิโนยะ, โอโตยะ, เทนยะ และคัตสึยะ ซึ่งนับจากนี้ไปทั้ง 11 แบรนด์ จะมีการปรับคอนเซ็ปต์แนวไลฟ์สไตล์มากขึ้น เพื่อสร้างความตื่นเต้นดึงดูดกลุ่มลูกค้าหลากหลายขึ้น ตอกย้ำจุดแข็งด้านคุณภาพอาหาร ความอร่อย ความหลากหลาย และบริการที่ดี

ล่าสุด ซีอาร์จี ได้มีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ 2 แบรนด์ คือ แบรนด์ “อร่อยดี” (Aroi Dee) และ “สุกี้เฮาส์” (Suki House) เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง โดยในส่วนของ “อร่อยดี” จะเป็นแบรนด์ร้านอาหารไทยตามสั่งที่มีจุดขาย คือ สะอาด-สดจากเตา-เย็นสบาย-ในราคาที่เข้าถึงได้ นำเสนออาหารที่พัฒนาสูตรเฉพาะโดยเชฟที่มากประสบการณ์ของซีอาร์จี จัดเต็มเมนูเด็ดๆ เช่น ข้าวไข่ข้น ข้าวกระเพราไก่สับ-ไข่กรอบ เส้นจันทน์ผัดไทย ราคาเริ่มต้นเพียง 59 บาท โดยลูกค้าสามารถรับประทานที่ร้าน สั่งกลับบ้านหรือใช้บริการดีลิเวอรี่ได้
 
ล่าสุด ร้านอร่อยดีเปิดแล้ว 3 สาขา ที่ สีลมซอย 32, ปั้ม ปตท. สายไหม และ ไทวัสดุ บางนา ซึ่งซีอาร์จีมีแผนขยายอย่างน้อย 10 สาขาในปีนี้ โดยหวังให้ร้านอร่อยดี เป็นทางเลือกให้ลูกค้าสามารถทานอาหารที่อร่อย สะอาด คุ้มค่า ได้ทุกวัน และมีแผนเปิดขายแฟรนไชส์ เพื่อเร่งเครื่องปูพรมสาขาภายในปีนี้ด้วย

ส่วน “สุกี้เฮาส์” จะเป็นแบรนด์ที่ต้องการสร้างความแตกต่างในตลาดร้านสุกี้ เน้นบรรยากาศความสนุกสนานให้กลุ่มลูกค้า เพื่อฉีกแนวการกินสุกี้แบบเดิมๆ โดยจะประเดิมเผยโฉมสาขาแรกในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการ ซีอาร์จี มั่นใจว่าจะปลุกความตื่นเต้นให้ตลาดและกลุ่มลูกค้าที่นิยมอาหารแนวสุกี้ได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ในปี 2562 นี้ ซีอาร์จี ยังมีแผนที่จะเปิดแบรนด์ใหม่อย่างน้อย 2-3 แบรนด์ ทั้งรูปแบบการควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions หรือ M&A) และการหาพาร์ทเนอร์รายย่อย เพื่อนำจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาร่วมกันสร้างกิจการร้านอาหารแนวใหม่ๆ

ขณะเดียวกัน ในด้านของตลาดต่างประเทศ ซีอาร์จี มีการกำหนดยุทธศาสตร์การสร้าง “ฮับ” เจาะตลาดอาเซียน โดยเน้นการขยายเชนร้านอาหารเจาะกลุ่มตลาดกลางและตลาดแมส ภายใต้แบรนด์กลุ่มร้านอาหารไทยและเปิดขายแฟรนไชส์แบรนด์ที่มีศักยภาพ รวมถึงการ M&A กับแบรนด์ในประเทศนั้นๆ เพื่อเป็นรากฐานต่อยอดธุรกิจ โดยกลุ่มประเทศที่ให้ความสนใจจะเข้าไปลงทุนธุรกิจร้านอาหาร คือ ซีแอลเอ็มวี และมาเลเซีย

นายณัฐ กล่าวว่า ปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทรุกสมรภูมิธุรกิจร้านอาหารมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่อาจจะดูชะลอตัว แต่ยังคงเติบโตดีอยู่ ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และที่สำคัญคู่แข่งในกลุ่มฟู้ดเชนรายใหญ่กระโดดลงแข่งขันเจาะตลาดแมสมากขึ้น ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าทุกแบรนด์สามารถเป็นกำลังหลักในการผลักดันรายได้ โดยเฉพาะแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น เคเอฟซี, โอโตยะ, มิสเตอร์ โดนัท และกลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่น ทั้ง เปปเปอร์ ลันช์, โยชิโนยะ, คัตสึยะ และเทนยะ ซึ่งมีอัตราเติบโตสูงถึง 29% ยอดขายพุ่งทะลุระดับ 1,000 ล้านบาท

 
 
 
ด้าน นายปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายการตลาด ซีอาร์จี กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะรุกขยายบริการ Multi-brand Delivery เต็มรูปแบบ หลังเปิดตัวบริการใหม่ “1312 สั่งครั้งเดียว อร่อยหลายร้าน” จัดส่งมื้ออร่อยให้ลูกค้าจากแบรนด์ร้านอาหารในเครือซีอาร์จีทั้ง 11 แบรนด์ ในการสั่งอาหารเพียงครั้งเดียวและจ่ายค่าบริการจัดส่งเพียงครั้งเดียว ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์การขายเหนือคู่แข่งในตลาด โดยปีนี้จะขยายเข้าสู่ช่องทาง Omni Channel ลูกค้าสามารถสั่งอาหารจากร้านอาหาร ทั้งกลุ่มซีอาร์จี รวมถึงการจองร้านอาหาร และออเดอร์ต่างๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น “CRG 1312” คาดจะเปิดให้บริการภายในเดือนเม.ย.นี้

 
 
 
 
 
ขณะเดียวกันจะพัฒนาฟอร์แมทใหม่ ที่เรียกว่า Online Virtual Stores รวมแบรนด์ร้านอาหารสไตล์สตรีทฟู้ดชื่อดัง เพื่อเพิ่มความหลากหลายและสร้างความแตกต่างในตลาด โดยลูกค้าสามารถสั่งอาหารผ่านแอพลิเคชั่นได้ และเตรียมเปิดแพลตฟอร์มใหม่ Hub Model เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบริการดีลิเวอรี่ สร้างจุดแข็ง ตอบรับตลาดเดลิเวอรี่ที่เติบโตสูงมากในขณะนี้

จากการเปิดตัวดีลิเวอรี่ 1312 ดังกล่าว ซีอาร์จี มั่นใจว่าสิ้นปี 2562 นี้ จะมียอดขายจาดเดลิเวอรี่อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท จาก 600 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ส่วนภาพรวมรายได้สิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 13,400 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 12%

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 มี.ค. 2562 เวลา : 12:45:38
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 5:17 pm